ผีหวงบ้าน


ผีหวงบ้าน

เมื่อปี พ.ศ.2531 ข้าพเจ้าได้รับการบรรจุในตำแหน่งที่สูงขึ้น ที่จังหวัดเพชบุรี

ข้าฯออกเดินทางพร้อมด้วยสัมภาระที่จำเป็น จากบ้านพักในกรุงเทพฯ โดยมีเพื่อนที่ใจดีสองสามคนเอารถปิ๊คอัพ ช่วยบรรทุกสัมภาระไปส่ง ข้าฯไม่ได้เช่าบ้านพักไว้ก่อน จึงไปอาศัยบ้านเพื่อนอยู่ชั่วคราวก่อน เมื่อขนของลงเก็บไว้ในบ้านแล้วก็พาเพื่อนออกไปเลี้ยงอาหาร และเติมน้ำมันให้จนเต็มถัง พร้อมขนมของฝากจากเมืองเพชรบุรี

บ้านเพื่อนที่ไปขอพักนั้น ความจริงเพื่อนไม่ใช่เจ้าของบ้าน

เพียงเพื่อนของน้องเจ้าของบ้าน (งงไหม) สรุปแล้วเจ้าของบ้าน และน้องเจ้าของบ้านไม่รู้ว่าข้าฯไปขออาศัยอยู่ชั่วคราว เพราะเขาทำงานอยู่ในกรุงเทพฯ บ้านที่ข้าฯไปขออาศัยอยู่นั้นเป็นบ้านไม้ สองชั้น กว้างขวางสะอาดสะอ้านพอควร มีศาลพระภูมิอยู่หน้าบ้านข้าฯยกมือไหว้เพียงอย่างเดียว รอบบริเวณบ้านโล่งเตียน เป็นสนามหญ้า และมี ต้นจำปี ต้นจำปา ต้นกระดังงา ออกดอกดกทีเดียว นอกรั้วหลังบ้านเป็นที่โล่ง มีบ้านปลูกห่างไม่ต่อเนื่องกัน จากถนนใหญ่เข้าซอยไปลึกพอควร เลี้ยวซ้าย เลี้ยวขวา สามเลี้ยว ถนนซอยเป็นถนนหินกรวด หลังจากเก็บของเข้าบ้านแล้ว ข้าฯสำรวจดู ชั้นล่างเป็นห้องโถงโล่งๆ มีห้องนอนห้องเล็กๆอยู่ห้องเดียวติดบันได สามขั้นเข้าบ้าน ชั้นบนเป็นห้องนอนของเจ้าของบ้าน สามห้องนอน สองห้องปิดไว้เพราะเจ้าของบ้านไม่อยู่ อีกห้องเป็นห้องเพื่อน ชื่อ "แอ๋ว" แอ๋วทำงานที่ชะอำ

ห้องเล็กที่ข้าฯพักมีเตียงเดี่ยว นอนคนเดียว ห้องน้ำอยู่ด้านนอก

ลึกเข้าไปด้านใน ข้างล่างจึงมีข้าฯนอนคนเดียว ดึกๆเวลาเดินเข้าห้องน้ำ รู้สึกเสียวๆเงียบมาก เงียบจนวังเวง รู้สึกเปลกๆ โหวงเหวงน่าดู แล้วข้าฯก็เป็นคนเข้าห้องน้ำบ่อยๆ คืนหนึ่งสามสี่หน คืนนั้นข้าฯเข้านอน ก่อนนอนก็สวดมนต์สามจบ แล้วอธิฐานขอเจ้าที่เจ้าทางเข้าอยู่อาศัยชั่วคราวก่อนแล้วจะย้ายออกเมื่อได้บ้านเช่า ข้านอนหลับไป ในความรู้สึกว่าไม่ได้หลับ ข้าได้ยินเสียงพูดคุยกันดังมากมากดังจนได้ยินถัด แต่ฟังไม่ได้ศัพย์ ว่าพูดอะไรบ้าง เพราะเสียงหลายคนพูดเสียงเด็กๆ เสียงผู้หญิง ผู้ชาย คนแก่ ประมาณว่าสัก 20 คน เป็นเสียงแสดงความไม่พอใจบางคนก็ส่งเสียงไล่ และมองมาที่ข้าฯเป็นตาเดียว ด้วยดวงตาแดงกล่ำลุกโพลง จนข้าฯไม่กล้ามองตอบ ขนลุกชันขึ้นไปบนหัว (ขนหัวลุก)

