ผีบ้านสวน


ผีบ้านสวน

"เมฆ"เล่าประสบการณ์ขนหัวลุกจากสวนตลิ่งชัน

ตอนนี้ตลาดนัดทางน้ำกำลังโด่งดังนะครับ มีชื่อเสียงและได้รับความนิยมยิ่งกว่าตลาดน้ำสมัยก่อน ไม่ว่าที่ต่างจังหวัดหรือกรุงเทพฯ อย่างดอนหวาย หรือบางคล้า และตลิ่งชัน ในเมืองหลวงนี่เอง

คนที่ไปเที่ยวตลาดน้ำตลิ่งชันในปัจจุบันนี้ เห็นแต่ความคึกคัก เดินดูของกินของใช้สารพัดอย่าง ดูเผินๆ เห็นตลาดต้นไม้เรียงรายสองฝั่งถนนหน้าอำเภอ เอ๊ย! หน้าเขตกับเรือกสวนเขียวชอุ่มดูร่มรื่นน่าชื่นใจ แทบจะมองไม่เห็นว่าได้เปลี่ยนแปลงจากสภาพเดิมไปมากน้อยแค่ไหน ทั้งๆ ที่ความจริงน่ะไม่เหมือนกับสมัยก่อนเลยครับ

สมัยหนุ่มผมเป็นลูกชาวสวนที่ตลิ่งชัน ตอนนั้นถือว่ายังอุดมสมบูรณ์สมกับคำว่าสวนผลไม้ชานเมือง มีผลหมากรากไม้สารพัดชนิดที่คนสมัยนี้แทบจะคิดไม่ถึง

ทุเรียน มะปราง มะเฟือง มะไฟ มะขวิด น้อยหน่า...ขนาดมังคุดก็ยังมีนี่นา!

ผลไม้พวกนี้ล้วนแต่ดกดื่นเต็มสวน โดยเฉพาะมะไฟนี่ต้องยกให้ "ลุงเจือ" ว่าแก "ทำมะไฟ" เก่งที่สุด...ภาษาชาวสวนบ้านผมน่ะครับ หมายถึงคนที่ปลูกมะไฟเก่งกาจ ออกลูกดกสะพรั่งต้น ตั้งแต่โคนขึ้นไปถึงกิ่งก้าน ห้อยระย้าเหลืองอร่ามน่าประทับตาประทับใจจริงๆ

เดี๋ยวนี้ลุงเจือสิ้นบุญไปแล้ว มะไฟกับผลไม้ต่างๆ ก็พลอยอับเฉาโรยราไปกับความเจริญ มีถนนหลายสายตัดผ่าน ตึกรามบ้านช่องผุดขึ้นคึกคัก ต่อให้ชาวสวนระดับ "มือชอุ่ม" แค่ไหนก็เสกเป่าให้ฟื้นสภาพเดิมไม่ได้หรอกครับ

เรื่องขนหัวลุกที่ตลิ่งชันก็ไม่น้อยหน้าใคร!

ตาผูกคนริมคลองอยู่กับเมียชื่อรื่น แค่สองคนตายายมาตั้งแต่ยังหนุ่มสาวจนล่วงเข้าวัยชรา ลูกเต้าแยกย้ายออกไปอยู่ที่อื่น นานๆ ถึงจะกลับมาเยี่ยมพ่อแม่สักครั้ง

สองผัวเมียเลี้ยงห่านไว้แทนหมา นับว่าดุได้การเชียว ไม่ว่าจะเป็นคนแปลกหน้า

รวมทั้งหมาหรืองูย่างกรายเข้ามา มันร้องลั่นเสียงแหลม แถมยังไล่จิกกัดไม่กลัวอะไรทั้งนั้น...งูเงี้ยวเขี้ยวขอตามเรือกสวนค่อนข้างชุกชุมครับแต่ถ้าบังอาจโผลไปที่นั่นเป็นต้องเผ่นหนีห่านเร็วจี๋เหมือนหมูหนีตะขาบยังไงยังงั้น

ไม่รู้ว่าเวรกรรมหรือเพราะงูเห่ามันอาฆาตกันแน่ วันหนึ่งตาผูกก็โดนงูเห่ากัดตายใกล้ๆ กับทางเดินเข้าหมู่บ้านพอดี

คราวนี้ชาวบ้านร้านช่องก็โจษขานกันว่าผีตาผูกดุร้ายน่ากลัวอย่าบอกใครเชียว!

