โค้งอาถรรพณ์


โค้งอาถรรพณ์

"อมรา"เล่าประสบการณ์ขนหัวลุกจากโค้งมรณะ

เมื่อรู้ว่าสามีประสบกับเหตุการณ์แปลกๆ จนถึงน่ากลัวในตอนแรกๆ นั้น ดิฉันยังเข้าใจว่าเกิดจากฤทธิ์เหล้า หรือสุราพาไปนั่นแหละค่ะ ถึงแม้ว่าสามีจะไม่ได้ดื่มเหล้ามากมายจนขาดสติในการขับรถก็ตาม

ขึ้นชื่อว่าเหล้า ไม่ว่าจะมากน้อยยังไง ย่อมมีผลให้ความคิดและการตัดสินใจเชื่องช้ากว่าคนปกติ อาจจะเกิดอาการตาลาย มองเห็นภาพหลอนได้เป็นบางครั้งบางคราว

โดยเฉพาะเมื่อเกิดความฝังใจเรื่องบางอย่างขึ้นมา คนเราก็มักจะเชื่อมั่น หรือบอกตัวเองเป็นตุเป็นตะว่าได้เห็น..เห็นสิ่งที่พวกเขาเชื่ออยู่แล้ว

โค้งมรณะที่หน้าศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษกค่ะ!

มีเสียงร่ำลือมาเนิ่นนานแล้วที่นั่นมีผีสิง ผีดุ ผีเฮี้ยน สุดแท้แต่จะพูดกันไป ยิ่งเมื่อมีต้นโพธิ์โผล่ขึ้นมากลางเกาะ ผู้คนก็ยิ่งเชื่อว่ามีเจ้าที่เจ้าทางคอยตะครุบชีวิต คว้าวิญญาณมนุษย์ไปเป็นเครื่องสังเวย จนถึงกับบนบานศาลกล่าวกันต่างๆ นานา ระยะแรกๆ ก็มีผ้าเหลืองผ้าแดงมาพันมาคล้องตามกิ่งก้าน กับมีตุ๊กตารูปคนและสัตว์ต่างๆ มากองไปไว้เกลื่อนตามโคนต้น

ระยะหลังๆ ไม่ทราบว่าเป็นแฟชั่นหรืออะไรแน่ สิ่งของแก้บนกลายเป็นตุ๊กตารูปปั้นม้าลายนับสิบๆ ตัวเชียวค่ะ

ส่วนมากไม่ค่อยยอมรับว่าอุบัติเหตุร้ายๆ ล้วนแต่เกิดจากความประมาท ขับรถเร็ว ไม่ระมัดระวังเท่าที่ควรเมื่อถึงทางโค้ง สิ่งสำคัญที่สุดก็คือคนขับขี่เมาสุรา หรืออย่างน้อยก็ดื่มเหล้าดื่มเบียร์มาก่อน ไม่แยแสกับคำตักเตือน "เมาไม่ขับ" จนถึง "ดื่มไม่ขับ"

เรื่องผีที่เล่าต่อๆ กันมาก็ค่อนข้างโลดโผนและวิจิตรพิสดารเอาการ!

มีผู้หญิงวิ่งตัดหน้ารถในระยะกระชั้นชิดบ้าง เห็นคนโผล่ขึ้นมาบนหลังคารถคันหน้าบ้าง แม้แต่เห็นน้ำสีแดงไหลจากรถคันอื่นนองถนน..ก็เชื่อกันว่าเป็นเลือดมนุษย์สดๆ

ที่หนักหนาสาหัสก็คือ ยืนยันว่าขับรถมาดีๆ ก็เห็นผู้หญิงหน้าขาววอกมานั่งปร๋ออยู่ข้างๆ เล่นเอาสติแตก คุมพวงมาลัยไม่อยู่ รถตะกายขึ้นไปบนเกาะกลางถนน ใกล้ๆ กับต้นโพธิ์ที่กลายเป็นเจ้าพ่อโพธิ์นั่นเอง โชคดีที่ไม่ถึงกับตายหรือพิการ

สามีดิฉันเล่าว่ากลับจากทำงานตอนกลางคืน มุ่งหน้ามาบ้านทางฝั่งรัชดาตัดใหม่ ตอนแรกก็เห็นร่างตะคุ่มๆ ดำทะมึนยืนตระหง่าน สูงเสมอต้นโพธิ์ นัยน์ตาแดงฉานเป็นเปลวไฟเล่นเอามืออ่อนเท้าอ่อน สวดมนต์กระท่อนกระแท่นจนถึงบ้านอย่างปลอดภัย..ยืนยันว่าเห็นจริงๆ ไม่ใช่ตาฝาดไปเองเพราะฤทธิ์เมา

