ซึงสยอง


ซึงสยอง

"สมภพ" เล่าประสบการณ์สยองขวัญจากริมฝั่งโขง

สมัยเด็กผมอยู่ที่อำเภอบ้านแพง นครพนม ใกล้ๆ กับโรงบ่มยาของโรงงานยาสูบ ด้านหน้าคือแม่น้ำโขงที่ไหลเชี่ยว ขุ่นเป็นตม ไหลเชี่ยวน่ากลัวยามหน้าน้ำ แต่พอถึงหน้าแล้งกลับดูแคบเหมือนลำคลองไม่มีผิด

ชายหาดเวิ้งว้าง พวกเด็กๆ ชอบไปวิ่งเล่นเกรียวกราว หนุ่มๆ สาวๆ ก็หาของกินไปนั่งคุยกันกระจุ๋งกระจิ๋งน่าอิจฉา ส่วนพวกคอสุราก็ตั้งวงกันครึกครื้น

บางเย็นมีหมอแคนมาเป่าแคนแล่นแตให้บรรยากาศรื่นรมย์

บางเย็นก็มีเสียงซึงดังแว่วมาด้วย จากฝีมือของ "ลุงแคน" ชายวัยห้าสิบเศษ ร่างผอมสูง ผิวคล้ำ ตัดผมเกรียนติดหนังหัว มักมีรอยยิ้มติดปากอารมณ์ดีอยู่เสมอ

ลุงแคนทำงานในโรงบ่มใบยา ส่วนเมียก็ทำไร่ทำสวน ปลูกผักที่ชายหาด ฐานะพอกินพอใช้คล้ายๆ กับเพื่อนบ้านในละแวกเดียวกัน ที่ส่วนมากก็ทำงานในโรงบ่มยาทั้งนั้น มีบ้านพักเรียงรายเป็นตับใกล้ๆ กับตลิ่งลำน้ำโขงนั่นเอง

ครอบครัวลุงแคนมีลูกสาวลูกชาย 3 คน พอโตขึ้นก็ไปเรียนต่อที่กรุงเทพฯ แล้วทำงานอยู่ที่นั่น นานๆ จะกลับมาเยี่ยมบ้านสักครั้ง ส่วนมากจะพาเพื่อนฝูงมาเที่ยวด้วย

เคยมีพวกหนุ่มๆ ถามว่า ลุงชื่อแคนทำไมไม่ชอบแคน แต่มาชอบซึงล่ะ? เล่นเอาลุงแคนหัวเราะเอิ๊กอ๊าก บอกว่าที่ชอบเพราะเล่นมาตั้งแต่สมัยหนุ่มๆ ได้เมียชื่อป้าคำที่อยู่ด้วยกันจนป่านนี้ก็เพราะเสียงซึงสะกดหัวใจสาวนี่แหละ

แล้วลุงแคนก็ให้ความรู้ว่า

"สมัยก่อนใช้เส้นไหมฟั่นเป็นเกลียวทำสายซึง แต่ต่อมาเห็นว่ายุ่งยากก็เลยเปลี่ยนเป็นลวดบ้าง ทองแดงบ้าง ซึง 2 สายก็เลยใช้ลวดมาจนถึงทุกวันนี้"

ซึงของลุงแคนดูสวยงาม หัวรูปพญานาคที่ชูคอขึ้นมาก็สลักเสลาและทาสีเอาไว้สวยงาม เสียงซึงของแกก็หวานซึ้งตรึงใจ ขนาดหนุ่มๆ สาวๆ ฟังแล้วยังทำตาลอย บ้างก็หวานเยิ้มเหมือนจะเกิดความเพ้อฝันรัญจวนจิตได้ง่ายๆ

บางวันลุงแคนก็เล่นซึงจนค่ำมืด บางวันก็พาป้าคำมาเดินเล่นนั่งเล่น โดยมีซึงคู่ใจติดมือมาขับกล่อมผู้คนที่พักผ่อนอยู่ใกล้ๆ ได้รื่นรมย์ไปตามๆ กัน

วันหนึ่ง ลุงแคนกับป้าคำก็ได้ข่าวร้ายว่าลูกชายคนเดียวเกิดอุบัติเหตุทางรถยนต์จนเสียชีวิตคาที่ สองผัวเมียรีบบึ่งไปกรุงเทพฯ เพื่อดูหน้าลูกเป็นครั้งสุดท้าย จัดงานศพเรียบร้อยแล้วก็กลับมาบ้านแพงตามเดิม

คราวนี้ลุงแคนเปลี่ยนไปเป็นคนละคน!

