เด็กดอง – เรื่องเล่าเขย่าขวัญ


เด็กดอง – เรื่องเล่าเขย่าขวัญ

ช่วงที่เรียนปริญญาตรี เราเรียนคณะวิทยาศาสตร์ ซึ่งตึกที่เรียนเป็นอาคารสี่ชั้น เราเรียนอยู่ชั้นสามและชั้นสอง ซึ่งชั้นสองเป็นแผนกชีววิทยา ห้องชีวะที่นี่ก็จะเหมือนที่อื่น ๆ คือ มีอุปกรณ์ทดลอง มีโหลสัตว์ดอง เพื่อเป็นสื่อการเรียนการสอน

เวลาเราทำการทดลองวิชาชีวะ จะต้องลงมาทำที่ชั้นสอง ช่วงขึ้นปีสามเราเรียนหนักมากและการทดลองแต่ละตัวต้องทำจนดึกจนดื่น บางทีก็ทำงานกลุ่ม บางทีก็ทำงานเดี่ยว ถ้าใครทำงานช้าก็ต้องอยู่ดึกเพื่อทำงานให้เสร็จ ถ้าดีหน่อย ใครมีแฟนเรียนที่เดียวกันก็จะมีคนอยู่ช่วยทำงาน

วันนั้นเรากับนกต้องอยู่รอผลการวิเคราะห์น้ำ เราทำงานกันในห้องเรียนชีวะ ตอนนั้นประมาณสองทุ่มแล้ว ผลจะออกก็ประมาณสามทุ่มครึ่ง นกหิวข้าวจึงขอลงไปที่มินิมาร์ทข้างล่าง สงสัยจะหิวมากเห็นรีบวิ่งลงไปอย่างไว ส่วนเราก็นั่งเขียนการบ้านรออยู่ในห้องและต้องเฝ้างานด้วย

ลักษณะของห้องจะมีตู้สื่อการสอนและอุปกรณ์ต่าง ๆ อยู่รอบ ๆ ห้อง ส่วนตรงกลางเป็นโต๊ะแล็บยาวรอบห้อง เรานั่งทำงานที่โต๊ะแล็บและหันหลังให้ตู้เก็บสื่อการสอน ซึ่งตอนนั้นเราไม่ได้มองว่าในตู้มีอะไรอยู่

นั่งทำงานเพลิน ๆ ก็มีความรู้สึกเหมือนมีใครอยู่ข้างหลัง เราก็ไม่ได้สนใจ นั่งทำงานต่อ สักพักก็ได้ยินเสียงเหมือนเด็กหัวเราะอยู่ข้างหลัง ตอนแรกก็คิดว่าหูแว่ว ไอ้นกก็ไม่ขึ้นมาสักที เรานั่งต่อไปเรื่อย ๆ จู่ ๆ ไฟในห้องก็ดับพรึ่บ ยกเว้นตู้อบที่เราทำการทดลอง เรากำลังจะเดินออกไปดูว่าข้างนอกไฟดับหรือเปล่า

พอเดินมาถึงประตู เราเห็นเด็กผู้ชายคนหนึ่งวิ่งเล่นอยู่หน้าระเบียง เด็กคนนั้นหน้าตาน่ารัก แต่แปลกที่เค้าไม่ใส่เสื้อ ใส่แต่กางเกงตัวเดียว เราสังเกตเห็นที่ข้อเท้าขวาของน้องเค้าสวมกำไลเล็ก ๆ อยู่ แต่ไม่รู้ว่าใช่ทองหรือเปล่าเพราะมันมืด

ตอนนั้นก็เกือบสามทุ่มแล้ว เด็กที่ไหนจะมาวิ่งเล่นแถวนี้ เราจึงเดินไปหา เด็กคนนั้นหันมาชวนให้เราเล่นด้วย บอกว่าเห็นพี่นั่งอยู่คนเดียว หนูเหงาอยากให้เล่นเป็นเพื่อน เราบอกเค้าว่าเรากำลังทำงานอยู่ ต้องคอยดูงานแล้วไฟก็ดับด้วย ไม่รู้ว่างานพี่เสียหรือเปล่า เค้าบอกเราว่างานพี่ไม่เป็นไรหรอก เดี๋ยวหนูช่วยเอง

ตอนนั้นเรามีความรู้สึกงง ๆ เบลอ ๆ ยังไงบอกไม่ถูก แต่เราก็นั่งเล่นกันอยู่ที่หน้าระเบียง น้องเค้าบอกเราว่าเค้าเหงา ไม่มีเพื่อนเล่นและคิดถึงแม่ด้วย ตอนนั้นเราก็แปลกใจอยากจะถามว่าเค้าเป็นลูกใครและมาทำอะไรที่นี่ แต่ก็ไม่ได้ถาม เค้าบอกว่าพี่มาเล่นด้วยเค้าสนุกและมีความสุขมาก

