เส้นทางสายเปลี่ยว

เรื่องนี้เป็นเรื่องที่ส่งมาจากคุณเบลส์ครับ เป็นเหตุการณ์จริงที่คุณเบลส์ประสบมากับตัว เกิดขึ้นเมื่อสมัยที่คุณเบลส์อายุได้ประมาณ 17-18 ปี คุณเบลส์เล่าว่า.. ผมเป็นคนเชียงราย พ่อกับแม่ทำงานที่เชียงใหม่ ด้วยหน้าที่การงาน ทำให้ผมกับน้องชาย ต้องอยู่บ้านตากับยายที่เชียงราย เดือนนึงพ่อกับแม่จะมาหาสักครั้ง หรือไม่ท่านก็จะมารับวันศุกร์เย็น ๆ หลังเลิกเรียน เพื่อไปบ้านที่เชียงใหม่ สมัยนั้นบ้านผมจะมีรถมาสด้ารุ่นเก่าคันเล็ก ๆ แล้วมีแคปเป็นหลังคาอยู่ด้านหลังครับ

วันนั้นจำได้แม่น เป็นคืนวันศุกร์นี่ล่ะ ทุกครั้งที่พ่อแม่มารับผมกับน้อง เราจะออกจากเชียงรายราวๆ 4 โมง เพื่อจะได้ไปถึงเชียงใหม่ไม่ดึก และปลอดภัย ถ้าใครเคยขับรถเส้น เชียงราย-เชียงใหม่ จะรู้ว่าถนนเปลี่ยวมาก ทางโค้งคดเคี้ยว ขึ้นเนินลงเนินเยอะมาก เรียกว่าเป็นการขับรถข้ามภูเขา เข้าป่าก็ว่าได้.. วันนั้นเป็นวันที่พ่อผมดันมีธุระ กว่าเราจะออกจากเชียงรายได้ก็ 6 โมงเย็นแล้วครับ.. ขับมาเรื่อย ออกมาได้ไม่นานก็มืดละ และเป็นช่วงหน้าหนาว มีหมอกบาง ๆ ทำให้ทัศนวิสัยในการมองเห็นลดลง พ่อเลยขับช้า

ขับมาสักพัก เข้าเขตป่าทึบที่สองข้างทางไม่มีหมู่บ้าน ไม่มีไฟข้างทางเลย รถก็เกิดอาการกระตุก ๆ ผมกับแม่มองหน้ากันเลิ่ก ๆ ลั่ก ๆ พ่อเริ่มลดความเร็วลงอีก จนสักพักจากกระตุก รถมันก็ดับไป.. ประเด็นคือ ดับตรงที่ที่เปลี่ยวมาก! มีไฟกิ่งข้างทางอยู่หนึ่งต้นด้านหน้า ห่างไปประมาณเกือบ 100 เมตรจากจุดที่รถดับ คือดีงามมากจุดนี้.. พ่อผมออกไปเช็คข้างนอก เปิดดูฝากระโปรง และบอกให้เราทุกคนอยู่ในรถ จังหวะตอนที่พ่อออกไป สายตาพวกเราในรถ เริ่มชินกับความมืด บรรยากาศรอบ ๆ หดหู่มาก แม่ผมเริ่มใจไม่ดี กอดน้องแน่นเลย (ตอนนั้นน้องผมยังเด็ก) ระหว่างที่พ่อกำลังเช็ครถข้างหน้า ผมเหลือบเห็นเป็นเงาคนลาง ๆ ทำท่าเหมือนส่อง ๆ อยู่ข้างกระจกฝั่งแม่ ผมรู้ว่าแม่ก็เห็น แต่แม่ทำสีหน้าแบบ ‘ห้ามทักนะ!' อะไรประมาณนี้ ไอ้ผมก็ปากไวไปหน่อย ดันพูดว่า ‘แม่ เห็นเงาใครมั้ยข้าง ๆ!' แม่ผมก็รีบตัดบทตะโกนถามพ่อว่า ‘รถเปนไงมั่ง!?' พ่อชะโงกหน้าออกมาจากกระโปรงรถบอกยังหาไม่เจอเลย..