คนที่ผ่านไปมามักจะมองเห็นแค่ที่โคนตะขบริมทาง อันเป็นที่ตายของแก รูปร่างหน้าตาเหมือนคนเป็นๆ นี่แหละ บางคนจำไม่ได้ว่าแกตายไปแล้วก็ไม่เดือดร้อนเท่าไหร่ แต่คนที่จำได้ต้องบอกว่าขนหัวลุกไปตามๆ กัน

ตาผูกเป็นคนรูปร่างเตี้ยเล็ก หน้ากลม คางแหลม หัวทุย ตัดผมสั้นเกรียน มองเห็นปราดเดียวก็จำได้ และนั่นยิ่งทำให้มีคนเห็นผีตาผูกชัดๆ หลายต่อหลายคน ไม่ว่าน้าชื้น ป้าเยาว์ ลุงหนุน ยายแจ่ม ตากรี...เล่นเอาวิ่งหนีกระเซอะกระเซิงชนิดแหกป่าแหกสวนกันเป็นทิว

วันดีคืนร้าย ผมกับเพื่อนๆ อีก 2 คนก็เจอดีเข้าชนิดจังเบอร์!

สาเหตุมาจากการไปเที่ยวงานวัด วัยหนุ่มทำให้พวกเราเลือดร้อน ไม่เกรงกลัวอะไรง่ายๆ ดูหนังดูลิเกจนงานเลิกแล้วเดินกลับบ้านกลางดึกในคืนเดือนหงายแจ่มฟ้า

ขณะที่กำลังพูดคุยเสียงโขมง หัวเราะต่อกระซิกกันมาใกล้ต้นมะขามแผ่ใบร่มครึ้ม ผมไม่ได้นึกถึงตาผูกที่โดนงูกัดตาย ทั้งๆ ที่มองเห็นผู้ชายร่างเล็กโผล่ออกมาโคนไม้แล้วเดินนำหน้าเราฉับๆ สังเกตแต่ว่าชายนั้นนุ่งกางเกงขาก๊วยตัวเดียว เดินเหมือนลอยไปยังงั้นแหละ

"ใครวะ?" ไอ้น้อยถามขึ้น ส่วนไอ้คล่องหัวเราะ "ตาผูกมั้งแกมารับเราไงวะ"

เพื่อนผมพูดเล่นแท้ๆ แต่ร่างเล็กๆ ที่เดินนำหน้าก็หยุดกึกก่อนจะหันขวับมามอง...แสงจันทร์ที่ส่องลงมากระทบใบหน้าดำๆ นัยน์ตาพองโต เล่นเอาผมขนลุกซ่า ชาวาบไปทั้งตัวเดี๋ยวร้อนเดี๋ยวหนาวเหมือนจับไข้

"ตาผูก!!" ไอ้น้อยกับไอ้คล่องหลุดปากออกมาพร้อมๆ กัน ใบหน้านั้นหันกลับก่อนจะเดินฉับๆ ต่อไป...ผมรู้สึกเหมือนแผ่นดินยุบหายไปดื้อๆ แต่ฟ้าดันถล่มโครมครามลงมาจนหัวหมุน ตาลาย ได้ยินเสียงตัวเองแผดร้องแสบแก้วหู ก่อนจะกระโจนพรวดออกไปข้างหน้าชนิดลืมตัวลืมตายในพริบตา

มารู้สึกตัวอีกทีก็ถึงบ้านแล้ว เล่นเอาแผ่หลาอยู่บนระเบียง เหน็ดเหนื่อยแทบขาดใจ...แต่ยังดีกว่าเพื่อนสองคนที่จับไข้จับหนาวอยู่หลายวันกว่าจะค่อยทุเลา!



ขอบคุณเรื่องเล่าจากข่าวสด


เครดิต :

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์