ดิฉันเชื่อว่าสามีดื่มเหล้าน้อย เพราะมีความรับผิดชอบในการขับรถ แต่ก็อยากจะคิดว่าเขาตาลาย หรือสร้างภาพหลอนขึ้นเองมากกว่าค่ะ

อีกครั้งหนึ่งราวสี่ทุ่มเศษ เขาขับรถมาดีๆ จนถึงบริเวณหน้าศาล หรือตรงโค้งมรณะอย่างที่เขาเรียกกัน พอดีเหลือบไปเห็นใครนอนคว่ำอยู่ข้างทาง..ผู้ชายที่คงจะประสบกับอุบัติเหตุค่อนข้างหนัก เพราะเลือดแดงฉานชุ่มเสื้อเชิ้ตสีขาว มองเห็นได้ชัดเจนในแสงไฟ

รีบจอดรถเข้าข้างทาง แต่เมื่อลงไปดูก็ไม่พบใครเลยแม้แต่คนเดียว!

ลมหนาวกรูเกรียวเข้ามาจนขนลุกซ่า เหลียวซ้ายแลขวาก็ฉุกใจวูบ..ไม่เห็นมีรถราใดๆ จอดอยู่ใกล้ๆ นั้นเลย ถ้าเช่นนั้นคนเจ็บจะมานอนอยู่ได้ยังไง?

เผ่นอ้าวขึ้นรถ ขับกลับบ้านมือไม้สั่น พิษเหล้าจางหายหมดสิ้น..ดิฉันก็ยังคิดว่าสามีตาลายเพราะฤทธิ์แอลกอฮอล์อยู่ดี..จนกระทั่งวันหนึ่งเราไปงานแต่งงานเพื่อนรุ่นน้องดิฉันที่โรงแรมแถวถนนอโศก กว่าจะออกจากงานก็เกือบสี่ทุ่มแล้วค่ะ..

คืนนั้นสามีพบเพื่อนฝูงมากมาย การดื่มเหล้าค่อนข้างมากจึงเป็นสิ่งเลี่ยงไม่พ้น แต่เมื่อดิฉันนั่งไปด้วยก็ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง สามีขับรถเรียบร้อย..ผ่านความคึกคักมาจนถึงแยกสุทธิสาร มุ่งหน้าไปทางลาดพร้าวและศาลอาญาที่รถราบางตาลงจนรถเร่งความเร็วได้เพิ่มขึ้น

สรรพสิ่งดูเงียบเชียบเยือกเย็น ดิฉันรู้สึกหนาวต้นคอลงไปถึงกระดูกสันหลังโดยไม่มีสาเหตุ เหลือบมองหาต้นโพธิ์กลางเกาะที่เขาร่ำลือกัน..ขณะนั้นเอง เหตุการณ์อุบาทว์ชาติชั่วก็อุบัติขึ้นกะทันหัน!

อะไรบางอย่างหลุดกระเด็น ปลิวว่อนออกมาท้ายรถกระบะคันหน้าซึ่งแล่นห่างเราประมาณ 30 เมตร สามีร้องว่า "อะไรวะ" ตั้งแต่แรก ดิฉันก็ชักเอะใจที่มันไม่ได้ตกหล่นลงพื้นถนนอย่างน่าจะเป็น แต่กลับลอยละลิ่วเข้ามาหาเรา..ภาพใบหน้าของอสุรกายกลุ่มหนึ่งนั่นเอง

ความหวาดกลัวทำให้ร้องกรี๊ดๆ แสบแก้วหู ใบหน้าดำทะมึน ตาแดงก่ำ อ้าปากราวจะเค้นหัวเราะเย้ยหยัน ทำให้โลกทั้งโลกเหมือนจะแตกเป็นเสี่ยงๆ สรรพสิ่งหมุนติ้ว ร่างกายดิ้นขลุกขลักอยู่ในรถที่ตะกายขึ้นไปหมดฤทธิ์อยู่ใกล้ๆ กับต้นโพธิ์กลางเกาะนั่นเอง

โชคดีที่เราไม่ได้รับบาดเจ็บมากมายอะไร นอกจากเคล็ดยอกกับถลอกปอกเปิกพอสมควร..ดิฉันเลิกกล่าวหาว่าสามีตาฝาดเพราะฤทธิ์เหล้าตั้งแต่นั้นมาค่ะ!



ขอบคุณเรื่องเล่าจากข่าวสด


เครดิต :

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์