วิญญาณมีจริง


วิญญาณมีจริง

ภูมิลำเนาเดิมของเพื่อนผมอยู่ที่ตำบลท่ากิเลน อำเภอเมือง จังหวัดกาญจนบุรี เมืองที่ทรงคุณค่าทางประวัติศาสตร์ และโบราณคดีอันยิ่งใหญ่ของชาติ


ในช่วงมหาวิทยาลัยหยุดภาคการศึกษา เพื่อนมักจะชวนผมไปเที่ยวบ้านและพักผ่อนท่ามกลางธรรมชาติป่าเขาลำน้ำแควน้อย หลังจากเราสอบปลายภาคเสร็จ ผมก็ไปพักผ่อนตามอิริยาบถที่บ้านของเพื่อนที่ตำบลท่ากิเลน ซึ่งทางบ้านเพื่อนก็ให้การต้อนรับขับสู้เป็นอย่างดี อย่างอบอุ่น ประดุจลูกหลานคนในครอบครัวเดียวกัน



ผมและเพื่อนนั่ง ๆ นอน ๆ ชักเบื่อ เพื่อนผมจึงหางานพิเศษให้ทำ ซึ่งงานนี้กลายเป็นรายได้เข้าพกเข้าห่อเสียด้วย

นั่นคือ ทุก ๆ คืน เราจะพายเรือลำเล็ก ๆ ไปตกกุ้งตกปลาน้ำจืด ในลำน้ำแควน้อย เมื่อได้กุ้งปลามา เราก็นำมาบริโภค และถ้าได้มาก ๆ ก็นำไปขายที่ตลาด ระยะทางการพายเรือไปตกกุ้งของเรา ไม่ไกลจากบ้านนัก ราว ๆ ครึ่งกิโลเมตรเท่านั้น

ระหว่างทางจะต้องผ่านวัดหนึ่ง ซึ่งสภาพปูชนียสถานสิ่งก่อสร้างในวัดเก่าคร่ำคร่า ชำรุดทรุดโทรมปรักหักพังเกือบหมด เห็นพระอุโบสถที่มีเสาโย้เย้ หลังคาโหว่ทะลุ และพระเจดีย์ขาวกระดำกระด่าง บางส่วนมีโครงอิฐ ยอดหักเพราะขาดการบูรณะ แต่ยังไงก็ดี วัดนี้ยังใช้ประโยชน์ มีการทำพิธีเผาศพชาวบ้านในละแวกนั้นอยู่สม่ำเสมอ เผาศพตามสภาพชนบทท้องถิ่น คือ เผากันกลางแจ้ง ไม่มีเมรุ สร้างเชิงตะกอนแล้วก็เผา



ชาวบ้านโจษจันกันว่า วัดนี้มีผีดุ ตอนเย็นหรือกลางคืนไม่ค่อยมีใครผ่านวัด อย่างเช่นขณะนี้เราทั้งสองกำลังพายเรือเอื่อย ๆ ตามลำน้ำแควน้อยมาทางหลังวัดโบราณ

ผมเองใจคอไม่อยู่กับเนื้อกับตัวเลย คืนนี้มันมีอาเพทผิดสำแดงอะไรก็ไม่รู้ โชคร้ายเป็นของพวกเราจริง ๆ เพราะตั้งแต่เย็นตลอดมาจนหัวค่ำยังตกกุ้งปลาไม่ได้สักตัว

เรือแล่นผ่านวัดมาท่ามกลางความโล่งอกของผม สักครู่เราก็วาดหัวเรือมาที่บริเวณคุ้งน้ำที่ค่อนข้างมืด น้ำนิ่งเงียบสนิทไม่มีสรรพสำเนียงใด ๆ เวลาล่วงเลยมาถึงเกือบห้าทุ่มแล้ว อากาศรอบบริเวณนั้นเริ่มจะเย็นขึ้น ลมพัดมาปะทะร่าง ทำให้เรารู้สึกเย็นเฉียบ

เฮ้ย คืนนี้มันเป็นอะไรของมันวะ ซวยฉิบ ตกกุ้งไม่ได้ซักตัว หนาวก็หนาว เลิกตกดีกว่า กลับบ้านเถอะ.รึเอ็งว่าไง เพื่อนผมเอ่ยทำลายความเงียบขึ้นมา ผมก็เห็นพ้องกับมันด้วย เพราะทนสภาพอากาศเย็นตอนดึกไม่ไหว เราจึงชักชวนกันพายเรือกลับ



