กรรมของการคุยกับวิญญาณเล่นและมั่ว

บ้านผมอยู่กาฬสินธุ์ เคยได้ยินเพื่อนป้าพูดเล่าลือกันว่า ไปวัดไม่ว่ากลางวันหรือกลางคืน ถ้าเข้าไปในวัดแล้วจะมีธาตุบรรจุอัฐิของผู้ที่เสียชีวิตตั้งล้อมรอบหลังกำแพงวัด

ทุกวัดก็จะมีต้นโพธิ์ประจำอยู่ เคยมีคนลองไปสัมผัสวิญญาณมาแล้วแถววัดบ้านผม พระสงฆ์ก็เคยเล่าว่าพูดกับวิญญาณนั้นเป็นสิ่งที่งมงาย รู้ไม่เข้าเรื่อง ไม่รู้จริง ไหนๆก็มาถึงวัดควรทำสิ่งที่ดีๆให้กับตัวเองและสังคมบ้าง แต่บางคนก็ไม่เชื่อ บางคนก็บอกว่าวิญญาณก็ทำได้ สะเดาะเคราะห์ได้ แก้กรรมได้ ซึ่งเรื่องเหล่านี้รับรอง ไม่มีทางเป็นไปได้เลยที่จะแก้และกำจัดได้

แต่อยู่มาวันหนึ่งที่เพื่อนป้าเล่าให้ฟัง สยองและอาถรรพ์ เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นตอนกลางคืนประมาณ ๕ ทุ่ม

พอดีเป็นงานบุญของวัด มีผู้ชายเมาเดินไปที่หลังวัด พูดตะโกนโหวกเหวกโวยวายตั้งแต่หน้าวัด เพราะน้อยใจแฟนที่หนีออกจากบ้านไปไปมีคนใหม่ตั้งแต่เดือนที่แล้ว เลยกินเหล้าจนเมาและร้องไห้ ผู้ชายคนนี้ชอบเล่นของ ไปที่วัดประจำหลังจากที่แฟนเขาหนีไป คนที่อยู่ในงานบุญก็รำคาญและไม่ชอบผู้ชายคนนั้น เลยไล่เขาออกไป เด็กวัดที่กำลังล้างจานอยู่หลังวัดเห็น เขาเดินไปที่ธาตุๆหนึ่งซึ่งเป็นธาตุที่ไม่ใช่ญาติของเขา จึงทำพิธีทั้งๆเขาเมา แต่ยังมีสติ

พอที่จะหยิบธูปเทียนจากกระเป๋าย่ามของเขาที่ติดตัวมา มาจุดหน้าธาตุ เด็กวัดก็บอกว่า "เฮ้ย!...มาทำอะไรตรงนี้ ไม่ใช่ธาตุญาติมึง ของญาติมึงอยู่ฝั่งหน้าวัดนู้น" ผู้ชายคนนั้นก็ตอบกลับว่า "ของใครก็ของกูนี่แหละ กูจะคุยกับเพื่อนกู มึงไม่ต้องมายุ่ง กูต้องการเพื่อน แฟนกูทิ้ง ไม่มีใครคุยกับกูเลย" และร้องไห้โฮขึ้นมา เด็กวัดก็รู้สึกรำคาญ เมื่อได้ยินคำตอบของชายคนนี้ ซึ่งเขาพูดกับเด็กวัดแบบนี้ทุกครั้งเมื่อถามเขาไปเกือบเป็นเดือน จนขี้เกียจถาม แต่เป็นงานบุญ เพียงแค่ต้องการสงบสติอารมณ์ของชายคนนี้ แต่เขาไม่ฟัง เขาก็เลยเริ่มพิธีของเขาแบบไม่สนใจใคร เขาก็คิดว่าคนในงานบุญก็ไม่สนใจเขาอยู่แล้ว คุยกับเพื่อนเราดีกว่า ก็คุยกับธาตุที่อยู่หน้าเขา คุยเหมือนเพื่อน หยอกล้อเสียดสีกัน ทั้งๆ ตรงที่อยู่หน้าเขาไม่ใช่คนแต่เป็นธาตุเก็บกระดูกคนตาย และไม่ใช่ญาติของเขา คุยนานเกือบชั่วโมงและคุยกับธาตุหลายๆองค์ จนหายเมา

