ลางตาย


ลางตาย

"ปอง" เล่าประสบการณ์ขนหัวลุกจากลางมรณะ

เขาว่าคนจะตายมักมีลางสังหรณ์ หรือสิ่งบอกเหตุล่วงหน้า!

ลางมรณะที่ว่านั้นอาจจะประสบกับตัวเองก็ได้ แม้แต่ฝันร้ายที่บ่งบอกว่าจะถึงแก่ชีวิต ชะตาขาด คนสมัยก่อนเชื่อถือกันมาก ถึงกับต้องทำบุญต่ออายุ ถวายสังฆทาน นิมนต์พระมาสวดบังสุกุลเป็น หลายๆ รายก็ถึงกับลงทุนลงไปนอนในโลงศพเพื่อแก้เคล็ด หรือหลอกพญามัจจุราชว่าตัวเองตายไปแล้ว

สมัยนี้มักจะไม่ค่อยสนใจกันแล้ว อ้างว่าการงานรัดตัว ไม่มีเวลาไปสนใจเรื่องไร้สาระ...คนเราเมื่อถึงคราวตายก็ต้องตายอยู่ดี

คราวนี้ก็มาถึงคนอื่นเห็นลางร้ายของคนชะตาขาด!

ส่วนมากมักจะเป็นญาติสนิทมิตรสหาย เช่น ได้ยินเสียงแมงมุมทุบอกบ้าง นกแสกบินข้ามหลังคาบ้าง...อย่างหลังนี้เชื่อกันว่าถ้าบ้านนั้นมีคนเจ็บป่วยอาการหนักอยู่แล้ว รับรองว่าจะไม่ได้รอดชีวิตไปถึงวันรุ่งขึ้นแน่นอน

ถ้าเป็นในตัวเมืองก็มักจะมีลางร้ายว่าเห็นคนเดินมากลางแดดแต่ไม่มีเงา! หรือมีเงาเหมือนกัน แต่หัวขาด! ถือว่าเป็นลางมรณะที่ทำให้คนใกล้ชิดได้รับรู้ลางร้ายนั้นคือสิ่งบอกเหตุล่วงหน้า ไม่เกิน 3 วัน 7 วัน หรือบางทีก็ประสบอุบัติเหตุสยองจนเสียชีวิตในวันนั้นเอง

ดิฉันได้พบกับลางร้ายและเรื่องแปลกประหลาดของเพื่อนรุ่นน้องที่บริษัท ยอมรับว่าใจคอไม่ดีไปนาน แม้จะพยายามปลอบใจว่าไม่น่าจะเกี่ยวข้องอะไรกับเรื่องสยอง...โธ่! เราอยู่ในสมัยไฮเทค สุดๆ แล้วนี่คะ

จุ๋มเป็นสาวสวยที่ครองโสดเอาไว้เหนียวแน่น แม้ว่าอายุจะเริ่มเข้าเลขสามแล้ว แต่หน้าตาอ่อนเยาว์ กับนิสัยร่าเริง อารมณ์ขันฟุ่มเฟือย ตั้งแต่รู้จักกันเมื่อราว 3-4 ปีก่อนในฐานะน้องใหม่ของบริษัท ดูเผินๆ เหมือนอายุราว 24-25 เท่านั้นเอง!

เมื่อปีใหม่นี่เอง จุ๋มกับญาติๆ นัดแนะกันซื้อทัวร์ไปเที่ยวทางเหนือ ตั้งแต่สิงห์บุรี สุโขทัยและพิษณุโลก...ดิฉันอยากจะไปพักผ่อนและเปิดหูเปิดตาเหมือนกัน แต่บังเอิญต้องต้อนรับญาติที่มาจากต่างจังหวัด เลยขอผัดไปคราวหน้า

จุ๋มกับญาติๆ นัดพบกันที่หน้าสถานีรถไฟฟ้าย่านสีลม ได้ข่าวว่าเป็นชุมทางแห่งหนึ่งที่บริษัททัวร์นิยมนัดหมายกันที่นั่น...กำหนดออกรถในเวลา 07.00 น.

