วิญญาณยังอยู่


วิญญาณยังอยู่

"ลักษิกา" เล่าเรื่องขนหัวลุกจากครอบครัวน้องสาว

ผี!! ใช่ว่าจะน่ากลัวเสมอไป ถ้าหากผีนั้นเป็นวิญญาณของคนที่เรารักมากเหลือเกิน เราอยากเจอเขาด้วยซ้ำไป!

เขาอาจทำให้คนอื่นถึงกับจับไข้หัวโกร๋น แต่สำหรับเราแล้ว เราอยากรู้ที่สุดเลยว่าหลังความตายเขายังอยู่จริงหรือเปล่า? สุขสบายดีไหม? หายเจ็บปวดจากสภาพที่ทำให้ตายหรือยัง

เมื่อความตายมาพราก นั่นคือการจากกันชั่วกัลปาวสาน แต่ถ้ามีเหตุการณ์ที่มาพิสูจน์ได้ว่าวิญญาณมีจริง มันจะช่วยบรรเทาความเศร้าโศกไปได้เยอะเลย เพราะทำให้เรามีหวังว่าสักวันเราจะได้พบกัน และอยู่ด้วยกันอีก

ดิฉันซาบซึ้งกับความรู้สึกนั้นดี เพราะเมื่อปีที่แล้วน้องสาวของดิฉันประสบอุบัติเหตุ ตายพร้อมกับสามีและลูกๆ ตัวน้อย...ตายทั้งครอบครัวเลยค่ะ!

เรื่องนี้ทำให้เหลือดิฉันอยู่กับคุณแม่เพียงสองคนเท่านั้น

บ้านน้องสาวอยู่ถัดไปแค่สองซอยกลายเป็นบ้านร้างที่ร่ำลือว่าผีดุมาก ไม่มีใครกล้าเฉียดใกล้ เคยมีขโมยปีนเข้าไปในยามวิกาลต้องเผ่นออกมา กลายเป็นบ้าเป็นบอไปซะงั้น...มันเพ้อว่าผู้หญิงนอนแช่น้ำเลือดสดๆ อยู่ในอ่าง และมีเด็กผู้หญิงเล็กๆ สองคนมาเล่นจ๊ะเอ๋กับมันด้วย

บ้านหลังนี้คุณแม่กับดิฉันซื้อที่ดินและปลูกเรือนหอเป็นของขวัญให้น้องต้อย เมื่อพวกเขาตายมันก็ตกเป็นกรรมสิทธิ์ของคุณแม่ ซึ่งเรายังตัดสินใจไม่ได้ว่าจะขายหรือให้เช่าดี?

เวลาว่างๆ คุณแม่มักจะเดินเรื่อยๆ ไปที่บ้านนั้น และนั่งเหงาหงอยอยู่จนมืดค่ำ หรือจนกว่าดิฉันจะกลับจากทำงานและขับรถไปรับ เพราะเด็กรับใช้ไม่กล้าไป

การถูกกล่าวหาว่าเป็นบ้านผีสิงทำให้เกิดข้อดีอยู่สองประการ

ประการแรก ไม่มีขโมยหน้าไหนกล้าเข้าไปถอดประตูหน้าต่าง หรืองัดแงะเอาอะไรไปขายอีกเลย ประการต่อมา ดิฉันรู้สึกแช่มชื่นขึ้นเมื่อสำนึกว่าถ้ามีผีก็แปลว่าวิญญาณน้องสาว น้องเขยและหลานๆ ยังอยู่ที่นั่น...ดิฉันจะได้พบพวกเขาได้อีกสักครั้งไหมนะ?

คืนหนึ่ง หลังจากคุณแม่เข้านอน ดิฉันก็ไปพิสูจน์ด้วยตัวเองเพราะอยากเห็นกับตา อยากติดต่อถามสารทุกข์สุกดิบ พูดง่ายๆ คือคิดถึงเหลือเกิน คิดถึงจนทนทรมานอยู่คนเดียวไม่ได้

ดิฉันไปถึงบ้านนั้นเกือบสี่ทุ่มแล้วล่ะค่ะ ในซอยเงียบกริบ เพื่อนบ้านโผล่มามองทางหน้าต่างเมื่อดิฉันเปิดประตูใหญ่ ถอยรถเข้าไปจอดอย่างดิบดี พวกเขาคงอุ่นใจว่าคืนนี้มีคนมาอยู่ และคงจะทึ่งจัดเมื่อเห็นดิฉันมาค้างคนเดียว

