พี่ชายที่รัก


พี่ชายที่รัก

เรื่องนี้เกิดขึ้นเมื่อ 2 ปีทีผ่านมา จำได้ว่าวันนั้นเป็นเช้ามืดวันที่ 13 มกราคม 2548

ปกติฉันจะตั้งนาฬิกาปลุกไว้ 05.00 น. เพื่อตื่นไปฝึกงานที่ปทุมวัน แต่วันนั้น นาฬิกาไม่ปลุก จนเวลา 06.30 น.ฉันรู้สึกตัวเพราะเสียงโทรศัพท์ที่บ้านดัง ในขณะที่ฉันกำลังเข้าห้องน้ำก็ได้ยินเสียงพี่สาวคุยโทรศัพท์เหมือนมีใครเกิดอุบัติเหตุ ในตอนนั้นก็เริ่มใจไม่ดี ออกมาถามพี่สาวที่เห็นแล้วรู้เลยว่ามันต้องร้ายแรงมาก เค้าก็บอกว่าพี่ชายเค้าเข้ากรุงเทพเมื่อคืนแล้วเกิดอุบัติเหตุรถชนกันที่ถนนขาเข้า เขตวังน้อย เค้าต้องออกไปดูเพราะที่บ้านต่างจังหวัดโทรมาบอกให้ไปดูว่าจริงรึเปล่า แล้วเค้าก็บอกให้เราแต่งตัวไปทำงานก่อนจะออกไปโรงพยาบาลวังน้อย

ในขณะที่เรานั่งอยู่ในรถตู้พี่สาวก็โทรมาบอกว่าพี่ชายเราเสียแล้ว

แค่นั้นแหละปล่อยโฮไม่อายใครในรถเลย เชื่อมัยวันนั้นพี่สะใภ้กับพี่สาวคนโตของเราเค้ามาจากต่างจังหวัดเพื่อมารับศพพี่ชายของเรากว่าจะทำเรื่องรับศพจากโรงพยาบาล ทำเรื่องที่สน.วังน้อย กว่าจะเสร็จก็ 2 ทุ่มแล้วก็กลับต่างจังหวัด โดยปกติแล้วพี่ชายและพี่สาวคนโตเค้าจะสนิทกันมา เค้าจะปรึกษาพี่สาวทุกรื่องไม่ว่าจะทำอะไร คืนนั้นเค้าแวะเข้าห้องน้ำที่ปั๊มกัน พีสาวเราเค้าก็ได้กลิ่นน้ำหอมที่พี่ชายใช้ประจำ ทั้งๆที่ก็ไม่มีใครในห้องน้ำแล้วพี่สาวเราก็ไม่ได้ใช้น้ำหอม เค้านึกในใจว่า " เดี๋ยวจะพากลับบ้านแล้วเข้าห้องน้ำแป๊ปเดียว " แค่นั้นกลิ่นก็หายไป ( ขนลุก )

ไปถึงบ้านตอนตีสามของเช้าวันที่ 14 ซึ่งเป็นวันฝึกงานวันสุดท้ายของเราด้วยพอดี

ในเย็นวันนั้นทุกคนที่กรุงเทพก็เดินทางกลับบ้านต่างจังหวัด ในช่วงที่จัดงานศพอากาศที่บ้านมันอึมครึมมาก ลมแรงอากาศหดหู่ ยังไงบอกไม่ถูก เราเกิดมาไม่เคยเห็นน้ำตาของพ่อก็ได้เห็นวันนี้เอง พ่อกับพี่ แล้วก็เรากอดกันร้องไห้ ยังไม่อยากเชื่อกับเรื่องที่เกิดขึ้น อยากให้มันเป็นแค่ฝัน แต่มันเป็นเรื่องจริง....พอเสร็จงานศพ เราและคนอื่นๆก็ยังมานอนเป็นเพื่อนพี่สะใภ้และหลานที่บ้านของพี่ชาย ประมาณ ตี 3 ตอนนั้นทุกคนที่บ้านหลับสนิทกันหมด อาม่าซึ่งเป็นแม่ของพี่สะใภ้ ( เค้าเป็นคนจีน ) เค้าเล่าให้ฟังว่าลุกมาเคี้ยวหมากอยู่หลังบ้านเค้าบอกว่านอนไม่หลับ หลับตาลงทีไรก็ห็นแต่หน้าพี่ชายของเรา ตรงหลังบ้านพี่ชายเค้าจะเลี้ยงไก่ชนไว้หลายตัว แล้ว 1 ใน 10ตัว ที่พี่เราเลี้ยงจะเป็นตัวโปรดของพี่ วันนั้นมันไม่ขันเหมือนตัวอื่นๆ แต่มันวิ่งรอบสุ่มที่ขัง วนไปวนมาเหมือนมีคนไปเดินวนรอบๆสุ่มของมัน ซึ่งอาม่าก็นั่งอยู่ไม่ไกลจากตรงนั้นและสังเกตุเห็นตั้งแต่มันไม่ขันแล้ว....

