ก่อนวันสารท

รุ่งศักดิ์ สุทธิกุลธร เล่าประสบการณ์ขนหัวลุกเมื่อพบเปรตวัดตะพาน

วันนี้ข้าพเจ้ามีเรื่องขนหัวลุกมาเล่าให้ฟัง ซึ่งเรื่องต่อไปนี้เป็นสิ่งที่ข้าพเจ้าได้ประสบมากับตัวเองจริงๆ ไม่ใช่ได้รับฟังมาจากผู้อื่นอีกต่อหนึ่ง

เชื่อว่าหลายๆ ท่านคงจะเคยได้ยินเรื่องปอบวัดตะพาน แต่ข้าพเจ้ากลับได้พบกับเปรตวัดตะพาน ดังเรื่องต่อไปนี้

สารทไทยปี 2508 ข้าพเจ้ายังเป็นสามเณร ได้พักจำพรรษา ณ วัดทัศนารุณสุนทริการาม หรือเป็นที่รู้จักกันในชื่อเดิมคือ วัดตะพาน ดินแดง ในกรุงเทพ มหานครนี่เอง!

คืนนั้นประมาณตี 1 ข้าพเจ้าตกใจตื่นขึ้นมาเพราะได้ยินเสียงแปลกประหลาด พยายามเงี่ยหูฟังจนได้ยินชัดขึ้น มันดังมาจากทางหน้าวัดคล้ายๆ เสียงจิ้งหรีด ซึ่งเกิดมาข้าพเจ้ายังไม่เคยได้ยินเสียงเช่นนี้มาก่อนเลย

มันเป็นเสียงอะไรกันแน่?

เสียงนั้นใกล้เข้ามา...ใกล้เข้ามาทุกทีแล้ว และดังขึ้น...ดังขึ้นจนสะท้านเข้าไปในแก้วหูและหัวอกหัวใจที่เต้นโครมคราม

ถ้าเป็นเสียงจิ้งหรีดจริงๆ มันจะต้องเป็นเสียงจิ้งหรีดยักษ์อย่างแน่นอน!

ทันใดนั้นเอง สุนัขในวัดก็พากันเห่าขรม บ้างก็โก่งคอหอนเสียงโหยหวน ดังก้องกังวานไปทั่ววัด ยิ่งชวนให้ขนลุกขนพองขึ้นไปอีก เพราะอดคิดถึงเรื่องภูตผีปีศาจไม่ได้

ครั้นแล้วก็ได้เห็นร่างอมนุษย์ตนนั้น...

ที่หน้าโรงเรียนปริยัติธรรมนั่นเอง แสงเหลืองรัวจากดวงจันทร์ข้างแรมส่องให้เห็นร่างของเปรตผอมโซ สูงเทียมเมรุเห็นจะได้ สังเกตว่านุ่งกางเกงขาสั้น สวมเสื้อกั๊กสีดำ...เสียงกรีดร้องของมันยิ่งดังขึ้นเท่าไร ร่างของอสุรกายน่าสยองของมันก็ยิ่งสูงลิบลิ่วขึ้นเท่านั้น!

ข้าพเจ้ายอมรับว่าเหงื่อแตกพลั่ก มือไม้สั่น คว้าจีวรมาห่มมาครองอย่างทุลักทุเลเพราะความรีบร้อนกับความหวาดกลัวระคนกัน

เมื่อครองจีวรเรียบร้อยแล้วจึงได้สำรวมจิตใจให้สงบนิ่ง พลางเจริญพระพุทธคุณของพระรัตนตรัย ก่อนจะกรวดน้ำบทสั้นๆ ความว่า

'อิทัง เม ญาตีนัง โหนตุ สุขิตา โหนตุ ญาตะโย'

แล้วกล่าวเป็นภาษาไทยว่า

'ข้าพเจ้าขออุทิศบุญกุศลนี้ให้แก่เจ้าของเสียงตนนั้น ขอให้ได้รับส่วนบุญส่วนกุศลของข้าพเจ้าด้วยเทอญ'

