ชุมทางปีศาจ (4)


ชุมทางปีศาจ (4)

จากภูตผีที่เคยเป็นผู้คน คราวนี้ก็มาถึงผีต้นไม้

1.นางตานี

รายนี้ถือว่าเป็นผียอดฮิต เอามาเล่าสู่กันฟังได้ตลอดกาล แถมมีเกร็ดฝอยแตกดอกออกช่อพิลึกพิลั่น พิจิตรพิสดารเหลือหลายอีกต่างหาก

เชื่อกันว่าต้นกล้วยตานีที่ตายพราย คือยืนต้นตายก่อนจะตกลูก มักมีผีสิงอยู่ที่ต้นไม้นั้นชั่วระยะหนึ่งถึงจะไปผุดไปเกิด หรือไปสิงสู่ต้นไม้อื่นๆ อีกก็ไม่ทราบแน่ชัด รวมทั้งที่มาด้วย ทำให้เดาว่าเป็นผีที่เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ

นางตานีเป็นสาวสวยผมยาว ผิวขาว หุ่นอวบอัด ตกค่ำก็ชอบออกมาเดินโชว์ ชอบ หรือยืนพิงต้นกล้วย จนกว่าจะพบชายหนุ่ม ซึ่งส่วนมากมักจะเป็นเจ้าของสวนกล้วยนั้นเอง ฝ่ายชายเห็นเข้าก็ไม่ได้เฉลียวใจว่าเป็นนางตานี นึกว่าเป็นไก่หลงหรือสาวใจเปลี่ยว

ฝ่ายนางตานีมักมีอุปนิสัยรักง่ายใจเร็ว ได้พูดจากันเล่นหูเล่นตากันไม่ช้าไม่นานก็ชักชวนกันเล่นอย่างอื่น เป็นที่เกษมสำราญด้วยกันทั้งสองฝ่าย คืนต่อๆ มานางตานีจะเข้าไปเยือนฝ่ายชายถึงในห้องในหับ โอ้โลมปฏิโลมกันจนถึงใกล้รุ่งก็หายตัวไป

การณ์เป็นแบบนี้ทุกคืนจนฝ่ายชายสิ้นแรง ร่างกายทรุดโทรมเต็มที ก็พอดีนางตานีหมดเวรหรือวาระที่จะดำรงสภาพเดิมได้ต่อไป เกิดการล่ำลาอาลัยแทบไม่อยากจากกัน

ที่ว่าวิจิตรพิสดารก็คือ นางตานีมักทิ้งสไบดำไว้ให้ชายคนรักดูต่างหน้า...จนกว่าจะไม่ได้พบกันใหม่! ว่าไปโน่นเลย

2.นางตะเคียน

รายนี้น่าสะพรึงกลัวกว่านางตานีเป็นไหนๆ เพราะมักอยู่ในป่าหรือในวัดที่ค่อนข้างเปล่าเปลี่ยว แถมไม่มีนิสัยขี้เล่นเหมือนนางตานีอีกด้วย ชอบแผดร้องโหยหวนให้ผู้คนขวัญหนีดีฝ่อเป็นประจำ วันดีคืนดีก็เอาตีนเกี่ยวกิ่งไม้แล้วห้อยหัวลงระพื้น ใครเห็นเข้าไม่สติแตกร้องจ้าหาแม่ก็นับว่าประสาทแข็งเหลือทน

เรื่องราวที่เล่าสู่กันฟัง มักจะหนีไม่พ้นเรื่องชาวบ้านไปตัดต้นตะเคียนในสมัยก่อน แล้วได้ยินเสียงร้องด้วยความเจ็บปวดบาดลึกเข้าไปถึงหัวใจ ลมพายุพัดอู้ๆ จนต้นไม้น้อยใหญ่แทบจะถอนรากถอนโคนไปตามๆ กัน

...เป็นเสียงร้องด้วยความเจ็บปวดระคนโกรธแค้นของผู้หญิงที่ถูกทำร้ายชัดๆ แถมรอยที่ถูกเลื่อยก็ยังมียางไม้ไหลรินไม่ขาดสาย แต่เป็นยางสีแดงเหมือนสีเลือดไม่มีผิด

คนที่ตัดต้นตะเคียนชักดิ้นชักงอตายคาที่บ้าง หัวหน้าคนงานที่สั่งให้ตัดต้นตะเคียนหัวใจวายบ้าง บางรายก็ต้องเลิกราไปเองบ้าง บางรายก็ต้องไปหาหมอผีขมังเวทมาร่ายคาถาอาคมจนนางตะเคียนยอมแพ้ เร่ร่อนไปหาที่อยู่อาศัยเอาใหม่บ้าง

