วิญญาณที่ทาง 3 แพร่ง


วิญญาณที่ทาง 3 แพร่ง

ย้อนอดีตไปเมื่อปี พ.ศ. 2505 (ผู้ใหญ่เล่าให้ฟัง)



ในสมัยนั้นการเดินทางไม่สะดวก จะไปไหนมาไหนต้องเดินทางด้วยเรือ

หรือไม่ก็ต้องเดินด้วยเท้าเปล่าย่ำไปบนคันนา ไฟฟ้าก็ยังไม่มี บ้านทุกหลังคาเรือนต้องใช้ตะเกียงน้ำมัน และบ้านส่วนใหญ่จะมุงด้วยจาก



นายหยด หรือที่ชาวบ้านเรียกแกว่า ลุงหยด แกทำงานอยู่ในกรุงเทพฯ คือ



รับราชการครู นาน ๆ จะกลับมาเยี่ยมบ้านที่ หนองจอกครั้งหนึ่ง ส่วนมากแกจะออกจากกรุงเทพฯ ในวันศุกร์ หลังเลิกสอนแล้ว และจะมาขึ้นเรือโดยสาร

ในสมัยนั้นเป็นเรือของบริษัท นายเลิศ คือ เรือขาว เรือออกจากท่าน้ำที่ประตูน้ำประมาณ ๖ โมงเย็น จะถึงที่ตลาดหนองจอกก็เวลาประมาณ ๕ ทุ่ม



หลังจากนั้นก็ต้องเดินด้วยเท้า กว่าจะมาถึงบ้านก็เกือบๆ ตี ๒



ในขณะที่เดินทางตอนกลางคืน ท้องฟ้าจึงมืดสลัว อาศัยแสงดาวที่กระพริบอยู่บนท้องฟ้าให้แสงสว่าง น้ำค้างพรั่งพรมลงมาต้องใบหญ้าเพราะเป็นเวลาดึกสงัด

สายลมชายทุ่งพัดผ่านเย็นสบาย อากาศสดชื่นไร้มลพิษ เจ้าแมลงกลางคืน (หิ่งห้อย) ลอยกระพริบวูบวาบไปตามสุมทุมพุ่มไม้ใบหนา


มองดูเหมือนแสงไฟกระพริบ ตามสถานเริงรมย์ต่างๆ



แต่ทุกอย่างที่เห็นนี้เกิดจากธรรมชาติ อันแสนจะบริสุทธิ์
ลุงหยดเดินลัดคันนามาเรื่อยๆ เพราะความเคยชินและมองไปทางเบื้องหน้า

เห็นในเงามืดเป็น ทางสามแพร่งตามเส้นทางรอบ ๆ บริเวณ มีต้นไม้ใหญ่คือ ต้นกระทุ่ม และ ต้นตาล ลุงหยดเดินใกล้ทางสามแพร่งเข้าไปทุกขณะ และจู่ ๆ


สุนัขก็เริ่มเห่าหอนอย่างน่าประหลาด คล้ายกับว่ามันเห็นผี



ทำให้ลุงหยดชะลอฝีเท้าที่ก้าวเดินให้ช้าลง เพราะเกิดความรู้สึกแปลกๆ ขนตามแขนและขาลุกซู่ซ่า ชาสันหลังวาบๆ

ลุงหยดไม่เคยเชื่อเรื่องผีจึงพยายามเพ่งสายตาฝ่าความมืดของคืนแรมมองไปข้างหน้า แต่ก็ไม่เห็นมีอะไรผิดปกติ จึงเดินต่อไป แต่ในใจนั้นคิดว้าวุ่นว่า


ผีมีจริงหรือ ความคิดหวนไปถึงคำพูดของผู้ใหญ่ว่า "ผีหรือวิญญาณนั้นมีจริง"



ถึงตอนนี้ความคิดของลุงหยดหยุดกึก เกิดความกลัวขึ้นมาเฉย ๆ ทั้ง ๆ ที่ตั้งแต่หนุ่มจนอายุเกือบจะห้าสิบ แกยังไม่เคยเห็นผี

เสียงหมาหอนยังคงดังโหยหวนและเยือกเย็น มันวังเวงบาดใจในยามดึกสงัด ลุงหยดได้ยินเสียงฝีเท้าของตัวเองย่ำไปบนคันนาเพราะความเงียบมันเงียบเสียจนน่ากลัว


ในขณะที่ลุงหยดมาถึงทางสามแพร่ง พลันได้ยินเสียงเด็กเล็ก ๆ ร้องไห้บ้าง



หัวเราะบ้าง สลับกันไปทำให้ลุงหยดแปลกใจ ดึกดื่นขนาดนี้ทำไมพ่อแม่ถึงปล่อยให้เด็กออกมาเล่นซนแบบนี้ และเมื่อมาถึงลุงหยดก็ต้องหยุดเดิน

