เสียงสยอง


เสียงสยอง

"น้าไผ่" เล่าประสบการณ์ขนหัวลุกจากเสียงแคนยามราตรี

สมัยเด็กผมอยู่บ้านหนองหมื่นถ่าน จังหวัดร้อยเอ็ด มีผู้เฒ่าผู้แก่เล่าเรื่องผีให้ฟังนับไม่ถ้วน ล้วนแต่น่าขนลุกขนพองทั้งนั้นแหละครับ พวกเราเด็กๆ ก็กลัวกัน เบียดกันแจ แต่ก็ชอบฟังเรื่องผีเพราะสนุกตื่นเต้นกว่าเรื่องอื่นๆ

ทุกวันนี้ก็เลือนๆ ไป จำได้มั่งไม่ได้มั่ง นอกจากเรื่องผีแถน ผีฟ้า ผีปู่ผีตา ผีป่าผีไพร ที่ชาวบ้านยังเชื่อถืออย่างฝังหัวมาตั้งแต่สมัยดึกดำบรรพ์แล้ว

อย่าไปคิดอะไรมากเลยครับ สาเหตุมาจากความเดือดร้อนต่างๆ ในชีวิตประจำวัน มีแต่ปัญหารุมเร้าไม่จบสิ้น ไหนจะโรคภัยไข้เจ็บอีกล่ะ! ไอ้ครั้นจะหันหน้าไปพึ่งใครก็ไม่ได้ พวกข้าราชการท่านก็ล้วนแต่เป็นคนใหญ่คนโต ผมเห็นคนเฒ่าคนแก่ขึ้นอำเภอหรือโรงพัก ต้องนั่งพับเพียบอยู่กับพื้น เงยหน้าพูดกับเจ้านายแล้วสลดใจครับ

ต้องเรียกว่าเจ้านายมั่ง ท่านมั่ง...ทุเรศทุรังเต็มที!

เจ็บป่วยไปสุขศาลาทีก็ต้องเรียกนางพยาบาลว่าคุณหมอ ยกมือไหว้ท่านแต่ท่านก็ทำเฉยๆ เหมือนเป็นคนตาบอดตาใส อย่างดีก็พยักหน้ารับอย่างเสียไม่ได้ คำพูดติดปากของพวกท่านคือ...เป็นยังไงมั่งล่ะ เราน่ะ?

ตอนหลังดูเหมือนจะดีขึ้นหน่อยแล้วละครับ เพราะคุณหมอคุณพยาบาลท่านรู้จักรับไหว้คนคราวพ่อแม่หรือปู่ย่าตายายเป็นแล้ว!

ชาวบ้านเกือบทุกคนไม่รู้จะพึ่งใครก็ต้องหันหน้าไปพึ่งผีสางเทวดา พึ่งต้นไม้ พึ่งแม่น้ำ พึ่งภูเขาไปตามเรื่อง...ข้อสำคัญก็คือไร้การศึกษา ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าท่านๆ ที่นั่งชูคอ มองมาอย่างเหยียดๆ หรือไม่ก็ทำท่าเหมือนนักบุญมาโปรดสัตว์ผู้ยากน่ะ ล้วนได้รับเงินเดือนทุกบาททุกสตางค์มาจากหยาดเหงื่อแรงงานของชาวไร่ชาวนา ชาวบ้านร้านตลาดทั่วไปทั้งนั้นแหละ

แต่มีเรื่องน่าขนหัวลุกเรื่องหนึ่งที่ผมจดจำได้แม่นยำ...