สักพักรถมีอาการเขย่าครับ ผมรู้สึกเหมือนมีคนเดินย่ำอยู่บนหลังคา! แม่ก็รู้สึก.. พ่อยังตะโกนมาหาเราว่า ‘ทำไรกัน! อย่าเล่นกันสิ พ่อจะดูรถ' คือตอนนั้นเรานั่งกันนิ่งมาก ไม่มีใครกล้าขยับแน่นอน ผมเห็นสีหน้าแม่ผมไม่ค่อยดี เลยถามไป แม่ผมบอกว่า ‘แม่เห็นมีคนเดินวนรอบรถเราหลายคนแล้ว..' ผมเลยมองไปที่กระจกมองหลัง ชัดเลยครับ เห็นเป็นตัวคนมืดๆ 2 3 คนอยู่ด้านหลังรถยืนนิ่ง ๆ โอย.. ผมกอดแม่แน่นเลย

ผมกลัวมาก เลยตะโกนเรียกพ่อให้ขึ้นมาบนรถ แต่ไร้เสียงตอบรับจากพ่อครับ เอาล่ะสิทีนี้.. แม่ผมบอกดูน้องนะ คือน้องนอนหลับอยู่ แม่เปิดประตูจะไปตามพ่อ พอออกไปเท่านั้นแหละ แม่ร้องกรี๊ดลั่นเลยครับ เรียกผมให้ออกไป ภาพที่เห็นคือ พ่อผมนอนกองอยู่หน้ารถครับ.. ผมกับแม่รีบพยุงพ่อเข้ามาในรถ แม่ผมรีบโทรหารถฉุกเฉิน หรืออะไรนี่แหละ สมัยนั้นสัญญาณก็ไม่ค่อยมี จำได้เลยโทรศัพท์ Nokia รุ่น 8250 ..เรารอกันอยู่ในรถ โดยที่ตลอดเวลาก็ได้ยินเสียงหัวเราะคิก ๆ คัก ๆ ปนเสียงร้องไห้ เงาก็ยังเดินไปมา เรียกว่ากลัวจนตายด้านไปแล้ว..

สักพักใหญ่รถอาสาก็มา พาพ่อไปสถานีอนามัยเล็ก ๆ ใกล้ ๆ นั้น เราจอดรถทิ้งกันไว้ตรงนั้นเลย.. จากนั้นพวกเราก็เล่าเหตุการณ์ต่าง ๆ ให้พี่ตำรวจฟัง ตำรวจบอกว่า คืนนี้ให้พักที่อนามัยนี่ไปก่อนดีกว่า พรุ่งนี้ค่อยไปเอารถ.. พ่อผมพื้นขึ้นมา ปลอดภัยแล้วแค่หมดสติ.. พ่อตื่นขึ้นมารีบเล่าอย่างตื่นเต้นว่า ‘ตอนที่ดูรถอยู่ เห็นกลุ่มคนเดินมาข้าง ๆ ก็ยังงง ๆ ว่ามาจากไหนกัน พอพวกเค้าเดินเข้ามาใกล้ ๆ ทุกคนมีแต่เลือดเต็มตัว บางคนก็คอขาดมาเลย แล้วพ่อก็หมดสติไปเลย..'

เราอยู่กันที่สถานีอนามัยกันจนถึงเช้า พี่ตำรวจก็มารับพวกเราไปส่งที่รถ ซึ่งห่างจากอนามัยประมาณ 5 กม. พอมาถึงตรงที่รถพ่อผมจอดเสีย พวกเราก็ขนลุกกันแบบสุด ๆ เลยครับ เพราะรอบๆ บริเวณนั้น มีตุงสีแดงปักอยู่เป็นสิบ ๆ (ภาคเหนือเวลามีคนตายโหง เค้าจะเอาตุงมาทำพิธีแบบนี้ครับ ไว้เชิญวิญญาณ) ทั้งที่เมื่อคืนนี้เราก็ไม่มีใครเห็นกันเลย.. พี่ตำรวจลองไปสตาร์ทรถ รถก็ติดง่าย ๆ ไม่ได้เสียอะไร ทุกคนนี่เงียบกันหมด..

จนสักพักพี่ตำรวจก็เล่าให้ฟังว่า ‘ไม่กี่เดือนนี้ มีรถเค้าจะมาทำบุญ เป็นรถกระบะมีคนนั่งด้านหลังมาเป็นสิบ พอดีรถแหกโค้งตรงนี้ ตายเกลื่อนเลย.. เจอกันหลายรายแล้วล่ะ บางรายก็ไม่รอด.. เมื่อคืนผมก็เห็นพวกเค้าล้อมรถคุณอยู่ เลยมะกล้าพูดอะไร..' พวกเราฟังยังงั้นก็ พูดไม่ออกกันเลยครับ

เรื่องนี้เป็นเรื่องที่หลอนที่สุดในชีวิตผมเลย จำได้แม่นทั้งครอบครัว จากวันนั้น พวกเราทำบุญกันยกใหญ่เลยครับ

 

 

ขอบคุณบทความจาก: thehouse


เส้นทางสายเปลี่ยว

เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์