ซอยผีดุ!

"เอก" เล่าประสบการณ์ขนหัวลุกยามดึกในซอยเปลี่ยว

สมัยหนุ่มๆ ผมเคยอยู่หมู่บ้านยาสูบที่ซอยอุดมสุข บางนา ตรงปากซอยใกล้ๆ กับถนนสุขุมวิทมีบังกะโลสุขใจเอาไว้ต้อนรับหนุ่มๆ สาวๆ ที่ชอบหนีร้อนเข้าไปพักผ่อนหย่อนอารมณ์กันไงครับ

สองข้างทางยังไม่มีตึกรามบ้านช่องแน่นหนา ถนนหนทางขวักไขว่จนละลานตาอย่างทุกวันนี้ ตรงกันข้าม พอเข้าซอยไปหน่อยก็มีแต่ทุ่งหญ้าเปล่าเปลี่ยวอ้างว้าง รถสองแถวที่วิ่งระหว่างหมู่บ้านกับปากซอยตอนกลางวันน่ะ พอตกค่ำราวๆ 2-3 ทุ่มก็เลิกวิ่งแล้ว

สุดซอยมีสโมสรของแบงก์กรุงเทพเพิ่งไปสร้างได้ไม่นาน ต่อมาใกล้ๆ กันด้านซ้ายมือมีร้านอาหารป่ามาเปิดกิจการ พอแดดร่มลมตกจะมีลูกค้าคอสุรามาอุดหนุนอุ่นหนาฝาคั่ง มีทั้งตั้งโต๊ะในร้าน กับปูเสื่อที่สนาม รับลมโกรกเย็นฉ่ำน่าชื่นใจนักเชียว

ผมมีเรื่องน่าขนลุกขนพองมาเล่าให้ฟังครับ!

ช่วงนั้นผมทำงานโรงพิมพ์อยู่ในซอยข้างโรงหนังพาราเม้าท์ แถวประตูน้ำ ตอนเย็นงานเลิกมักจะมีเพื่อนฝูงชวนกันเดินออกจากซอยข้ามถนนไปตลาดโต้รุ่ง เลี้ยวเข้าร้านข้าวต้มเพื่อเสพสุราฮะกึ๋นแก้เหนื่อยตามระเบียบ

ส่วนมากเป็นชายโสดทั้งนั้นแหละ สำหรับผมน่ะต้องกลับตอนสองทุ่มเศษ ไม่งั้นลงจากรถเมล์แล้วต้องเดินกลับบ้าน แถมระยะทางไม่ใช่ใกล้ๆ ด้วย สาเหตุเพราะรถสองแถวเลิกวิ่งไปเรียบร้อยแล้ว

คืนเกิดเหตุเป็นวันศุกร์ในฤดูหนาว พวกเราเกิดติดลมเรื่อยเปื่อย พูดคุยเฮฮากันจนปาเข้าไปสามทุ่มกว่า ผมเองชักมึนๆ แล้ว แต่ยังไม่เมา เลยต้องอำลามารอรถเมล์ขาวสาย 2 บางนา-ปากคลองตลาด...ไม่อยากเสียค่าแท็กซี่น่ะครับ ไม่ใช่อะไรหรอก

ถึงแม้สมัยนั้นจะถนนโล่งว่างก็จริง แต่กว่าจะถึงจุดหมายก็ปาเข้าไปสี่ทุ่มแล้ว สรรพสิ่งอ้างว้างเงียบเชียบอยู่ใต้แสงดาว นานๆ จะมีรถราวิ่งผ่านไปซักคัน...ไม่ต้องหันไปหาตุ๊กตุ๊กหรอกครับ ตอนนั้นน่ะ

ตัดสินใจเดินไปตามซอยเปลี่ยว อากาศเยือกเย็นน่าใจหาย ท่ามกลางเสียงแมลงกรีดปีกระงม พอเราเข้าไปใกล้ก็เงียบหาย แต่พอคล้อยหลังก็เซ็งแซ่ขึ้นมาใหม่

