ชุมทางปีศาจ (2)


ชุมทางปีศาจ (2)

4.ผีตายทั้งกลม

ผู้หญิงคลอดลูกตาย หรือแม้แต่ล้มตายขณะที่ยังตั้งครรภ์ เพราะสาเหตุใดก็ตามเรียกขานกันว่า "ตายทั้งกลม" ทั้งนั้น แถมเชื่อกันว่าเป็นภูตผีที่ดุร้ายสุดๆ น่าหวาดหวั่นพรั่นสยองจนไม่อยากพุดถึงเสียด้วยซ้ำไป

"แม่นาคพระโขนง" เป็นตัวอย่างชั้นยอด แถมยังโด่งดังสุดขีดมาร้อยกว่าปีแล้ว ถึงแม้จะมีตายทั้งกลมอีกหลายพันหลายหมื่นทั่วประเทศตั้งแต่บัดนั้นมาจนถึงบัดนี้ ก็ยังไม่มีใครจะมีชื่อเสียงโด่งดังเท่าละอองร่วงๆ ของแม่นาคพระโขนงที่ชาวบ้านส่วนใหญ่เคารพนับถือ เรียกขานกันอย่างยกย่องว่า "ย่านาค"

โอกาสหน้าจะได้เล่าเรื่องราวและตำนานของคุณย่านาคสู่กันฟัง รวมทั้งการสร้างหนังสร้างละครหลายครั้งหลายหน ตั้งแต่สมัยก่อนสงครามมาจนถึงทุกวันนี้

5.ผีกระสือ

ใครเป็นแฟนหนังไทยคงจะจำได้ว่ามีหนังเรื่อง "กระสือสาว" โกยเงินเป็นบ้าเป็นหลังเมื่อราว 40 ปีก่อน คุณพิศมัย วิไลศักดิ์ เป็นนางเอก ทำใบปิดกับโปสเตอร์เป็นรูปใบหน้าสวยๆ ของนางเอก แต่ต่ำลงมาไม่มีรูปร่างอวบอัดหรืออรชรอ้อนแอ้นแต่ประการใด นอกจากตับไตไส้พุงห้อยร่องแร่ง น่าขนลุกขนพองเหลือกำลัง

หลายๆ คนเห็นภาพนั้นติดหูติดตา ก้ทำให้กินอาหารโปรดอย่างตือฮวนกับต้มเลือดหมูไม่ลงไปหลายนานเชียว อย่างทำล้อเล่นไป

เชื่อกันว่าผีกระสือชอบอาหารสดๆ คาวๆ กลางวันเป็นคนธรรมดา แต่กลางคืนก็จะแปลงร่างออกไปหากิน เสร็จสรรพก็จะเช็ดปากกับผ้าผ่อนของชาวบ้านที่เผลอตากราวค้างคืน บ้างก็ทิ้งร่องรอยอาจมไว้ที่ผ้านั้นจนผู้คนรู้แน่ว่าหมู่บ้านตนมีผีกระสืออาละวาดแล้ว

วิธีแก้หรือป้องกันก็คือจะหาหนามไผ่มาสะไว้ตามรั้วบ้าน เผื่อผีกระสือพุ่งเข้าหาอาหารโปรด ก็จะโดนหนามไผ่เกี่ยวเข้าที่เครื่องในพวงโตของตนจนดิ้นกระเดือกกระแด่วร้องโหยหวน จนชาวบ้านจุดคบ หิ้วตะเกียง ถือไฟฉายมาส่องดูหน้าว่าเป็นใครแน่?

ถ้ามีโอกาสหลุดรอดไปนอนซมที่บ้าน ก็จะเจ็บป่วยเจียนตายจริงๆ แต่ก่อนตายมักจะถ่ายทอดตระกูลกระสือให้ลูกหลานรับช่วงเป็นทายาท ด้วยการบ้วนน้ำลายใส่ปากถึงจะไม่ใช่ "ทายาทอสูร" ก็คล้ายๆ กันแหละน่า

เมื่อราว 50 ปีมาแล้ว มีบาทหลวงจากอเมริกาชื่อหลวงพ่อจอห์น สมิธ มาเผยแผ่คริสต์ศาสนาที่เชียงใหม่ ขณะที่กำลังสร้างโบสถ์อยู่นั้นก็เกิดเรื่องราวแปลกประหลาดขึ้นอย่างกะทันหัน!

คืนนั้น หลวงพ่อกำลังหลับสนิทก็ต้องสะดุ้งตื่น เพราะได้ยินเสียงใครกำลังรื้อค้นข้าวของอยู่ในโรงครัว ครั้นลุกไปดูก็เห็นร่างตะคุ่มๆ ค่อนข้างใหญ่โตของชายผู้หนึ่งกำลังฉีกไก่สดๆ กิน พอจะมองเห็นในแสงดาวจึงร้องตวาดพร้อมกับโถมเข้าใส่ เพราะคิดว่าเป็นขโมยมาลักอาหารกิน

ชายประหลาดวิ่งหนีแต่ก็ช้าไป หลวงพ่อจอห์นปราดเข้ารวบตัวไว้ได้ แต่ชายนั้นสูงใหญ่ มีพละกำลังค่อนข้างมาก เกิดการต่อสู้จนถึงกอดรัดฟัดเหวี่ยงกันจนล้มลุกคลุกคลานไปตามพื้นดินพื้นหญ้าเป็นพัลวัน

ในที่สุด ชายผู้นั้นก็วิ่งหนี้เข้าป่าละเมาะหายไป!

รุ่งเช้า หลวงพ่อจอห์น สมิธ ก็ไปสำรวจดูสถานที่อันจดจำได้แม่นยำว่าต่อสู้ปลุกปล้ำกันอยู่นาน ก็พบกับขนยาวๆ สีเทาอมดำจำนวนมากตกหล่นเรี่ยราดอยู่ตามพื้นหญ้า หลวงพ่อพิจารณาอยู่นานก็นึกไม่ออกว่าเป็นของสัตว์ชนิดใด จึงตัดสนใจเก็บรวบรวมไว้ได้จำนวนหนึ่ง แล้วใส่ถุงส่งไปยังโรงพยาบาลแห่งหนึ่งในกรุงนิวยอร์ก พร้อมกับเขียนจดหมายแจ้งความประสงค์ให้ช่วยตรวจวิเคราะห์ด้วยเครื่องมือวิทยาศาสตร์ว่าขนเหล่านั้นเป็นขนของสัตว์ชนิดใดแน่?

ตลอดเวลาเหล่านั้น หลวงพ่อจอห์นก็คอยซุ่มดูอยู่หลายคืน แต่ก็ไม่ปรากฏร่างของชายประหลาดเข้ามาลักขโมยของกินอีกเลย

สองเดือนผ่านไป ก็ได้รับคำตอบจากนิวยอร์กว่า...ไม่สามารถพิสูจน์ได้ว่าขนที่ส่งไปให้ตรวจนั้น เป็นขนของสัตว์ชนิดใด หรือแม้แต่ตระกูลใด

ความลับนั้นก็ยังคงเป็นความลับมาจนถึงปัจจุบันนี้



ขอบคุณเรื่องเล่าจากข่าวสด


เครดิต :

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์