ขณะที่กำลังจะผ่านหลังวัด ทันใดนั้น เพื่อนผมก็ชี้มือไปที่สถานที่แห่งหนึ่งภายในบริเวณวัด

เห็นแสงสว่าง เพราะมีแสงไฟกำลังลุกโชน จอดเรือโว๊ย ที่เห็นน่ะไฟเผาผีโว๊ย เขาเผาศพกันกลางแจ้งเมื่อเย็นนี้ ไปอิงไฟ เอามือลูบเนื้อลูบตัวให้หายหนาวดีกว่า รึเอ็งกลัวผี ก็บอกกูมา ก็จะไปคนเดียว อยู่บนนี้เดี๋ยวผีมันโผล่มาข้างเรือละมึงเอ๊ย

เอากะมันสิ คิดแล้วสะดุ้งวาบ เราคบคนผิดเสียแล้ว ผ่ามาเจอคนไม่กลัวผีซะอีก ผมเลยลุกพรวดขึ้นจากเรือ เดินดุ่ม ๆ ตามมันไปนั่งผิงไฟที่ข้างเชิงตะกอนเผาศพ ถูกของเพื่อนทุกอย่าง ภาพที่เห็นคือเชิงตะกอน ไม้ฟืนถูกไฟไหม้มอดเกือบหมดกอง มีบางส่วนของศพและเศษไม้ยังเหลืออยู่เล็กน้อย





แต่ที่ผมตะลึงตาค้างก็คือ เศษชิ้นส่วนของศพมีบางส่วนเช่น กระดูกขา แขน และอวัยวะบางส่วนอื่น ๆ ยังไหม้ไม่หมด

วางระเกะระกะ กระจัดกระจาย สีขาวหม่นบ้าง เป็นชิ้นเป็นส่วนบ้าง ไฟกำลังครุกรุ่น เปลวไฟและควันลอยขึ้นด้านบน ส่งกลิ่นเหม็นไหม้อับ ๆ จากศพลอยตลบอบอวลไปทั่วบริเวณ

เพื่อนผมคนไม่กลัวผี ไม่สนใจอะไรทั้งนั้น ทรุดตัวลงนั่งยอง ๆ ข้าง ๆ เชิงตะกอน แล้วยื่นแขนไปที่เปลวเพลิง ผิงไฟจนรู้สึกร้อนพอดิบพอดี ช่วยให้เราสองคนอบอุ่นขึ้นมาบ้าง ผมก้มหน้าก้มตาเอามือผิงไฟ ใจค่อนชื้นขึ้นตามลำดับ แต่เอ๊ะ ผมขนลุกซู่ขึ้นมาทันที ชาไปทั้งร่าง ราวถูกราดด้วยน้ำแข็ง เพราะสิ่งที่เห็นฝั่งตรงข้ามของเชิงตะกอน มีร่างของใครไม่รู้สองคน นั่งก้มหน้าทำอะไรอยู่ที่พื้น


เฮ้ย.... ใครวะ เมื่อกี้ข้าไม่เห็น มานั่งทำอะไรวะ ผมกระซิบถามเพื่อนด้วยความฉงนใจ


คนโว๊ย เอ็งนี่ ก็คนตกกุ้งเหมือนเรานี่แหละ เขาหนาวกัน ก็มานั่งผิงไฟอย่างเราน่ะสิ ไอ้ห่า เห็นเป็นผีไปเสียหมด

เพื่อนมันด่าเข้าให้ สำหรับผมได้แต่จ้องเขม็ง มองดูปฏิกิริยาของบุรุษยามวิกาลมาปรากฎกาย ชนิดไม่ให้สุ้มเสียง และสองคนนั้นไม่สนใจผมกับเพื่อนเลย ก้มหน้าเอานิ้วคุ้ยเขี่ยพื้นดินตรงนั้น มันเต็มไปด้วยก้อนถ่านฟืนไฟไหม้ไม่หมด เมื่อผมมองดูคนทั้งคู่ เห็นว่ารูปร่างสันทัดไล่เลี่ยกับเรา คนหนึ่งสวมหมวกปีกใหญ่สีดำปกคลุมหน้าผาก ใส่เสื้อแขนสั้นสีดำ กางเกงขาก๊วยสีดำเหมือนกัน

