วิญญาณสวนรถไฟ


วิญญาณสวนรถไฟ

แม่คนหนึ่ง" เล่าประสบการณ์ขนหัวลุกจากเสียงโทรศัพท์


เรื่องที่ดิฉันจะเล่าต่อไปนี้ เพิ่งเกิดขึ้นเมื่อสักครู่เองค่ะ ดิฉันได้พบกับตัวเองแล้ว ขนลุก ก็เลยรีบเขียนมา เพราะคิดว่าจะเป็นประโยชน์กับผู้อ่านท่านอื่นด้วย


ลูกชายของดิฉันเพิ่งจะโทรศัพท์เข้ามาบอกว่า กำลังอยู่กับเพื่อนในสวนรถไฟข้างๆ ตลาดสวนจตุจักรไงคะ เขาบอกว่า...ไม่ต้องห่วงนะแม่ ประเดี๋ยวจะกลับแล้วละ!




แล้วยังคุยอีกนะคะว่าบรรยากาศสวย


อากาศเย็นสบาย อยากให้แม่ไปเดินเล่นด้วย ดิฉันนึกเป็นห่วงก็บอกให้ลูกกลับเร็วๆ เขาเพิ่งอายุ 17 เท่านั้นค่ะ ขอไปเที่ยวตั้งแต่เช้าแล้วละ

ขณะพูดโทรศัพท์เขาถามว่า...เอ๊ะ! แม่เป็นอะไร ทำไมเสียงเศร้าจัง?




ดิฉันไม่ได้เศร้าสักหน่อย


ก็พูดตามปกตินี่นา แต่ก็บอกเขาว่าคงกำลังเป็นหวัดมั้ง? ลูกก็ยังย้ำว่าเสียงแม่เศร้ามาก ต้องมีอะไรแน่ๆ เลย! ดิฉันปฏิเสธอีกครั้ง และบอกให้เขารีบกลับมาเร็วๆ ดีกว่า กลางค่ำกลางคืนแบบนี้ เดี๋ยวนี้โจรผู้ร้ายน่ากลัวออกจะตายไป...ปล้นกระทั่งโทรศัพท์มือถือและเงินไม่กี่ร้อยบาท

อย่าเอาตัวเข้าไปเสี่ยงเป็นดีที่สุด!

พระพุทธเจ้าท่านยังสอนว่า อย่าคบคนไม่ควรคบ! อย่าไปยังที่ที่ไม่ควรไป!





ทำตามคำสอนของท่านแค่ 2 ข้อนี้ก็รับรองว่าพ้นภยันตรายแน่


แต่ตอนนี้ลูกดิฉันกำลังอยู่ในสถานที่ที่ไม่ควรอยู่ในยามวิกาล จริงไหมคะ?

พอเตือนลูกเสร็จก็วางหู ถอยจากโทรศัพท์มานั่งดูถ่ายทอดสดรายการ อะคาเดมี แฟนเทเชียต่อ ทั้งที่ในใจยังกังวล




เพียง 2-3 นาทีเท่านั้นก็มีกริ่งโทรศัพท์เรียกมาอีกแล้ว อะไรอีกล่ะ?


ดิฉันรับสาย ได้ยินเสียงขลุกๆ ขลักๆ พิกล คล้ายทางปลายสายมีคนถืออยู่แต่ไม่ยอมพูด ปกติดิฉันจะวางลงทันทีด้วยความรำคาญ แต่คราวนี้ดูมันแปลกๆ ดิฉันถือหูฟังอยู่อึดใจ ก็ได้ยินเสียงลูกชายคุยกับเพื่อน...เสียงคุยนั้นดังไกล ห่างจากหูโทรศัพท์ของคนพูดทางโน้น ลักษณะคล้ายกับเขาวางหูไม่สนิท...




เดาว่าคงเอามือถือใส่กระเป๋าเสื้อหรือกางเกง แล้วเดินคุยกับคนข้างๆ


สิ่งที่น่าแปลกก็คือ หนึ่ง เมื่อกี้ตอนวางสาย เขาวางก่อนดิฉันนะคะ สัญญาณก็ตัดไปเรียบร้อยแล้ว สอง ถ้าเป็นการวางสายไม่สนิท มันจะมีเสียงเรียกมาทางนี้ได้อย่างไรล่ะคะ จริงมั้ย?




ดิฉันกดหูโทรศัพท์แนบชิดเข้าเพื่อฟังให้ชัดๆ


ไม่ใช่จะจับผิดอะไรหรอก แต่ความเป็นแม่ทำให้เรารู้สึกว่า ดีเหมือนกันที่ลูกอาจจะไปโดนปุ่มโทร.ออก ทำให้เรารู้ความเป็นไปของลูกทางโน้น

เสียงที่พวกเขาคุยกันนั้นเราฟังไม่ถนัดว่าเป็นเรื่องอะไร คล้ายๆ กับลูกกำลังเล่าเรื่องบางอย่างให้เพื่อนฟัง มีคำว่า "ช่วยด้วย!" และคำว่า "ในรถแท็กซี่!"