ต่อมาประมาณเกือบเที่ยงคืนกว่าๆ งานบุญเลิก คนกลับบ้านหมดแล้ว เด็กวัดก็กลับเข้าไปหลังวัด ก็ไปเจอเขาในอาการที่ร้องไห้และหัวเราะสลับกันไป

ถอดเสื้อผ้าเหลือแต่กางเกงใน ยืนเต้น และวิ่งไปปีนต้นมะพร้าวสูงเท่าตึก ๓ ชั้น ปีนถึงยอดแล้วเขย่าอย่างแรง พระและเด็กวัดก็ตกตะลึงว่าผู้ชายคนนี้โดยผีเข้าสิงอยู่ ออกอาการหลายๆ กิริยา จนแทบไม่เชื่อเลยว่าเป็นคน เกลี้ยกล่อมเขาอย่างไรก็ไม่ฟังสุดท้ายเขาก็กระโดดไปจับยอดมะพร้าวอีกต้นหนึ่ง ไม่ตกลงมา และเขย่าจนสุดแรงแบบไม่เหนื่อยเขย่าอย่างนี้เกือบครึ่งชั่วโมง ลูกมะพร้าวก็หล่นหลายลูก

จากนั้นเขาก็ลงจากยอดต้นมะพร้าวและวิ่งเอามีดพร้าที่อยู่หน้าห้องสุขามากรีดแขนขาหัวเล่น และร้องโวยวายลั่นวัด เลือดอาบทั่วร่างเขา แต่เขาไม่เป็นอะไร เพราะวิญญาณเข้าสิงอยู่ พละกำลังของชายคนนี้มีมากถึงขั้นยกโอ่งมังกรมาทิ้งเล่น พระสงฆ์เห็นสภาพอย่างนี้ก็ทนอยู่ต่อไม่ได้จึงระดมเด็กวัดและชาวบ้านใกล้เคียงมาคุมเขา เกือบชั่วโมงและทำพิธีไล่วิญญาณออกจากตัวเขา และรีบส่งโรงพยาบาล เกือบจะไม่รอด ถ้าช้ากว่า ๕ นาที เขาตายทันที เพราะเสียเลือดมาก

ตั้งแต่นั้นมาอาการก็ดีขึ้น เขาเสียสติตั้งแต่นั้นไป ไม่มีญาติของเขามาดูเขาเลย เพราะไปทำงานที่กรุงเทพฯไม่ได้ติดต่อกับเขานานเกือบ ๗ ปี เพราะทนพฤติกรรมที่ชอบเล่นของ แปลก พูดคนเดียวไม่รู้พูดกับใครจนไม่ชอบและเกลียด เขาเสียสติตั้งแต่นั้นไป บ้านของเขาที่พักกับแฟนจึงปล่อยให้เป็นบ้านร้างและรื้อออกเป็นเวลาต่อมา แต่ที่ยังอาถรรพ์ยิ่งกว่า ในบ้านเขามีเจ้าที่ที่เขาเล่นของ มีวิญญาณหลายดวงวนเวียนเร่ร่อนอยู่แถวนั้น ซึ่งทุกๆเที่ยงคืนจะมีเสียงเหมือนคล้ายเสียงสวดคาถาภาษาอะไรไม่รู้จนถึงตีสี่ และเงียบหายไป

บางทีก็เห็นเข้ากับตาจังๆ ใกล้จะมืด และรู้สึกหลอนในตอนกลางคืน จนกระทั่งชาวบ้านนิมนต์พระมาสวดเพื่อปัดเป่าให้วิญญาณและสิ่งชั่วร้ายหายไป ชาวบ้านที่อยู่ระแวกนั้นก็แปลกใจและดีใจที่ไม่มีใครมาทำให้พวกเขารำคาญ และทำมาหากินโดยปกติ โดยไม่มีใครคิดถึงและต้องลืมเรื่องชายที่ชอบเล่นของอีกเลย มันจะเป็นกรรมติดตัวจนถึงวันที่ไม่มีอากาศหายใจ และต้องชดใช้ต่อไปเป็นอนันต์

โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน

กรรมของการคุยกับวิญญาณเล่นและมั่ว


กรรมของการคุยกับวิญญาณเล่นและมั่ว

เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์