โอ๊ย ตายแล้ว ผมอุทานออกมา เพราะสองคนเอามือหยิบถ่านไฟแดง ๆ ขึ้นมากินใส่ปากเคี้ยวกร้วม ๆ กรอบ ๆ ประหนึ่งว่า จะเอร็ดอร่อยเสียจริง เขากินเร็วเสียด้วย มือทั้งสองไม่ว่างเลย มือซ้ายหยิบขึ้นมาชิ้นหนึ่ง หย่อนใส่ปาก ก็เอามือขวาหยิบกระดูกที่ไหม้ไฟขึ้นมาใส่ปากอีก



เสียงเจ้าคนทั้งคู่กัดกินถ่านไฟและกระดูกศพดังกรอบ ๆ มันเสียดแทงเข้าไปในจิตใจของผม

จนแทบคุมสติไม่อยู่ เจ้าสองคนนี้คงไม่ใช่คนแน่ ๆ ถ้าเป็นคน ใครเขาจะทำอะไรแผลง ๆ มานั่งแทะกระดูก กินถ่านไฟแดง ๆ อยู่ทำไม ปากคอมิพังหมดรึ ถ้าไม่ใช่คนมันก็เป็นผีน่ะซี คิดมาถึงตรงนี้ พาลหมดเรี่ยวแรง หย่อนก้นแปะดินทันที

ในขณะที่เพื่อนผมไม่คิดกลัวอะไรเลย เพื่อนผมคงนึกในใจพร้อมกับมีอารมณ์ขันว่า คนอะไรมานั่งกินไฟแทะกระดูก มีปากลิ้นพิเศษ กินหน้าตาเฉยเชียว พี่ชาย กินอะไรน่ะ อร่อยมั๊ย ไม่เห็นแบ่งกันกินบ้างเลย

ฉิบหายแล้ว มันปากเสีย ถามคนประหลาดที่กำลังกินไฟ คนทั้งสองเงยหน้าขึ้นมามองพวกเราทันที โอ๊ย.. คุณพระช่วย ผม และเพื่อนผู้เก่งกล้าเรื่องผีตกตะลึง เลือดในกายเย็นเฉียบ เพราะความกลัวสุดขีด เพราะใบหน้าของคนทั้งคู่ มันเป็นผีชัด ๆ

ใบหน้าแทบไม่เป็นรูปร่าง เนื้อบางส่วนตรงกระพุ้งแก้ม และส่วนหน้าผากหลุดหายไป เห็นแต่กระดูกขาวห้อยร่องแร่ง น่าเกลียดน่ากลัวที่สุด จมูกโหว่เป็นรูสองรู ไม่มีเนื้อหนัง ปากแสยะอ้าเคลื่อนไหวตลอดเวลา


ขณะกำลังกินถ่านไฟ และกระดูกคนตายในปาก มองเห็นฟันซี่โต ๆ สีดำสนิท และแลบลิ้นออกมานอกปาก ลิ้นมีสีแดงจัด ตวัดไปมา



น้ำลายไหลยืดย้อยลงมาทางมุมปาก ที่แขนกับร่างท่อนบนของมัน มีสภาพเป็นซี่โครง มีเนื้อกับเอ็นให้เห็นอยู่เล็กน้อย

นอกจากนี้ยังมีสัตว์เลื้อยคลาน เช่น หนอนตัวน้อยตัวใหญ่ กำลังคลานไต่ยั้วเยี้ยะเต็มไปหมด ส่งกลิ่นเหม็นเน่าของซากศพ เหม็นสะอิดสะเอียนชวนคลื่นเหียนอาเจียนเป็นที่สุด

โอ๊ย ผีหลอก ผีหลอกโว๊ย... ช่วยด้วย เพื่อนของผมคนไม่กลัวผีร้องออกมาสุดเสียง ด้วยความตระหนกตกใจสุดชีวิต ตัวเพื่อนผมนั่งสั่นงันงก ดวงตาเหลือกลาน เส้นผมบนศีรษะตั้งชันชนิดขวัญหนีดีฝ่อ ผมเองก็เหมือนกัน

เราสองคนเห็นเจ้าคนหนึ่ง หยิบกระดูกท่อนขาท่อนหนึ่งที่ไฟไหม้บางส่วนขึ้นมาถือ และยื่นมือออกมาใส่หน้าพวกเรา ซึ่งนั่งตัวสั่นงันงกด้วยความกลัว มือของมันยาวผิดปกติ เพราะนั่งตรงข้ามคนละฟากของเชิงตะกอนที่ห่างเกือบเมตรครึ่ง แต่นี่มือมันยาวกว่านั้น ยื่นข้ามฟากมา ทั้งแขนมีแต่กระดูก และเส้นเอ็นยุ่งเหยิงตะปุ่มตะป่ำ มีหนอนตัวเล็กตัวใหญ่ไต่ชอนไชอยู่เต็มไปหมดทั้งแขน