สองคำนี้กระทบความรู้สึกดิฉันมาก


จากนั้นจู่ๆ เสียงพูดคุยก็เงียบ กลายเป็นเสียงขลุกขลักและซ่าๆ ดิฉันวางหู นิ่งอยู่อึดใจ...และแล้วด้วยความเป็นห่วงกังวล ดิฉันต่อสายเข้ามือถือลูกทันที เขารับสาย พูดหัวเราะๆ ว่าจะกลับเดี๋ยวนี้ละ...มีอะไรเหรอแม่?

ดิฉันเล่าให้ลูกฟังว่าเมื่อกี้มีอะไรเกิดขึ้น ลูกคงวางสายไม่สนิท แม่ได้ยินลูกพูดกับเพื่อน! ลูกชายก็ทวนคำให้เพื่อนฟัง




เพื่อนเขารีบฉวยโอกาสมาพูดกับดิฉันทันทีด้วยน้ำเสียงตื่นกลัวว่า


เหตุการณ์ทำนองนี้เกิดขึ้นแล้วครั้งหนึ่งเมื่อสองสัปดาห์ก่อน เขากำลังเดินอยู่ในสวนรถไฟบริเวณนี้แหละ แล้วเขาโทร.หาพ่อ พอวางสายได้อึดใจเดียวพ่อก็โทร.กลับมาหา บอกว่าวางสายไม่สนิท ได้ยินเขาพูดกับเพื่อนชัดเจน มีคำว่า

"ช่วยด้วย!" และ "ในรถแท็กซี่!"




เพื่อนลูกพูดแบบนี้ทำเอาดิฉันอึ้งเลยค่ะ


ยังไม่ทันเล่าสักหน่อยว่าได้ยินอะไรเขาก็เล่าขึ้นมาก่อน...เป็นคำพูดที่ตรงกันอย่างน่าขนลุก

เป็นอันว่าตัดประเด็นเรื่องเผลอไปกดปุ่มต่อสายได้เลย!




ดิฉันเอะใจแล้วถามว่า ลูกอยู่กันกี่คน?


เขาบอกว่าแค่สองคน ดิฉันพูดทันที "ออกมาจากที่นั่นเดี๋ยวนี้!" ไม่กล้าบอกค่ะว่าตอนที่เขาโทร.มาครั้งแรกน่ะ ดิฉันได้ยินเสียงคนสามคน คือลูกชายดิฉัน เพื่อนลูก และใครก็ไม่รู้อีกคนหนึ่ง

ขณะคุยกับลูกอยู่นี้ เสียงคนที่สามยังพึมพำอยู่ใกล้ๆ นั่นเอง เสียงห้าวๆ ฟังเป็นผู้ใหญ่กว่ามาก




ตลอดทางจากตรงนั้นถือป้ายรถเมล์


ดิฉันไม่ให้ลูกวางสาย ยังคุยต่อมา เรื่อยๆ น่าแปลกไหมล่ะคะที่พอลูกถึงป้ายรถเมล์ เสียงผู้ชายที่พูดพึมพำห้าวๆ ก็หายไปทันที!

อีกราว 45 นาทีต่อจากนั้น ลูกก็กลับถึงบ้านโดยปลอดภัย...ภูเขาที่ทับอก ดิฉันอยู่ก็ถูกยกออกทันใด

เมื่อเล่าให้ลูกฟังเรื่องเสียงคนที่สาม ลูกยืนยันว่าไม่มีใครเลยจริงๆ




หลายปีก่อนโน้น ตอนที่มีการสร้างสวนจตุจักรใหม่ๆ


ดิฉันทราบข่าวจากเพื่อนๆ ว่า ขณะขุดปรับที่ปรับทาง มักจะเจอกระดูกมนุษย์ฝังไว้หลายศพ คล้ายว่ามีการฆ่ากันแล้วเอาศพมาหมกที่นี่ เพราะบางทีกะโหลกก็แตก บางศพกระดูกหัก มีร่องรอยถูกทำร้ายหรือทารุณกรรมยับเยินจนตาย

แม้หลังจากนั้น บริเวณนี้ก็ยังมีคดีอาชญากรรมเกิดขึ้นเสมอ!





ใจของดิฉันไม่นึกกลัวหรอกค่ะ


ใครก็ตามที่ทำให้เกิดปรากฏการณ์ประหลาดนี้ ดิฉันถือว่าเขาช่วยคุ้มครองและช่วยเตือนด้วยซ้ำ คล้ายกับว่าไม่อยากให้เด็กๆ เข้าไปอยู่ในที่นั้นอีก

ตอนกลางวันน่ะน่าเที่ยว น่าเดินเล่น หรือขี่จักรยานมาก แต่พอค่ำมืดก็ควรออกจากที่นั่นดีกว่านะคะ ถ้าไม่ห่วงตัวเองก็ขอให้ห่วงใจพ่อแม่ผู้รอคอยด้วยเถอะค่ะ!




แหล่งที่มา: บอร์ดรวมเรื่องผี




เครดิต :

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์