พอไปถึงดิฉันก็เปิดหน้าต่างทุกบานให้อากาศถ่ายเท พลางนึกขำๆ ว่าหน้าต่างพวกนี้เราไม่ต้องปิดก็ย่อมได้ เพราะไม่มีใครกล้าเข้ามาอยู่แล้วล่ะ

คืนนี้ดิฉันตั้งใจว่าจะนอนตรงโซฟาหน้าทีวีในห้องรับแขก อ้อ...ทั้งทีวีและเครื่องเสียงยังอยู่ครบไม่มีตีนแมวมาฉกฉวยมันไปหรอก สภาพในห้องอื่นๆ ก็เช่นกัน ของใช้ทุกอย่างยังอยู่เหมือนเดิม ดิฉันเดินดูรอบๆ บ้านแล้วใจหาย มันดูราวกับว่าน้องสาว น้องเขยและหลานๆ กำลังออกไปเที่ยวที่ไหนสักแห่ง...และกำลังจะกลับเข้าบ้านในนาทีใดนาทีหนึ่ง

ห้าทุ่มกว่าๆ ดิฉันปิดทีวี ดับไฟทุกดวงในบ้าน นั่งนิ่งๆ ตามลำพังที่โซฟา ความมืดสงัดล้อมรอบ เงียบจนได้ยินเสียงกระดานลั่น เสียงจิ้งจกและแมลงกลางคืน

ไหนนะ? ขโมยมันบอกว่าเจอผู้หญิงนอนแช่เลือดในอ่างอาบน้ำนี่นา!

ดิฉันเดินขึ้นบันไดไปชั้นบน แสงสว่างจากไฟถนนทำให้ในบ้านไม่ถึงกับมืดสนิท ดิฉันเปิดประตูเข้าไปดูในห้องนอนของน้องสาวกับน้องเขย จากนั้นก็เข้าไปในห้องหลานๆ นี่ถ้าพวกแกนั่งตาแป๋วอยู่ล่ะก็ดิฉันจะดีใจมากเชียว

ใจระทึกนิดหน่อยเมื่อเดินเลี้ยวเข้าห้องน้ำ จ้องไปที่อ่างอาบน้ำก็ได้ยินแต่เสียงน้ำหยด ดิฉันเอื้อมมือไปปิดก๊อกให้สนิท ถอนใจยาวแล้วกลับมานอนที่โซฟา พยายามทำใจให้เป็นสมาธิ เผื่อว่าวิญญาณจะได้ติดต่อกับดิฉันได้

เสียงแมวร้องครวญครางมาจากที่ไกลๆ เสียงหมาหอนกันขรมแล้วก็เงียบไป

ดิฉันหลับไปตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้ และฝันเห็นทุกคนที่ล่วงลับไปแล้วนั้น...

ในฝัน เป็นตอนเช้าที่มีแสงแดดสว่างสดใส หลานๆ มานั่งดูการ์ตูนอยู่ใกล้ๆ ดิฉัน ที่ยังนอนเหยียดยาวบนโซฟา น้องเขยล้างรถอยู่ข้างนอก มองออกไปจากตรงนี้ก็เห็น ส่วนน้องสาวทำกับข้าวอยู่ในครัว พลางคุยกับดิฉันแทบไม่หยุดปาก เพียงแต่ดิฉันไม่ได้ยินอะไรเลยได้แต่นอนลืมตาเฉยๆ

มันเป็นฝันที่เหมือนจริงมากๆ จนเมื่อตื่นขึ้นมาดิฉันยังรู้สึกว่าพวกเขายังอยู่ใกล้ๆ และดำเนินชีวิตอยู่ในบ้านนี้ในขณะนั้นจริงๆ ตามที่ดิฉันเห็น

ดิฉันออกจากที่นั่นด้วยจิตใจที่เบาสบายขึ้น และเล่าเรื่องให้แม่ฟัง...แม่ยิ้มและบอกว่า พวกเขาคงอยู่สบายในอีกมิติหนึ่งอย่างที่ดิฉันได้เข้าไปพบเจอนั่นแหละค่ะ!



ขอบคุณเรื่องเล่าจากข่าวสด


เครดิต :

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์