ทิดสังข์เป็นหมอแคนประจำตำบลที่ถือว่ามีฝีมือหรือฝีปากยอดเยี่ยม เสียงแคนราวกับแฝงด้วยมนต์ขลัง ใครได้ยินได้ฟังก็ล้วนแต่คึกคัก หรือไม่ก็เคลิบเคลิ้มเพราะเสน่ห์เสียงแคนของแกทั้งนั้น

ตอนเย็นๆ ทิดสังข์กับเพื่อนพ้องชอบไปเป่าแคน เล่นผญาครึกครื้นที่ศาลาท่าน้ำ ริมหนองท้ายหมู่บ้าน หนุ่มๆ สาวๆ กับพวกเด็กๆ ชอบไปดูกัน หมอแคนกับหมอลำที่ว่าผญาเก่งๆ นี่มีเสน่ห์ครับ สาวๆ ชอบ บางคนมีแฟนตั้งหลายคนแน่ะ

ทิดสังข์แกหน้าตาดี รูปร่างสันทัดสมตัว พูดจาอ่อนหวาน นัยน์ตากรุ้มกริ่มออกแววเจ้าชู้ไม่เบา พวกสาวๆ ก็มาชอบพอแกหลายคน เล่นเอาพวกผู้ชายคนอื่นอกหักไปตามๆ กัน

วันหนึ่งก็เกิดเรื่องร้าย ทิดสังข์ถูกฟันตายคาบ้านที่แกอยู่คนเดียว!

ศพทิดสังข์ไปนอนในป่าช้าแล้ว แต่ยังจับมือใครดมไม่ได้ เจ้าหน้าที่บ้านเมืองตอนนั้นก็อย่างที่ว่าน่ะแหละคุณ คนยากคนจนตายไปก็เหมือนหมาโดนรถทับตาย ไม่สนใจจะมาสืบสาวราวเรื่องจริงๆ จังๆ เหมือนอย่างไอ้โหดที่ยิงรปภ.กับเมียเก่าตายคาที่ ขนาดกล้อง วงจรปิดถ่ายภาพให้เห็นถนัด มีรูปร่างหน้าตาเห็นชัดเจน นี่ผ่านไปราวครึ่งปีแล้วยังจับไม่ได้เลย

แหม! ถ้าผู้ตายเป็นลูกหลานนักการเมือง นายทหารนายตำรวจ หรือคนใหญ่คนโตคนมีชื่อเสียงเสียหน่อย ป่านนี้คงผ่านกระบวนการยุติธรรมไปเรียบร้อยแล้วละครับ

หลังจากทิดสังข์ตาย วงดนตรีที่ศาลาท่าน้ำก็เป็นอันว่าเลิกราไป...แต่เวลาผ่านไปราวหนึ่งเดือน ทิดสังข์ก็กลับมา!

พวกผู้ใหญ่เล่าว่า ตอนค่ำๆ ได้ยินเสียงแคน เสียงผญาเกี้ยวดังแว่วมาจากริมหนองน้ำ ตอนแรกคิดว่าพวกเพื่อนๆ ทิดสังข์หายเศร้าโศก กลับมาตั้งวงกันตามเดิม แต่เมื่อเดินไปดูกลับไม่เห็นใครเลย นอกจากความเปล่าเปลี่ยวน่าวังเวงใจสิ้นดี

ต่อมาเสียงสยองที่ว่าก็ชักจะดังขึ้นแทบทุกคืน ดึกๆ ดื่นๆ ก็ได้ยินกัน

ผมเองเคยได้ยินในคืนหนึ่ง อากาศหนาวจัดจนสะดุ้งตื่นขึ้นมากลางดึก เสียงหมาหอนโจ๋วมาตามสายลม ยอดไม้สะบัดใบซู่ซ่าเหมือนเสียงใครพึมพำ กระซิบกระซาบความลับต่อกัน...ทันใดนั้น เสียงแคนแหบปร่าก็ดังแทรกซ้อนขึ้นมา

คุณพระช่วย! เสียงแคนของทิดสังข์นั่นเอง!

ผมนอนตัวแข็งทื่อ เหงื่อหยดเผาะๆ แต่หนาวสะท้านจนฟันกระทบกันดังกึกๆ ฟังเสียงแคนโหยหวน โศกเศร้าบีบรัดหัวใจของทิดสังข์จนกระทั่งค่อยๆ จางหายไปในที่สุด

ขอให้ไปสู่สุคติเถิดทิดสังข์...ผมไม่อยากขวัญหนีดีฝ่อตายครับ!



ขอบคุณเรื่องเล่าจากข่าวสด


เครดิต :

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์