ข้าฯไม่แน่ใจว่าเสียงไม่พอใจ เพราะข้าฯ หรือเพราะเขาทะเลาะกัน

แล้วเสียงไล่ก็ดังอยู่ใกล้ข้าฯ แต่ไม่เห็นตัวคนเหล่านั้น เห็นแต่เงาๆๆคนหมู่มากและเสียงไล่ให้ออกไปเท่านั้น ข้าฯตกใจตื่นเหงื่อแตก... นึกถึงเสียงนั้นติดหู... ข้าฯลุกไปเปิดไฟแล้วเดินไปเข้าห้องน้ำซึ่งอยู่ด้านในหลังห้อง เมื่อกลับมาก็นอนต่อ แต่กว่าจะหลับก็นานกลัวหลับแล้วจะได้ยินเสียงไล่อีก นอนพลิกไป พลิกมา จนพลอยหลับไปอีก แต่ก็หลับไม่สนิท เหมือนไม่ได้หลับ คราวนี้เสียงไล่ยิ่งรุนแรงมาก เด็กวิ่งกรูเข้ามาในห้อง พวกผู้หหญิง ผู้ชายตามเข้ามา ยกข้าวของ ของข้าฯที่นำมาจากกรุงบ้านกรุงเทพฯ เรียกว่ารุมเข้ามาเอาข้าวของทั้งหมดโยนออกไปนอกห้องจนหมด ด้วยอาการที่ดราดเกรี้ยวแทบจะโยนข้าฯออกไปด้วย ข้าฯได้แต่ยืนมองห้าม เพราะข้าอ้าปากไม่ขึ้น เขาก็ไม่สนได้แต่ส่งเสียงไล่พร้อมโยนของของข้ฯออกไปนอกห้องระเกะระกะเกลื่อนพื้นไปหมดไปหมด

คราวนี้ข้าฯตกใจตื่น แล้วขึ้นไปเรียกเพื่อนที่นอนอยู่ชั้นบน แล้วเล่าให้เขาฟัง

ถามว่าที่บ้านนี้เคยมีใครตายไหม มีใครเคยฝันอย่างข้าฯที่ฝันเห็นพวกเขาอย่างข้าฯบ้าง แอ๋วตอบ อ้อมๆๆ แอ้มๆๆ ปฎิเสธไม่เต็มเสียงเกรงข้าฯกลัว .....ก็กลัวจริงๆ ตอนนี้ประมาณตีสอง เลยสวดมนต์ยาวหน่อย แล้วจุดธูปบอกอีกครั้ง แต่ก็ต้องนอนต่อ คิดว่า คงไม่มีอะไรแล้ว ที่ไหนได้ พอหลับคราวนี้ รุนแรงยิ่งกว่าเดิม มีเสียงด่าทอ เสียงไล่ให้ออกไป ข้าฯจำได้ติดตาจำได้ขึ้นใจว่าเตียงที่ข้าฯนอนนั้นเป็นพ่อข้าฯมานอนแทน และเห็นกลุ่มคนกลุ่มเดิม ส่งเสียงไล่เสียงดังมากเด็กๆก็ตรงเข้ามาจะทำร้ายข้าฯหนีออกมานอกห้อง แต่พ่อข้าฯยังนอนอยู่บนเตียงที่ข้าฯนอนครั้งแรก โอย.....ทำไมร้ายอย่างนั้น ....กลุ่มคนดังกล่าวยกเตียงสูงจากพื้นห้อง ...แล้วโยนลงบนพื้นห้อง พ่อข้าฯซึ่งนอนอยู่บนเตียงกระเด็นลงไปนอนที่พื้น แล้วเขาก็ตรงมาที่ข้าฯ..ข้าฯก็ถอดหลังกรูด...ตกใจตื่น...เหงื่อเต็มตัวทั้งๆที่พัดลมก็เปิดอยู่

แล้วเขามาจากไหน...บรื๊อ.........ขนลุก ขนหัวลุก.....

ไม่ไหวแล้ว...ทนไม่ไหวแล้ว.....ทำไมเหตุการณ์มันถึงต่อเนื่องกันได้ในคืนเดียว ถึง สามครั้ง สามครา คุณๆๆคิดว่า มันคืออะไร...... ยังไม่สว่าง แต่ก็นอนไม่หลับแล้ว ข้าฯคว้าผ้าห่ม คว้าหมอนเผ่นแนบขึ้นไปขอนอนกับแอ๋วที่ชั้นบน เช้าขึ้นมาก็เตรียมอาหาร ดอกไม้ธูปเทียนไปไหว้ที่ศาลพระภูมิ จุดธูปเก้าดอกไว้กลางห้อง หลังจากหาบ้านเช่าได้ข้าฯก็ย้ายไปอยู่บ้านใหม่ ซึ่งไม่ไกลจากบ้านเดิมมากนัก


ขอขอบคุณเรื่องเล่าดี ๆ จาก
บล็อคแก๊งดอทคอม


เครดิต :

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์