คุณไสย

คำว่า "คุณไสย" ในพจนานุกรมมติชนแปลว่าอาถรรพณ์ หรือการทำร้ายผู้อื่นด้วยเวทมนตร์

จัดเป็นอวิชชาประเภทหนึ่งที่มีผู้เชื่อถือมาตั้งแต่โบราณ เป็นการใช้ไสยศาสตร์เพื่อทำร้ายศัตรู ที่มีชื่อเสียงมากเห็นจะเป็นมนต์ดำจากเขมร ซึ่งเชื่อว่ามีความขลังและแก้ยากที่สุด มีทั้งพิธีการเสกหนังควาย ตะปูขึ้นสนิม นอต หนังงู หนังช้าง กระดูกผี เข็มหนาม เหรียญปากผี ผมผี ก้อนหิน มีดโกน เป็นต้น เพื่อให้ของพวกนี้เข้าตัว

คนที่ถูกคุณไสยเข้าเรียกว่า "โดนของ" หรือ "ถูกของ"

ต้องไปหาพระหรือหมอผีผู้เชี่ยวชาญทำพิธีให้เอาของออกจากตัวให้ หรือบางคนอาจเลี้ยงกุมารทองเพื่อให้ไปทำลายศัตรู ว่ากันว่ากุมารทองมี 2 แบบ คือสายขาวและสายดำสายขาวจะบูชาเพื่อบอกโชคลาภ เป็นพรายกระซิบ ขณะที่สายดำจะเน้นไปทางการทำร้ายคู่อริ

นอกจากทำของใส่ศัตรูแล้ว ยังมีการใช้คุณไสยในการทำเสน่ห์ มีหลายวิธี เช่น

"เสน่ห์ยาแฝด" ซึ่งหมายถึงนำยาหรือสิ่งที่ผู้หญิงนำมาให้ฝ่ายชายกิน เพื่อให้หลงรักและเชื่อฟังตนเพียงคนเดียว

"นะหน้าทอง" โดยเอาทองคำปิดที่หน้าผากผู้หญิงแล้วมาลงมนต์-ลงคาถา เพื่อให้ผู้ชายหลง

ขณะเดียวกันฝ่ายชายก็มักใช้ "น้ำมันพราย"

ที่ว่ากันว่าได้จากการลนปลายคางศพหญิงที่ตายทั้งกลม แล้วเอาเส้นผมของศพผู้หญิงมาใส่ลงไปแล้วใช้คาถาอาคมกำกับ โดยเชื่อว่าถ้านำน้ำมันพรายมาดีดใส่ผู้หญิงที่ตนหลงรักแล้ว ฝ่ายหญิงจะตามมาหาเองถึงบ้าน

"การฝังรูปฝังรอย" คือการเอาขี้ผึ้งมาปั้นเป็นรูปชายหญิง จากนั้นเอาสายสิญจน์มัดไว้ด้วยกัน แล้วลงมนต์กำกับ มักนิยมไปฝังในป่าช้าเพื่อเพิ่มความขลัง ก็เป็นอีกวิธีหนึ่งที่นำมาใช้เพื่อให้อีกฝ่ายลุ่มหลง

แต่หากต้องการให้เลิกรากัน ก็ปั้นให้หุ่นขึ้ผึ้งหันหลังให้กัน แล้วคู่นั้นจะไม่มองหน้ากันชั่วชีวิต

ว่ากันว่าการฝังรูปฝังรอยเป็นคุณไสยที่ค่อนข้างแก้ยาก เนื่องจากหุ่นนี้เป็นตัวแทนของผู้ที่ถูกกระทำ หากหุ่นเป็นเช่นไร คนๆ นั้นก็จะมีอันเป็นไปตามหุ่น หากจะแก้คุณไสย ต้องหาหุ่นให้เจอแล้วทำการถอน ซึ่งปกติจะถอนยาก มักจะไม่นิยมทำกัน
แต่จะใช้วิธีสร้างหุ่นขึ้นมาใหม่ เพื่อทำการแก้คุณไสยตัวเดิมด้วยพลังจิตแข็งแกร่งกว่าด้วย มิฉะนั้นจะกลบคุณไสยเดิมไม่ลง

อย่างไรก็ตาม วิชาคุณไสยเป็นวิชาที่ผู้ประพฤติปฏิบัติที่เกี่ยวข้องมีแต่ทุกข์และโทษ

เป็นวิชาของผู้เจริญในทาง "ขวางโลก" ล้วนนำไปหาทุกข์ แต่ละอย่างทำเพราะความโลภ โกรธ หลง เห็นผิดตามทำนองคลองธรรม เป็นความเชื่อที่ยังไม่มีการพิสูจน์แน่ชัดว่าศาสตร์ที่ร่ำลือกันมานานนี้ เป็นจริงแท้ตามคำร่ำลือหรือไม่.........


ขอขอบคุณข้อมูลจาก
เว็บไซด์พลังจิตดอทคอม