เมื่อสิ้นสุดคำอุทิศ ทั้งเสียงเปรตและเสียงสุนัขที่เห่าหอนดังระงมโหยหวนอยู่นั้น กลับเงียบสนิทราวกับปลิดทิ้ง บรรยากาศกลางดึกกลับสงบสงัด เยือกเย็นตามเดิม ราวกับไม่เคยมีอะไรเกิดขึ้นมาก่อนเลย

ข้าพเจ้าก็จำวัด (นอน) หลับสบายทั้งคืน!

ครั้นตื่นขึ้นมาอีกครั้ง ได้ยินเสียงระฆังดังตอนตี 4 ครึ่ง เพื่อให้พระภิกษุสามเณรได้ตื่นขึ้นมาทำกิจวัตร

รุ่งเช้า หลังจากเสร็จภัตกิจแล้ว 3 โมงเช้าก็เข้าศึกษาธรรม ณ โรงเรียนพระปริยัติธรรมตามปกติ ข้าพเจ้ายังฝังใจเรื่องเมื่อคืนไม่หาย จึงได้สอบถามหลวงลุง หลวงอา หลวงน้า และหลวงพี่ทั้งหลาย ตลอดจนเพื่อนสามเณรด้วยกันว่า...เมื่อคืนนี้ตอนดึกเงียบสงัด ได้ยินเสียงสุนัขเห่าหอนบ้างไหม?

ทุกท่านต่างส่ายศีรษะ (ถ้าถามว่าเมื่อคืนได้ยินเสียงเปรตหรือเปล่า? ท่านเหล่านั้นคงคิดว่าข้าพ เจ้าเพี้ยนแน่นอน)

เปรตจะมาหาญาติเพื่อขอส่วนบุญกุศล คนอื่นจะไม่ได้ยินแม้อยู่กุฏิเดียวกัน!

บิดาของข้าพเจ้าเล่าว่า ก่อนวันสารทไทย 1 สัปดาห์ ยมทูตจะปล่อยเปรตเพื่อไปขอส่วนบุญญาติ ถ้าญาติไม่ทำบุญอุทิศให้ เขาจะสาปแช่งให้ต้องทะเลาะเบาะแว้งกัน จนเกิดความเดือดร้อนไม่สิ้นสุด

ส่วนผู้ที่ทำบุญให้เปรต ซึ่งเป็นญาติมิตรของเรา (แม้จะเป็นผู้อื่นก็ตาม) เขาก็จะซาบซึ้งและอวยพรให้อยู่เย็นเป็นสุข คงเป็นเพราะบุญกุศลที่เกิดจากจิตเมตตาช่วยดลบันดาลให้เราด้วย

ทุกวันนี้ แม้ว่าเหตุการณ์แปลกประหลาดที่เล่ามานั้น จะผ่านไปเนิ่นนานมากแล้วก็ตาม แต่ข้าพเจ้าก็ยังจดจำได้อย่างแม่นยำไม่รู้ลืมเลือน

ก่อนเข้านอนทุกคืน ครอบครัวของข้าพเจ้าจะต้องไหว้พระสวดมนต์ แผ่เมตตาให้แก่เพื่อนร่วมโลกทั้งหลาย ผู้ร่วมเกิด แก่ เจ็บ ตาย และทำบุญกรวดน้ำ อุทิศส่วนกุศลให้ญาติมิตรผู้ล่วงลับไปแล้วอยู่เสมอ

ขอให้เป็นสุข...เป็นสุขเถิด อย่าได้เบียดเบียนและมีบาปเวรซึ่งกันและกันเลย!

ก่อนวันสารท

เครดิต :
เครดิต : เนื้อหาข่าว คุณภาพดี หนังสือพิมพ์ข่าวสด


ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์