จุ๋มอยู่บางอ้อ ญาติอยู่ลาดพร้าว เป็นอันว่าต่างคนต่างมาก็แล้วกัน

คืนนั้นจุ๋มหอบกระเป๋าเดินทางมาค้างบ้านดิฉันที่สามย่าน เพราะกลัวว่าจะไปไม่ทันรถ...มีอะไรหลายๆ อย่างที่ผิดหูผิดตา เห็นหน้าจุ๋มดูเศร้า หม่นหมองอย่างไม่เคยเป็น แถมดำคล้ำคล้ายไปตากแดดที่ไหนมาเนิ่นนาน...

อยากจะทักถามก็ไม่กล้า รู้สึกหวั่นหวิวใจจนบอกไม่ถูก บางครั้งมองหน้าเพื่อนรุ่นน้องคนนี้ก็เห็นซีดเซียวไม่มีสีเลือด ทั้งที่เพิ่งดำคล้ำอยู่หยกๆ

เรานอนเตียงเดียวกัน ขณะที่เคลิ้มๆ ก็แว่วเสียงเหมือนใครสะอื้นอยู่ใกล้ๆ ถึงกับนอนตัวแข็ง แต่สักครู่ก็หายไป...จู่ๆ ก็รู้สึกเหมือนนอนคนเดียว ไม่มีจุ๋มมานอนร่วมเตียงเหมือนตอนหัวค่ำ... เครื่องปรับอากาศก็กลับเย็นยะเยือกจนขนลุกซ่า เล่นเอาดิฉันนอนตัวแข็งทื่อ ปากคอแห้งผากไปหมด

หันขวับไปมองก็เห็นจุ๋มนอนหงาย เหยียดแข้งเหยียดขาอยู่ในความสลัว...ดูเผินๆ เหมือนคนตายไม่มีผิด!

คงจะอุปาทานไปเองน่า! แม้จะบอกตัวเองอย่างนั้น แต่ดิฉันก็นอนหลับๆ ตื่นๆ จนถึงตีสี่ ข่มใจนอนไม่สำเร็จเลยลุกไปเข้าห้องน้ำ ล้างหน้าสีฟันแล้วอาบน้ำแต่งตัว ตั้งใจว่าจะปลุกเพื่อนราวตีห้าเศษๆ เพราะเธอแต่งตัวค่อนข้างช้าค่ะ

ครั้นเปิดไฟร้องเรียกชื่อเธอก็ไม่ได้ยิน คนขี้เซาก็อย่างนี้แหละ! ดิฉันอดยิ้มไม่ได้ขณะเดินไปหยุดอยู่ข้างเตียง...ตกใจจนต้องยกมือขึ้นปิดปากตัวเองก่อนจะร้องกรี๊ดอย่างลืมตัว

จุ๋มนอนอ้าปากค้าง ลืมตาโพลง!!

ตอนแรกคิดว่าเธอเป็นอะไรไปจริงๆ รีบเขย่าตัวพลางเรียกชื่อ...เอ๊ะ! จุ๋มเพิ่งลืมตาขึ้นมา แล้วผลุนผลันเข้าห้องน้ำเกือบครึ่งชั่วโมงก่อนจะออกมาแต่งตัวในชุดเดินทางสีม่วงแสนสวย...เมื่อดิฉันขับรถไปส่งเธอที่จุดนัดพบ จุ๋มพูดคุยอย่างตื่นเต้นร่าเริงตามปกติ จนกระทั่งไปถึงก่อนเวลานัดราว 15 นาที...ก่อนจะลงจากรถเธอก็ยกมือไหว้ขอบคุณก่อนจะถามยิ้มๆ

"ถ้าจุ๋มเป็นไรไปไม่ได้กลับมา พี่ปองจะคิดถึงจุ๋มไหมคะ?"

ดิฉันดุเธอแรงๆ ที่พูดจาไม่เป็นมงคล จุ๋มหัวเราะร่วนไม่ถือสาก่อนจะปราดเข้าไปหาญาติที่รถทัวร์...อีกสองวันต่อมา ก็ได้ข่าวเธอประสบอุบัติเหตุถูกรถยนต์เฉี่ยวชนตอนข้ามถนนที่สุโขทัย กะโหลกแตกตายคาที่...แม้จะคิดถึงจุ๋มอยู่เสมอแต่ก็ขอให้เธอไปสู่สุคติโดยเร็วเถอะค่ะ!


ขอบคุณเรื่องเล่าจากข่าวสด


เครดิต :

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์