เพราะเด็กๆ หลายคนแต่งตัวแปลกๆ บางคนนุ่งโจงกระเบน ไว้จุก บางคนเป็นทารกนอนแบเบาะส่งเสียงร้องจ้า ฟัง ๆ ดูแล้ว


มันน่ากลัวมากกว่าเสียงร้องของเด็กธรรมดา และเด็กบางคนก็วิ่งแย่งอาหารกันกิน



เหมือนกับอดมานานแรมปี และที่น่าแปลกอีกอย่างก็คืออาหารที่เด็กๆ แย่งกันกินนั้นมันวางอยู่ข้างๆ ทาง และอาหารเหล่านั้นอยู่ในกระทงทั้งสิ้น

นี่มันอะไรกัน ใครหนอทำพิเรนทร์ เอาขนมนมเนยคาวหวานมาใส่กระทงวางไว้แล้วปล่อยให้เด็ก เล็กๆ เหล่านี้แย่งกันกิน ดูแล้วน่าสงสารจริงๆ


ลุงหยดส่ายหน้า แล้วความความคิดของแกก็มาสุดุดอยู่ที่คำว่า "เครื่องเซ่น"



วิญญาณเด็กที่ทางสามแพร่ง ลุงหยดชักใจสั่น หรือว่าโดนผีที่ทางสามแพร่งหลอกเอา

เสียงหมาเห่าหอนยังดังไม่หยุด ลุงหยดคิดในใจ ใช่แน่แล้วทุกอย่างที่เห็นนั้นต้องเป็น ผะ...ผี.. ผี ..แน่ ๆ เมื่อคิดได้ดังนั้นขาแข้งเริ่มสั่น คือ


เกิดอาการก้าวขาไม่ออก เหงื่อเม็ดเล้ก ๆ ผุดขึ้นบนใบหน้า



ลุงหยดแข็งใจ นึกปลอบใจตัวเอง ค่อยๆ ก้าวเดินต่อไปและพยายามไม่สนใจกลุ่มเด็กเหล่านั้นเสียงหัวเราะของเด็กๆ ดังขึ้นอย่างโหยหวนสลับกับเสียง

ร้องไห้งอแง ลุงหยดก้าวเดินช้าๆ เพราะขาแกสั่น แต่แล้วให้ตายเถอะ! หัวใจของลุงหยดทบหลุดจากขั้ว เพราะเสียงเด็กวิ่งคึก ๆ "ลุง...ลุง หนูไปด้วย หนูหิว"


เท่านั้นเองลุงหยดถึงกับก้าวขาไม่ออก หัวใจเสียวปลาบหล่นลงมาที่กองเท้า



เสียงหัวเราะของเด็ก ๆ มันน่ากลัวและบาดความรู้สึกแทบคลั่ง
แสงเงิน แสงทอง เริ่มจับขอบฟ้า เสียงไก่ขันดังเจื้อยแจ้ว ฝูงนกเล็ก ๆ

ส่งเสียงร้องชวนกันออกหาอาหาร ส่งเสียงร้องชวนกันออกหาอาหาร แสงสว่างเริ่มจับของฟ้าต้องหยาดน้ำค้างบนใบหญ้าเป็นประกาย


ภาพของเด็ก ๆ บนทางสามแพร่งค่อย ๆ เลือนหายไปช้า ๆ



เหลือไว้ให้เห็นก็คือกระทงที่ตั้งเรียงอยู่ตรงทางสามแพร่งกับเศษอาหารที่หกเกลื่อนตามพื้นดิน ลุงหยดยกหลังมือขึ้นปาดเหงื่อ

มาถึงบ้านเอาตอนหกโมงเช้าพอดี แกเป็นไข้เสียหลายวัน ไปทำงานไม่ได้ และต่อมาแกก็ลาออกจากราชการกลับมาอยู่บ้าน



เปลี่ยนอาชีพมาทำไร่ไถนาเพราะสมัยก่อนความเจริญยังก้าวมาไม่ถึง



จึงมีเหตุการณ์แปลกๆ เกิดขึ้นเสมอๆ จนกระทั่งเวลานี้ทุกอย่างเปลี่ยนไปตามสภาพแวดล้อม มีถนน มีไฟฟ้าใช้ มีรถสองแถวแล่นผ่าน

ทางสามแพร่งยังคงอยู่ แต่เปลี่ยนไปตามกาลเวลา แต่ ! ไม่มีใครไปสร้างที่อยู่อาศัย เพราะวิญญาณตรงที่นั้นดุร้ายมาก

ปล่อยให้เป็นทางสัญจรของชาวบ้าน วันดี คืนดี ก็จะได้ยินเสียงแปลก ๆ อยู่เสมอ




แหล่งที่มา:


เครดิต :

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์