ถึงแม้ว่าจะยังทำการงานตามปกติ แต่สองผัวเมียดูเศร้าหมอง เงียบขรึม ตอนเย็นเคยออกมาเดินเล่นที่ชายหาดก็กลับเก็บตัวอยู่แต่ในบ้าน พวกญาติมิตรไปเยี่ยมก็ฝืนต้อนรับตามมรรยาท...บางคืนเลยค่ำไปแล้วจะมีเสียงซึงดังแว่วมาจากบ้านลุงแคน ฟังแล้วเหมือนเสียงคนร้องไห้ไม่มีผิด

คืนเกิดเหตุสยองขวัญ...

ราวสองทุ่มเศษ สมัยนั้นถือว่าเป็นเวลาหลับนอนกันแล้ว เพราะไฟฟ้าเปิดปิดเป็นเวลา พรุ่งนี้ก็ต้องไปทำงานแต่เช้า ถ้าจำไม่ผิดดูเหมือนจะ 07.30 น. ก็พอดีมีเสียงซึงดังแว่วมาจากบ้านลุงแคน!

พ่อผมพูดกับแม่ว่า ไม่รู้นึกยังไง พี่แคนถึงลุกขึ้นมาเล่นซึงเอาตอนนี้ พรุ่งนี้ก็ไม่ใช่วันหยุดนี่นา! แม่บอกว่าแกคงคิดถึงลูกชายน่ะ อกเขาอกเรา ใครไม่เจอกับตัวเองไม่รู้หรอก

พักใหญ่ๆ เสียงซึ่งกังวานเศร้าโศกที่ล่องลอยมาตามลมก็เงียบหายไป...

คุณพระช่วย! ผมกำลังจะหลับอยู่แล้วก็พอดีได้ยินเสียงซึงดังมาอีกครั้ง คราวนี้ดูเบาบางเพราะสายลมพัดแรง ยอดไม้ไหวซู่ซ่า เสียงซึงนั้นเดี๋ยวก็ดัง เดี๋ยวก็แผ่วเบาคล้ายจะจางหายไปกับสายลม ท่ามกลางบรรยากาศเยือกเย็น ชวนให้วังเวงใจสิ้นดี

เสียงซึงของลุงแคนไม่ได้ดังมาจากบ้าน แต่มันดังมาจากชายหาดแน่นอน!

ชายหาดที่อ้างว้างเปล่าเปลี่ยวในยามราตรี ชายหาดที่สองผัวเมียเคยเดินเล่น เคยนั่งคุยกัน และเคยเล่นซึงให้พวกเราฟัง...

ลุงแคนอาจจะเหงาใจจนเดินไปเล่นซึงที่นั่น...หรือจะเล่นขับกล่อมวิญญาณของลูกชายคนเดียวที่จากพ่อแม่ไปตลอดกาล...แต่มันทำให้ผมขนลุกซ่า หลับๆ ตื่นๆ ไปตลอดทั้งคืน

รุ่งขึ้นจึงได้ข่าวว่าลุงแคนตายแล้ว...ป้าคำเล่าให้เพื่อนบ้านฟังทั้งน้ำตาว่า หลังจากกินข้าวเย็นเสร็จ ลุงแคนก็บ่นว่าปวดหัว ขอตัวเข้านอนตั้งแต่พลบค่ำ หลับสนิทไปตลอดกาล...มารู้ว่าคู่ชีวิตสิ้นลมหายใจไปแล้วในตอนเช้ามืดนี่เอง

เสียงซึงทั้งที่บ้านและที่ชายหาด ก็เป็นเสียงซึงที่ดังแว่วมาจากปรโลกน่ะซีครับ!


ขอบคุณเรื่องเล่าจากข่าวสด


เครดิต :

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์