วิญญาณเรียกหา


วิญญาณเรียกหา

"ก่องแก้ว" เล่าประสบการณ์ขนหัวลุกในอพาร์ตเมนต์ผีสิง ดิฉันเข้าทำงานในกรุงเทพฯ เลยต้องเช่าอพาร์ตเมนต์ใกล้ที่ทำงาน อยู่แถวสุทธิสารนี่เองค่ะ เข้าอยู่วันแรกก็ได้เรื่องเลยล่ะ!

วันที่ดิฉันขนกระเป๋าเข้าไปอยู่นั้น ได้สวนทางกับคนเช่าห้องคนก่อนด้วย เขาย้ายออกไปและมาดูแลความเรียบร้อยเป็นครั้งสุดท้าย ทั้งคู่เป็นสามีภรรยาในวัยสามสิบห้าปี ท่าทางเศร้าๆ แต่อัธยาศัยดีมาก ทำให้ดิฉันถอนหายใจอย่างโล่งอก...

เฮ้อ! อย่างน้อยห้องนี้ก็มีประวัติดี ไม่มีใครฆ่ากันตายก็แล้วกัน!

เย็นนั้น หลังจากจัดข้าวของเรียบร้อยแล้วก็ไปหาอะไรกิน กว่าจะกลับขึ้นมาอีกทีก็เกือบทุ่มแล้ว พอเปิดไฟกลางห้องและเตรียมตัวอาบน้ำปรากฏว่าไฟเกิดวูบๆ วาบๆ ราวกระแสไฟตก ขณะเดียวกันก็มีกลิ่นธูปโชยมา ตอนแรกเป็นกลิ่นอ่อนๆ แต่ นาทีต่อมามันฉุนจัด แทบแสบจมูกแน่ะค่ะ...ดิฉันไม่คิดอะไรมากหรอก กลิ่นมันอาจจะโชยมาจากที่ใกล้ๆ นี้ก็ได้ แต่มันเล่นเอาขนลุกซ่าไปเลยเชียว...

คืนนั้นดิฉันเข้านอนและหลับสบายตั้งแต่ห้าทุ่ม ฝันโน่นฝันนี่ไปเรื่อย แต่พอรุ่งเช้าก็ตื่นนอน...ดิฉันฝันน่ากลัวมากๆ เลยค่ะ!

ในฝันนั้น เราไปกันสามคน คือดิฉันกับน้องชายวัยรุ่นและป้า...เรากำลังเดินออกมาจากวัดแห่งหนึ่ง วัดอะไรไม่รู้ รู้แต่ว่าอยู่ไกลมาก ต้องเข้าไปในซอยลึกแล้วเลี้ยวไปเลี้ยวมา รถก็ไม่มี ขณะเดินออกมาเราก็ผ่านศาลาหน้าวัด กว้างใหญ่และมืดทึบ ในศาลามีแท่นใหญ่ มีศพวางอยู่บนนั้นเรียงกันอยู่ราว 5 ศพ มีทั้งเด็กและผู้ใหญ่

ทุกศพไม่ว่าเด็กหรือผู้ใหญ่ มีผ้าขาวพันไว้แน่นเหมือนผ้าตราสัง แต่เปิดส่วนหัวไว้ เราจึงเห็นหน้าพวกเขาชัดเจน...เป็นใบหน้าของคนตายชัดๆ น่ากลัวมาก น้องชายดิฉันเกิดอยากเข้าไปดูใกล้ๆ เขากับป้าเดินเข้าไปในศาลา ดิฉันร้องว่าเข้าไปดูทำไม? ออกมาเถอะ เขาก็หัวเราะ

ทันใดนั้น ศพเด็กผู้หญิงผมทรงนักเรียนที่อยู่ริมสุดทางนี้ก็เกิดอาการกระตุกงึกๆ แล้วกลิ้งไปกลิ้งมา ก่อนที่พยายามงอตัวลุกขึ้นนั่ง ทั้งที่มีผ้าห่อศพพันไว้แน่น

เราเผ่นกันกระเจิง ใครคนหนึ่งตะโกนว่าศพฟื้น!!

