เรื่องจริงจากหนัง Saving Private Ryan !!!

เชื่อว่าสมาชิกผู้ทรงภูมิเกินครึ่งในที่นี้ ได้เคยชมภาพยนตร์เรื่องSaving Private Ryan ฝ่าสมรภูมินรกมาแล้ว ซึ่งเป็นภาพยนตร์ระดับตำนานที่เกี่ยวข้องกับพี่น้องไรอัน 4 คน ซึ่งเป็นทหารด้วยกันทั้งหมด แต่น้องคนสุดท้องนั้นกลับถูกตามหาในแนวหลังข้าศึกโดยทีมของร้อยเอกมิลเลอร์ เพราะพี่ชายทั้งสามคนเสียชีวิตหมดแล้ว ซึ่งถูกรังสรรค์โดยพ่อมดแห่งฮอลลิวูด สตีเวน สปีลเบิร์ก เป็นผลงานที่ไม่มีวันตายโดยแท้จริง 


เรื่องจริงจากหนัง Saving Private Ryan !!!

แต่หลายท่านอาจยังไม่เคยรู้ว่า เหตุการณ์ในภาพยนตร์นั้นได้รับแรงบัลดาลใจจากเรื่องจริงของ4 พี่น้องชาวไอริชจากนิวยอค นั่นคือพี่น้องตะกูลนิแลนด์ ซึ่งประกอบด้วย 1.) สิบเอกด้านเทคนิค เอ็ดเวริด นิแลนด์ ผู้เป็นพี่ชายคนโต เขาประจำการอยู่ในกองทัพอากาศ ฝูงบินที่434 แห่งกองทัพบกสหรัฐ ซึ่งเป็นลูกเรือเครื่องB-25 ปฏิบัติหน้าที่ในพม่า 2.) ร้อยตรีเพิสตัน นิแลนด์ พี่ชายคนรอง ประจำการอยู่ในกรมทหารราบที่ 22 แห่งกองพลทหารราบที่ 4 3.) สิบเอกโรเบิร์ต บ๊อบ นิแลนด์ ประจำการอยู่ในกรมพลร่มที่ 505 แห่งกองพลพลร่มที่ 82 และคนสุดท้าย 4.) ฟริดิกค์ (ฟริทซ์) นิแลนด์ สิบเอกประจำการกองร้อยH ของกรมพลร่มที่ 501 แห่งกองพลพลร่มที่ 101ในตำนานนั่นเอง นอกจากนี้ ฟริทซ์ยังเป็นเพื่อนคนสนิทของโดนัล มาลาคีย์ และสคิป มัค อีกด้วย (คุ้นๆแล้วใช่มั้ย อีโมติคอน pacman ใช่แล้ว ตัวละครหลักของซีรีย์ BOBนั่นเอง) 


เรื่องจริงจากหนัง Saving Private Ryan !!!

ซึ่งพี่น้อง 3 คนหลัง ทั้งฟริทซ์ บ๊อบ และเพิสตัน ต่างร่วมปฎิบัติการโอเวอร์ลอร์ดพร้อมกันในวันที่ 6 มิถุนายน 1944 ส่วนเอ็ดเวริด พี่คนโต ถูกยิงตกในพม่าตั้งแต่เดือนพฤษภาคมที่ผ่านมาแล้ว โดยไม่รู้ถึงชะตากรรม โดยพี่คนรอง เพิสตัน ถูกฆ่าในวันที่ 7 มิถุนายน 1944 รอบๆหาดยูทาร์ ส่วนบ๊อบ ถูกฆ่าในการรบที่ Neuville-au-Plain ในวันที่ 6 มิถุนายน ส่วนฟริทซ์ ยังคงรบต่อไปอีกหลายวันหลังจากD-DAY จนเขาไปพบเข้ากับกองพลที่ 82 จึงคิดจะไปหาพี่ชาย แต่สุดท้ายก็ต้องยอมรับความจริงอันแสนปวดร้าวว่า บ๊อบกับเพิสตันถูกฆ่าไปเมื่อหลายวันก่อนแล้วทางกองทัพสหรัฐรู้เรื่องนี้มาก่อนแล้ว จึงส่งฟริทซ์กลับไปยังอังกฤษ เพื่อให้เป็นบุตรชายแม้จะคนเดียวก็ตามในครอบครัวนิแลนด์ แต่เขาก็ยังคงรับราชการต่อไป 


เรื่องจริงจากหนัง Saving Private Ryan !!!

ในฐานะสารวัตรทหารในอังกฤษ และถูกส่งกลับไปยังบ้านของตนที่นิวยอค จนกระทั่งจบสงคราม และได้รับเหรียญบรอนซ์สตาร์ ในการปฏิบัติหน้าที่ แต่ฟริทซ์ก็ได้รับข่าวดี ว่าพี่ชายคนโต เอ็ดเวริดยังไม่ตาย หลังจากเขาโดดร่มลงในป่าในพม่าจนถูกทหารญี่ปุ่นจับเป็นเชลยในญี่ปุ่น จนเขาได้รับอิสรภาพในวันที่4 เดือนพฤษภาคม 1945 และกลับไปยังนิวยอคเพื่อไปพบกับน้องชายและครอบครัวของเขา ฟริทซ์ เสียชีวิตอย่างสงบในปี 1983 ในวัย 63 ปี ที่ซรานฟานซิสโก ตามด้วยเอ็ดเวริด ในปีถัดมาในวัย 72 ปี เรื่องราวของพี่น้อง 4 คนนี้น่าจะจบตั้งแต่จุดนั้น จนกระทั่งสตีเวน สปีลเบิร์ก นำเรื่องราวของทั้ง 4 มาดัดแปลงให้ยอดเยี่ยมยิ่งขึ้น ในเรื่อง Saving Private Ryan โดยนำนักแสดง อย่างแมท เดม่อน มาแสดงเป็น เจม ไรอัน ตัวละครผู้สวมบทเป็นฟริทซ์นั่นเอง ซึ่งบทบาทนี้ ทำให้แมทโด่งดังเป็นพลุแตกในช่วงที่ภาพยนตร์เรื่องนี้เข้าฉาย
(ผู้กำกับสตีเวน และนักแสดงนำ ทอม แฮงค์ มาเยี่ยมหลุมศพของทั้งสองในปี 1998 พร้อมกับลูกหลานตระกูลนิแลนด์)


เรื่องจริงจากหนัง Saving Private Ryan !!!

ที่มา:soccersuck



เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์