ที่จัดว่าเฮี้ยนสุดๆ ก็คือ ขนาดถูกชักลากเข้าโรงเลื่อย กลายเป็นไม้เสาไม้แผ่นเอามาสร้างบ้านเรือนแล้ว ก็ยังปรากฏร่างผู้หญิงวอบๆ แวบๆ ในยามค่ำคืนให้ผู้คนขวัญหนีดีฝ่อเล่น หนักกว่านั้นก็คือมีน้ำมันไหลเยิ้มออกจากเสา ที่คนสมัยก่อนเชื่อถือว่ามีผีสิงเรียกขานกันว่า "เสาตกน้ำมัน"

บ้านทรงไทยของท่านอาจารย์คึกฤทธิ์ ปราโมช ในซอยสวนพลูซึ่งรื้อมาจากต่างจังหวัดแล้วสร้างใหม่มีอาการเสาตกน้ำมัน ท่านเจ้าของบ้านก็เอามาเขียนในสยามรัฐ เล่าว่ามีสามล้อมารอเก็บเงินค่าโดยสารที่ป้าแก่ๆ นั่งมาลงที่บ้านนี้ตอนค่ำคืนแล้วหายจ้อยไป

ท่านอาจารย์ก็ต้องจ่ายค่าสามล้อไป แต่บ่อยครั้งเข้าท่านก็ไปดุเสาตกน้ำมันอันเป็นที่อาศัยของคุณป้าจอมซนชอบหนีเที่ยว ว่าทีหน้าทีหลังอย่าได้ริอ่านตะลอนๆ ไปที่ไหนอีกเล่า มิฉะนั้นเป็นได้เห็นดีกัน

เมื่อโดนท่านเจ้าของบ้านซึ่งได้ชื่อว่า "ครูโขน" เล่นโขนบททศกัณฐ์เข้าใส่ทั้งๆ ที่ยังไม่ได้แต่งเครื่อง คุณป้าก็คงตระหนกอกสั่น เกิดความพรั่นพรึงว่าจะโดนลงโทษทัณฑ์เลิกออกไปเที่ยวเตร่กลางค่ำกลางคืนแต่นั้นมา!

3.ผีต้นโพธิ์

ขึ้นชื่อว่าต้นไม้ใหญ่ๆ อายุเก่าแก่เกือบร้อยปีมักจะเชื่อถือกันว่ามีภูตผีสิงสู่อยู่ทุกต้น โดยเฉพาะต้นโพธิ์นี่มักขึ้นทั่วๆ ไป โดยเฉพาะในวัด เชื่อกันว่าเป็นผีผู้ชายที่อุปนิสัยดุร้ายสาหัส ผู้คนเดินผ่านแม้แต่กลางวันแสกๆ ก็เหลือบมองอย่างเกรงๆ ยิ่งเป็นตอนกลางคืนแล้วมักจ้ำอ้าวไม่เหลียวหลัง ถ้าเกิดมีเสียงซู่ซ่าเกรียวกราวทั้งๆ ที่ไม่มีลมพัด มีหวังวิ่งหนีแทบตับทรุดไปตามๆ กัน

แต่พวกนักเลงตั้งแต่สมัยก่อนเล่นหวย ก. ข. จนถึงหวยใต้ดินหรือกินรวบในปัจจุบัน ถ้าเชื่อถือว่าเจ้าแม่ตะเคียนหรือเจ้าพ่อโพธิ์ต้นไหนให้หวยแม่นเหมือนตาเห็น ก็มักจะโยนความกลัวผีทิ้งไป กลายเป็นคนกล้าหาญชาญชัยได้แทบไม่น่าเชื่อ

นั่นคือ ไม่ว่ากลางวันหรือกลางคืนจะบุกบั่นเข้าไปขอหวยด้วยการใช้มีดบางถากเปลือก แล้วใช้นิ้วมือจุ่มน้ำขัดถูจนอุปาทานทำให้เห็นตัวอักษรหรือตัวเลข ถือเป็นทีเด็ดที่จะนำไปแทงหวย แทงผิดก็แล้วไป แต่ถ้าเกิดถูกขึ้นมาก็จะนำผ้าเหลืองผ้าแดงมาผูกต้นไม้บ้าง นำตุ๊กตาดินเผาต่างๆ มาวางเป็นการแก้บนบ้าง

ไม่โดนผีหลอกตายก็ถือว่าเป็นบุญกุศลเหลือสติกำลังแล้วครับ!



ขอบคุณเรื่องเล่าจากข่าวสด


เครดิต :

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์