เรือผีสิง


เรือผีสิง

สมัยก่อนผมไปเที่ยวอยุธยาบ่อยๆ มีผู้ใหญ่เล่าให้ฟังว่าน้องสาวถูกผีหลอกในเรือตัวเองแท้ๆ จนสติแตก กลายเป็นคนป้ำๆ เป๋อๆ จนเสียชีวิตไปไม่นานนี้เอง!

น้องสาวชื่อละไม ได้ผัวเป็นคนสามชุกชื่อ ทิดเวก มีอาชีพค้าข้าว โดยล่องเรือเอี้ยมจุ๊นไปขายที่กรุงเทพฯ ตามรอยพ่อแม่ที่เคยทำมาหากินทางนี้มาก่อน เมื่อเรือเก่าแก่เต็มทีก็ขายทิ้งไป หาซื้อเรือลำใหม่ประเภทมือ 2 มือ 3 ที่ยังใช้การได้มาแทนลำเดิม

เรือนั้นเป็นสิ่งสำคัญนัก นอกจากใช้ขนสินค้าแล้วยังอาศัยกินอยู่หลับนอนที่ท้ายเรืออีกด้วย

ละไมกับทิดเวกอยู่กินกันมาเกือบ 10 ปี ส่วนใหญ่อยู่ในเรือมากกว่าอยู่บ้านพ่อแม่ฝ่ายชายที่สามชุก สองผัวเมียเพิ่งจะมีลูกชายอายุเกือบครบขวบ ชื่อเจ้าลบ จะขึ้นล่องไปไหนก็ไปพร้อมกันทั้งสามคน

ยามเดินทางใช้เรือโยง ยกโขยงกันไปหลายลำ ขึ้นล่องกลางแม่น้ำไม่มีอะไรยุ่งยาก ยกเว้นแต่จะถึงคุ้งหรือน้ำเชี่ยว ผู้ชายก็ถือถ่อเดินเลาะกราบเรือไปมา คอยเตรียมพร้อมที่จะค้ำยัน ส่วนผู้หญิงก็ช่วยถือหางเสือจนคุ้นมือ

ถึงเวลาก็หุงข้าวต้มแกงกินกันในเรือ ฝนตกก็ชักผ้าใบชุบน้ำมันลงมากันฝน ไม่เดือดร้อนอะไร ส่วนใหญ่จะเดินทางกันตอนกลางวันเท่านั้น

วันเกิดเหตุตอนบ่ายจัด...

สองผัวเมียล่องเรือโยงเพียบแปล้ผ่านเมืองนนทบุรีมา เห็นสะพานพระรามหกเบื้องหน้าอยู่ลิบๆ ทิดเวกไปทำอะไรง่วนอยู่หัวเรือ ละไมเอาลูกลงเปลใต้หลังคาอันเป็นที่หลับนอน ขัดถูจนสะอาดสะอ้าน กระดานเป็นมัน แล้วหุงข้าวต้มแกง กะว่ากินข้าวกินปลาแล้วก็คงใกล้จะถึงท่าน้ำสี่พระยาตอนพลบค่ำพอดี

เสียงเจ้าลบร้องอืออออยู่บนเปลผ้าขาวม้า ละไมก็ชักสายเปลแกว่งไกวให้ลูกหลับทำผักทำปลา เดี๋ยวๆ ก็ชักเปลเสียที

ทันใดก็มีเสียงตุ้บเบาๆ ดังขึ้น ละไมหันขวับไปเห็นลูกตกเปลลงมาร้องจ้า ก็รีบปราดเข้าไปหา คิดว่าตัวเองคงจะชักเปลจนแกว่งแรงเกินไป รีบอุ้มลูกมาปลอบโยนก่อนวางลงบนเปลตามเดิม

หม้อข้าวกำลังเดือดพลุ่งๆ เปิดฝาออกวางก็พอดีได้ยินเสียงเจ้าลบร้องจ้าขึ้นมาอีกครั้ง!

ทิดเวกตะโกนถามอยู่แถวกลางลำเรือว่าลูกเป็นอะไร? ละไมก็ได้แต่ร้องว่าไอ้ลบมันตกเปล...แล้วปราดเข้าไปอุ้มลูกที่ร้องงอหาย กล่อมเห่อยู่เดี๋ยวหนึ่งก็นึกเอะใจว่าตัวยังไม่ได้ไกวเปล แล้วไอ้ลบมันจะตกลงมาได้ยังไงกัน?

ตะวันคล้อยดวงลงเหนือทิวไม้ย่านบางอ้อ เสียงระลอกคลื่นข้างเรือน่าวังเวงใจละไมช้อนลูกจะเอาลงเปล แต่แล้วก็ต้องตกตะลึงตัวแข็งทื่ออยู่กับที่

เด็กแดงๆ ตัวโตนอนเต็มเปล อ้าปากหัวเราะเห็นฟันเต็มปาก นัยน์ตาแดงจ้าปานแสงไฟ...ละไมหวีดร้องโหยหวน ขณะที่ทิดเวกถลันมาถึงท้ายเรือพอดี...เห็นเด็กอุบาทว์ถลันลุกขึ้นมานั่ง ร้องเสียงแหบโหยน่าขนหัวลุก

"แม่จ๋า...หนูหิวนม!!"

โลกทั้งโลกกำลังแตกสลายอยู่ตรงหน้า! ละไมร้องกรี๊ดๆ โยนลูกทิ้ง แล้วเผ่นพรวดขึ้นทำท่าเหมือนจะกระโจนลงน้ำ ทิดเวกตะโกนห้ามสุดเสียง โผนเข้ารวบเอวเมียเอาไว้ได้ทันท่วงที เด็กปีศาจก็หายวับไป...

ละไมกลายเป็นคนป้ำๆ เป๋อๆ เดี๋ยวหัวเราะ เดี๋ยวร้องไห้ เดี๋ยวพร่ำพูดกับตัวเองตั้งแต่นั้นมา!

กลับบ้านที่สามชุก ทิดเวกพาเมียไปหามดหมอไม่รู้ว่ากี่รายก็รักษาไม่หาย...มารู้ความจริงทีหลังว่า เจ้าของเรือลำเก่ามีลูกเล็กๆ คลานเล่นจนตกน้ำตายตอนล่องเรือไปกรุงเทพฯ เช่นกัน พ่อแม่เสียใจเหมือนจะตายตามลูก ตัดใจขายเรือทิ้ง เลิกราอาชีพเดิม หันไปทำไร่ทำสวนอยู่ที่ศาลเจ้าเจ็ดจนถึงทุกวันนี้

ส่วนละไมทนทุกข์ทรมานอยู่เกือบ 3 ปี จนได้สิ้นเวรสิ้นกรรม ส่วนทิดเวกก็พาลูกไปฝากพ่อแม่เลี้ยง ตัวเองร่อนเร่พเนจรไปอยู่ทางภาคใต้...สาบสูญเหมือนตายจากไปตลอดกาลนาน คล้ายละไมก็ปานกัน!



ขอบคุณเรื่องเล่าจากข่าวสด


เครดิต :

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์