ฉับพลันมีสัปเหร่อเดินมาแล้วพูดว่า ไม่ได้ฟื้นหรอก เด็กคนนี้ตายมาหลายวันแล้ว...ดูนั่นซิ! ดิฉันมองเข้าไปเห็นเธอพยายามลุกขึ้น ตะแคงข้างมาทางดิฉัน ดวงตาลืมโพลง...เป็นดวงตาที่แบนแฟบเข้าไปในเบ้าตา ไม่ได้เป็นทรงกลมอย่างลูกตาคนเรายามมีชีวิตอยู่

อย่างไรก็ตาม ดิฉันจำได้ว่านัยน์ตานั้นเป็นแวววิงวอน มันเศร้ามากเหมือนว่าเธออยากจะลุกจากความตายแล้วกลับบ้าน...เธอยังเด็กเหลือเกิน

สัปเหร่อตรงไปที่เธอและอุ้มใส่ตัก พลางกล่อมด้วยคาถาให้เธอสงบลง

ดิฉันรีบออกจากวัดโดยมีสายตาละห้อยมองตาม เลยรีบจ้ำอ้าว มากับน้องและป้า เราเดินวนเวียนอยู่ในซอยที่มีกำแพงอิฐสีเทาสูงตระหง่านเหมือนเดินอยู่ในเขาวงกต...สักพักใหญ่ก็ออกมาเรียกแท็กซี่ได้ และคำสุดท้ายที่ดิฉันพูดก็คือ

"ไปวัดพระแก้ว ไปขอน้ำมนต์ท่าน!"

ฝันแค่นั้นก็ลืมตาตื่น...มันเป็นเวลาเจ็ดโมงเช้าของวันอาทิตย์พอดี

คุณคงเคยเป็นนะคะ เวลาฝันร้ายน่ะ พอตื่นใหม่ๆ บรรยา กาศในฝันมันยังอยู่...ดิฉันก็เช่นกัน! ใจตึกตักๆ ขวัญผวา ต้องนอนนิ่งๆ หายใจลึกๆ สักพัก เออ...ค่อยยังชั่ว ดิฉันดึงตัวเองให้กลับมาอยู่ในโลกแห่งความจริง เหวี่ยงขาลงจากเตียงเพื่อลุกไปห้องน้ำ...

ตอนนั้นละค่ะ ที่สายตามองไปที่หน้าเตียง และเห็นอะไรเด่นชัดอยู่ตรงนั้น!

มันเป็นก้อนสำลีสีขาวๆ มอๆ สองก้อนตกอยู่! เห็นแล้วนึกถึงสำลีที่เขาใช้อุดจมูกคนตาย! ดิฉันใจหายวาบ ภาพใบหน้าของศพเด็กหญิงในฝันผุดขึ้นมาชัดเจน ดิฉันรีบหยิบไม้กวาดมากวาดลงที่โกยผง เอาทิ้งชักโครกไปเลย

แน่ละคุณ! ดิฉันต้องสืบสาวราวเรื่องให้ได้ว่า ห้องนี้มันมีอะไรกันแน่?

จากการพูดคุยกับคนแถวนี้ทำให้ทราบว่า คนเช่าคนก่อนเป็นสามีภรรยาจากต่างจังหวัดที่มาทำงานในกรุงเทพฯ เขามีลูกสาวคนเดียวน่ารักมากชื่อ "น้องนุ้ย" พวกเขาอยู่ที่นี่ตั้งแต่น้องนุ้ยยังเล็กๆ จนเข้าโรงเรียน เรียกว่าอยู่เป็นบ้านเลยละค่ะ เป็นครอบ ครัวที่มีความสุขมากๆ แต่แล้วเมื่อไม่นานมานี้เอง น้องนุ้ยก็เป็นไข้ไม่สบาย ไข้สูงมากแล้วแกก็ตาย

หลังจากทำศพลูกแล้ว สองสามีภรรยาไม่อาจทนอยู่ที่นี่ได้ต่อไป เพราะมองไปทางไหนก็เห็นแต่ลูกสาว เลยย้ายกลับต่างจังหวัด แล้วดิฉันก็เข้ามาอยู่แทน...ถึงบางอ้อเลยละค่ะ! วิญญาณ ของนุ้ยคงจะโหยหาพ่อแม่ และอยากกลับมาที่นี่ซึ่งเธอยึดเป็นบ้าน

เมื่อทราบเรื่องแล้วดิฉันก็ไปที่วัดพระแก้ว ไปกราบท่านและขอน้ำมนต์ใส่ขวดกลับมาไว้ในห้อง พร้อมทั้งทำบุญอุทิศส่วนกุศลให้เด็กหญิง และอธิษฐานจิตบอกแกว่าให้วิญญาณไปสู่สุคติ พ่อแม่แกไม่ได้อยู่ที่นี่แล้ว

นับแต่นั้นก็ไม่มีเรื่องน่ากลัวใดๆ เกิดขึ้นอีกเลยค่ะ!



ขอบคุณเรื่องเล่าจากข่าวสด


เครดิต :

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์