ผมและเพื่อนเจอผีจริง ๆ เข้าเป็นครั้งแรก ลุกพรวดขึ้นจากตรงนั้น ราวกับนัดกันไว้ พร้อม ๆ กัน

เจ้าผีทั้งสองก็ยืดตัว ร่างมันสูงใหญ่ตระหง่าน และศีรษะขนาดใหญ่ของมัน พร้อมทั้งคอขยายยาวสูงขึ้น ส่ายไปมาราวกับงู

เพื่อนผมคุมสติไม่อยู่ ร้องเอะอะเสียงดังลั่นวัด และหันหลังกลับ วิ่งออกจากเชิงตะกอนเผาผีทันที ผมเองรวบรวมสติเต็มกำลัง ออกวิ่งตามเพื่อนทันที ปากก็ร้องช่วยด้วย ผีหลอก

เพื่อนผมวิ่งชนิดไม่เหลียวหลัง แต่ร่างทั้งร่างของเพื่อนผมเซซวนไปข้างหน้า เพราะมีกระดูกท่อนแขนบางส่วน ลอยจากแรงเหวี่ยงที่ใดก็ไม่รู้ กระดูกเจ้ากรรมท่อนนั้นกระทบเข้ากับหัวไหล่ของเพื่อนผมอย่างจัง ผมจำได้ว่า เมื่อครู่ไอ้เจ้าสองคนมันหยิบกระดูกท่อนแขนนี้แหละมาจากกองไฟเชิงตะกอน ยื่นข้ามฟากมาให้เรา

ตอนนี้มันขว้างเจ้าท่อนแขนนี้มา และแม่นเสียด้วย ถูกหัวไหล่เพื่อนผมเหมาะเหม็ง เล่นเอาเพื่อนผมถึงกับหัวคะมำเพราะแรงขว้าง หรือเหวี่ยงของผีร้าย จนเสียหลักถึงกับล้มทั้งยืน ผมเองจะวิ่งต่อไปข้างหน้า แต่คุณพระช่วย ผีร้ายสองตัวมันยืนดักหน้าผมไว้

ในเสี้ยววินาทีนั้น สติสัมปชัญญะผมดับวูบลงทันที มารู้สึกตัวอีกที ก็รู้ว่าตัวเองนอนอยู่ในโรงพยาบาลในตัวจังหวัด หมอและพยาบาลรักษาเยียวยาเพื่อนผมเป็นการใหญ่ ตัวผมเองไม่เป็นอะไรมาก แต่เพื่อนผมซิ มีอาการไข้ขึ้นสูง เพ้อไข้ร้องโวยวายถึงแต่ผีปีศาจทั้งวันทั้งคืน มีเลือดไหลออกมาจากปากและจมูก จนร่างกายซูบผอมลงอย่างผิดสังเกต

หมอก็หาสาเหตุของโรคไม่พบ ได้แต่ให้น้ำเกลือนับเป็นสิบขวด อาการป่วยก็ไม่ดีขึ้นเลย จนหมอและทุกคนหมดอาลัยตายอยากแล้ว แต่ที่น่าคิดคือ ตรงบริเวณหัวไหล่ข้างหนึ่งของเพื่อนผม ซึ่งผมจำได้ว่า ถูกกระดูกท่อนแขนของศพจากเชิงตะกอนกระทบอย่างแรง โดยแรงเหวี่ยงที่มาจากผีร้ายที่พบในคืนเกิดเหตุ เนื้อหนังของเพื่อนตรงหัวไหล่ เกิดเป็นแผลพุพอง เน่าเฟะ มีหนอนเต็มไปหมด ใส่ยาอะไรก็ไม่หาย หนองและรอยเน่าขยายลุกลามใหญ่ขึ้นเรื่อย ๆ ทรมานมาก ทั้งเจ็บทั้งปวดที่สุดในชีวิตของเขา

ในที่สุด หมอก็ช่วยอะไรไม่ได้ ต่อมาไม่นาน เพื่อนผมก็จากผมไปชั่วนิรันดร์




แหล่งที่มา : หนังสือตายแล้วไปไหน




เครดิต :

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์