...เสียงใครเดินตามหลังมา? ตอนแรกก็นึกดีใจว่าได้เพื่อนร่วมทาง แต่เมื่อหันไปมองก็ไม่เห็นใครเลยแม้แต่คนเดียว เล่นเอาขนลุกซ่าทันใด

ตัดสินใจเดินต่อ อาการมึนๆ ชักจางหาย...ไม่ช้าก็ได้ยินเสียงฝีเท้าตึ้กๆ เดินใกล้เข้ามาอีกครั้ง...เล่นเอาผมปากคอแห้งผาก กลืนน้ำลายอย่างยากเย็น ก่อนจะค่อยๆ หันไปมองเชื่องช้า แต่ก็ไม่เห็นมีใครตามมาเช่นเคย

เราคงหูแว่วไปเองละมั้ง? ผมปลอบใจตัวเองขณะหันกลับ แต่แล้วก็ชะงักกึก ผงะหน้าด้วยอารามตกใจสุดขีด เมื่อเห็นงูสีดำตัวมหึมาขนาดท่อนขากำลังเลื้อยปราดๆ ตัดหน้าไปทันใด!

นรกเป็นพยาน! นั่นมันงูนรกจกเปรตอะไรกัน ขนาดหัวมันเลื้อยข้ามซอยไปแล้ว ลำตัวมันยังขวางทางอยู่ชัดๆ จนกระทั่งเลื้อยหายไปในพงหญ้า

ยังกับพญานาคในตำนาน หรืออนาคอนด้า-งูยักษ์ในแม่น้ำอเมซอน ซึ่งได้ฉายาว่า "มฤตยูใต้น้ำ" นั่นปะไร!

ผมยืนขาสั่นพั่บๆ เหมือนเจ้าเข้า หัวใจเต้นโครมครามแทบทะลักออกมานอกอก...อยากจะได้เหล้าแรงๆ แก้วใหญ่ๆ อยากจะวิ่งหนีเตลิดเปิดเปิงให้สุดกำลัง แต่ขาทั้งสองกลับแข็งทื่อ หนักอึ้งเหมือนกลายเป็นหิน ได้แต่ก้าวเชื่องช้า...ทำท่าว่าจะล้มแผละลงไปนั่งพับเพียบเรียบร้อยอยู่ตรงนั้นเอง

เสียงอะไรแกรกกรากซู่ซ่าดังมาเข้าหู! เล่นเอาผมสะดุ้งเฮือกสุดตัว เหลียวซ้ายแลขวาละล้าละลัง...หรือว่างูนรกจกเปรตนั่นเลื้อยตามมา?!

ความคิดนี้แล่นวาบเข้าสมอง เล่นเอาผมแทบ จะร้องไห้ด้วยความหวาดกลัวสุดขีด กัดฟันแข็งใจก้าวยาวๆ ขึ้น...ความคิดสับสนวุ่นวายสารพัด ทั้งแช่งด่าตัวเองที่ติดลมจนเลยเถิดตกรถตกรากับเสียดายค่าแท็กซี่ไม่เข้าท่า...

โดยเฉพาะ นึกด่าความเปล่าเปลี่ยวของซอยลึกเหลือหลาย และทั้งอยากจะเร่งฝีเท้าให้ถึงบ้านเร็วกว่านี้

ลมหนาวกระโชกวูบเล่นเอาเย็นสะท้าน แต่ทำไมสายลมจึงฟังคล้ายเสียงใครหัวเราะครืนใหญ่ด้วยความขบขัน...โหมกระหน่ำเข้ามาทุกทิศทุกทาง เล่นเอาสติขาดผึง วิ่งตะบึงรวดเดียวจนถึงบ้าน...

ตั้งแต่นั้นมา ผมไม่กล้าเดินกลับเข้าซอยตอนดึกอีกเลยครับ!

ซอยผีดุ!

เครดิต :
เครดิต : เนื้อหาข่าว คุณภาพดี หนังสือพิมพ์ข่าวสด


ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์