หลังจากวันเผาประมา 7 วัน เราเคยได้ยินคนเค้าพูดกันว่าคนที่ล่วงลับไปแล้วเค้าจะรู้ตัวใน 3 วัน 7 วัน

แล้วจะกลับมาหาคนที่รักและผูกพันธ์เหมือนว่ายังมีห่วงอยู่ ก็จริงถึงจะไม่ได้เกิดกับตัวเองแต่เราเชื่อเพราะพี่ชายเราไปหาพี่ชายคนรองอีกคน พี่ชายคนรองเล่าว่าวันนั้นกี่โมงไม่รู้เค้าดูบอลจนดึกแล้วนอนกำลังเคลิ้มก็ได้ยินเสียงเหมิอนคนเดินใส่รองเท้าขึ้นบันได มาหยุดอยู่หน้าห้อง แล้วเคาะประตู เบาๆ 3 ครั้ง จะมีใครอีกอยู่ในบ้านในเมื่อแกก็นอนอยู่กับพี่สะใภ้คนรอง เท่านั้นแหละแกรีบหยิบรีโมทเปิดทีวีเสียงดังลั่นซึ่งเป็ยนจังหวะเดียวกับพี่สะใภ้สะดุ้งร้องเสียงหลงว่าพี่ป๋องมาๆ (พี่ชายเราชื่อป๋อง) .......

ในคืนเดียวกันพี่ชายของเราเค้าก็กลับไปที่บ้านของเค้าเองเดินขึ้นบันไดที่บ้านแล้วก็เดินวนอยู่ในบ้านหลายรอบเหมือนเดินดูความเรียบร้อย

พี่สะใภ้เค้าเล่าให้ฟังว่าเค้าได้ยินทุกอย่างตั้งแต่เสียงเดินขึ้น - ลง และเดินอยู่ในบ้านเพราะเสียงเดินชัดมาก ชุดที่ใส่ให้ในวันเผาศพเป็นชุดโปรดของพี่ชายเราเค้าชอบใส่เสื้อยืดสีเขียวกางเกงยีนส์คาดเข็มขัดหัวเงินอันใหญ่สวมทับเสื้อหนังตัวโปรดแล้วก็ใส่รองเท้าหนังหัวเหล็กอีกคู่ ก็เป็นธรรมดาว่าเวลาเดินจะได้ยินเสียงชัดมาก.....

ถัดมาในเดือนเมษายน 2548 พี่น้องจะมารวมกันที่บ้านพ่อ - แม่ วันนั้นทำอาหารไปวัดแล้วก็จะทำพิธีเอากระดูกของพี่ชายเข้าโกฐ

ทุกคนไปร่วมหมดแต่ยกเว้นพ่อ พ่อเค้าเป็นคนปากแข็งแต่ใจอ่อน เค้าไม่ยอมไปใครพูดยังไงก็ไม่ไปพาลทะเลาะอีก แต่คืนนั้นเค้าฝันว่ากำลังเลี้ยงไก่อยู่หลังบ้าน พี่ชายเราก็เดินมาหามือถือกระเป๋าเดินทางใบหนึ่ง พ่อก็ถามว่าไปไหนมา พี่เราเค้าก็ยิ้มๆ ตอบว่าก็มาหาพ่อนี่แหละครับ เท่านั้นเอง ตอนเช้าพ่อก็มาเล่าให้ฟัง ขนลุกเลย พ่อบอกว่าพี่คงมาหาเค้าคงน้อยใจที่พ่อไม่ไปส่งเค้าเข้าโกฐ พี่เราเค้าเป็นพี่ชายคนที่สอง เค้าจะปรามน้องทุกคนที่เถียงพ่อ - แม่ เค้าจะชอบหยอกเย้าน้องๆทุกคน เค้าเป็นลูกที่พ่อชอบใจเพราะพี่คนนี้เค้าไม่เคยเถียงพ่อ - แม่ ไม่พอใจแค่ไหนก็จะไม่พูดแล้วก็จะไปบ่นกับพี่สาวคนโตแทน

ตอนนี้ไม่มีพี่แล้วแต่พี่ก็ยังเป็นทุกความทรงจำดีๆของทุกคนที่รักพี่ ไม่ว่าจะอยู่ในภพไหนชาติไหนก็ขอให้พี่มีแต่คนรักคนชื่นชอบเหมือนในชาตินี้และทุกชาติก็ขอให้เรามาเป็นพี่น้องกันอีกนะคะ...เรื่องที่กิดขึ้นไม่ได้มีแค่นี้ แต่เกรงว่าคนอ่านจะเบื่อเลยเล่าแค่นี้พอนะ เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นจริง แล้วแต่วิจารณญาณของแต่ละคน......ขอบคุณมากที่สละเวลาอ่านเรื่องนี้นะ


ขอบคุณเรื่องราวดี ๆ จาก
บล๊อคแก๊งดอทคอม


เครดิต :

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์