เรานั่งเล่านิทานให้เค้าฟังไปหลายเรื่อง จนน้องเค้าหลับไปบนตักของเรา เราก็กำลังจะเคลิ้ม ๆ จะหลับเหมือนกัน แต่ก็ต้องตื่นเพราะเจ้านกมาโวยวายว่าให้เฝ้างานนิดเดียวดันหลับซะได้ ไม่รู้งานจะเสียหรือเปล่า นั่งหลับไปนานหรือยังเนี่ย ถ้าผลแล็บเสียหายนะ จะด่าให้

เราตื่นขึ้นมาก็งง ๆ ถามนกว่าเด็กคนนั้นไปไหนแล้ว นกก็งงว่าเด็กที่ไหน เรายืนยันกับนกว่ามีเด็กมาเล่นกับเราจริง ๆ เมื่อกี้ยังนอนหนุนตักเราอยู่เลย นกบอกว่าเราบ้าไปแล้ว ใครจะมานอนหนุนตักเราได้ เพราะเรานั่งอยู่บนเก้าอี้ตัวเดียว ไม่มีใครทั้งนั้นแหละ

นกจึงเดินไปดูผลแล็บ และเก็บอุปกรณ์เพราะเกือบจะสี่ทุ่มแล้ว อยากกลับบ้านเต็มที เรามานั่งนึกดูดี ๆ ตอนแรกเรานั่งอยู่กับเด็กคนนั้นที่หน้าระเบียงนี่นา แล้วเรามาอยู่ในห้องได้ยังไง ตกลงเราฝันหรืออะไรกันแน่

พอดีนกเก็บของเรียบร้อยแล้วจึงเดินมาหาเรา เราก็ยังพูดเรื่องเด็กคนนั้นอยู่เพราะเราสงสัยมาก นกคงรำคาญจึงแกล้งพูดว่า สงสัยเป็นเด็กที่อยู่ในขวดโหลข้างหลังแกมั้ง พอนกพูดแบบนั้นเราจึงหันไปมองในตู้สื่อการสอน

ตอนนั้นเรารู้สึกอยากจะเป็นลม ไม่อยากรับรู้อะไรเลย มันเย็นวูบไปทั้งตัว ในนั้นมีเด็กดองในขวดโหล เป็นเด็กผู้ชายที่มีอวัยวะครบถ้วน แถมที่ข้อเท้าขวายังใส่กำไลเล็ก ๆ เหมือนน้องคนนั้นที่มาเล่นกับเราเลย และข้าง ๆ ขวดโหลมีพวงมาลัยเล็ก ๆ วางอยู่ด้วย ขวดโหลนี้เราไม่เคยเห็นเลย มันมาวางตั้งแต่เมื่อไหร่ เพราะส่วนใหญ่มีแต่ขวดโหลสัตว์ชนิดต่าง ๆ

ตอนนั้นเราพอจะเดาออกแล้วว่าเรื่องที่เราเจอมันคืออะไร เราพยายามตั้งสติ (เพราะเป็นนักวิทยาศาสตร์ ต้องเชื่อเรื่องที่พิสูจน์ได้เท่านั้น) เราชวนนกกลับบ้าน เราพยายามอย่างมากที่จะเดินให้ปกติที่สุด แต่ในใจเราอยากจะวิ่งให้ป่าราบไปเลย

พอถึงบ้าน เราเล่าเรื่องทุกอย่างให้นกฟัง นกไม่มีท่าทีสงสัยเลย นกบอกว่าเค้าเจอกันมาเยอะแล้วแต่ไม่ได้เล่าให้เราฟัง ไอ้ที่ลงไปซื้อของน่ะ นกโกหกเรา นกแค่ลงไปตั้งสติ เพราะตอนที่เรานั่งหันหลังทำการบ้านอยู่ นกเห็นเด็กที่อยู่ในขวดโหลขยับตัวและโบกไม้โบกมือให้นก นกเลยรีบลงไปตั้งสตินั่งอยู่ข้างล่างกับลุงยาม กว่าจะทำใจได้ กะว่าจะมาตอนผลแล็บออกพอดี มิน่าล่ะ พอนกกลับขึ้นมาก็รีบเก็บของใหญ่เลย

วันหลัง เราได้รู้มาว่าร่างน้องคนนี้เป็นลูกของอาจารย์ในมหาลัยนี้แหละ แต่พอดีคลอดก่อนกำหนดทำให้เสียชีวิต พ่อแม่เค้ายังทำใจไม่ได้จึงมอบร่างให้คณะวิทย์เพื่อทำการดองไว้ เวลาพ่อแม่คิดถึงจะได้มาเยี่ยมได้ เฮ้อ...ก็ยังดีนะ ที่เราเจอแค่ในฝันและมาแบบดี ๆ ถ้าเราเจอแบบอื่นสงสัยคงช็อกไปแล้ว แต่ที่เจ็บใจก็เจ้าเพื่อนตัวดีนี่แหละ ฮึ่ม!



เครดิตแหล่งข้อมูล :
klangsayong


เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์