ควายธนู

"แพรทอง" เล่าประสบการณ์ขนหัวลุกจากอิทธิฤทธิ์ของควายธนูเมืองกำแพงฯ

เมื่อเอ่ยถึงเครื่องรางของขลังชนิดหนึ่ง ที่คนไทยเราเชื่อถือกันมาตั้งสมัยโบราณ นั่นคือ "ควายธนู" เชื่อว่าบางท่านคงจะเคยได้ยินเรื่องนี้มาก่อน แต่อีกหลายๆ ท่านอาจจะงุนงง ไม่ทราบว่าเป็นอะไรกัน?

ถ้ากล่าวรวมๆ ถึงเครื่องรางแล้ว ควายธนูถือเป็นของขลังชนิดหนึ่ง พอๆ กับหุ่นพยนต์หรือกุมารทองนั่นแหละค่ะ ประโยชน์คือใช้ป้องกันตัวเองและครอบครัว หรือไม่ก็ใช้ทำร้ายศัตรู ส่วนจะมากน้อยเพียงไรก็ขึ้นอยู่กับความต้องการของเรา

สมัยเด็กดิฉันอยู่จังหวัดกำแพงเพชร หรือ "เมืองชากังราว"

เป็นบ้านเมืองเก่าแก่มากๆ รุ่งเรืองมาตั้งแต่สมัยทวารวดี เป็นที่ตั้งของเมืองโบราณหลายเมือง เช่น ชากังราว, นครชุม, ไตรตรึงษ์และเมืองเทพนคร เป็นต้น

กำแพงเพชรเป็นเมืองหน้าด่านของสุโขทัย เดิมชื่อชากังราว มีฐานะเป็นเมืองลูกหลวง เป็นเมืองที่ต้องรับศึกสงครามในอดีต ปรากฏหลักฐานอยู่ทั้งกำแพงคูเมือง, ป้อมปราการและวัดโบราณ เป็นเสน่ห์ดึงดูดใจให้นักท่องเที่ยวทั้งไทยและเทศไปเยี่ยมชมเป็นประจำ

สมเด็จกรมพระยาดำรงราชานุภาพได้ทรงบันทึกเรื่องเมืองกำแพงฯ ไว้ว่า

"เป็นกำแพงเมืองที่เก่าแก่มั่นคง และยังมีความสมบูรณ์มาก และเชื่อว่าสวยงามที่สุดในประเทศไทย"

พวกเราชาวกำแพงฯ ล้วนมีความภูมิใจมากค่ะ เมื่อองค์การศึกษาวิทยาศาสตร์และวัฒนธรรมสหประชา ชาติ (UNESCO) ให้ขึ้นทะเบียนไว้ในบัญชีมรดกโลก เมื่อวันที่ 12 ธันวาคม พ.ศ.2534

ขออวดคำขวัญประจำจังหวัดกำแพงเพชรหน่อยนะคะ

"กรุพระเครื่อง เมืองคนแกร่ง ศิลาแลงใหญ่ กล้วยไข่หวาน น้ำมันลานกระบือ"

เมืองกำแพงฯ โด่งดังทั้งเรื่องพระเครื่องสุดยอด กับกล้วยไข่อร่อยสุดๆ ครอบครัวดิฉันทำสวนกล้วยไข่มาหลายชั่วคนแล้วค่ะ กินกระยาสารทกับกล้วยไข่ ถ้าเป็นคนสมัยนี้ก็ต้องบอกว่า...เป็นอะไรที่อร่อยสุดๆ ซะไม่มี!

ขณะนั้น พ่อกับลุงเป็นคนดูแลสวนกล้วย ส่วนอายังเป็นวัยรุ่น เพื่อนเยอะ นิสัยชอบเที่ยวเตร่แทบทุกวัน พวกพี่ๆ คือพ่อกับลุงก็ตามใจเห็นว่าเป็นน้องคนเล็ก แต่ปู่ดิฉันบอกให้ช่วยกันตักเตือนดูแล หาไม่จะนำเรื่องเดือดร้อนมาให้

จริงด้วยค่ะ วันหนึ่งพบว่ากล้วยในสวนถูกฟันยับ ทั้งที่ยังเครืออ่อนๆ อยู่ทั้งนั้น!

ได้ความว่าอาเล็กไปมีเรื่องกับพวกในสวนใกล้ๆ เลยโดนแก้แค้นด้วยวิธีนี้ ปู่บอกให้ทำเฉยๆ ไว้ จะจัดการป้องกันให้เอง ไม่ต้องกลัว!

ปู่ดิฉันอายุหกสิบเศษแล้ว ได้ชื่อว่าเก่งกาจทางคาถาอาคมและวิชาไสยศาสตร์รอบตัว ห้องของปู่อยู่ริมสุด ไม่ค่อยมีใครกล้าไปนอกจากปู่เรียก ดิฉันเคยเข้าไปเมียงๆ มองๆ เห็นอับทึบมีโต๊ะหมู่บูชากับมีดและไม้ หน้าโต๊ะมีกระบอกไม้ไผ่ผ่าครึ่ง ดาบเล่มใหญ่แขวนไว้ที่ข้างฝา

วันต่อมา สวนเราก็โดนบุกรุกมาฟันกล้วยทิ้งแบบรังแก แต่คราวนี้ไม่มากเหมือนครั้งแรก พ่อกับลุงไปดูแล้วบอกว่าเห็นเลือดหยดเป็นทางแล้วหายไป

ปู่ชวนพวกเราเดินไปเรื่อยๆ ราวกับจะรู้จุดหมายดี นั่นคือบ้านลุงขำกับป้าถ้วน ได้ยินเสียงครางโอยๆ มาจากในเรือน สองผัวเมียออกมาคุกเข่าไหว้ปู่ บอกว่าขอชีวิตลูกชายด้วยเถิด ต่อไป "ไอ้แผ้ว" คงจะไม่กล้าไปลองดีที่สวนของเราอีกแล้ว

ดิฉันได้ยินปู่สั่งให้เรียกนายแผ้วออกมา...คู่อริของอาเล็กนั่นเอง!

นายแผ้วยกมือไหว้ขอโทษ เห็นเลือดซึมที่ชายโครงขวาเป็นดวงๆ ปู่สั่งให้ลุงขำกับป้าถ้วนชดใช้ค่าเสียหาย ทั้งสองก็ทำตามโดยดี

ก่อนจะกลับ ปู่ส่งขวดน้ำมันเล็กๆ เท่าขวดยานัตถุ์ให้ บอกว่าใช้ทาแผล...ถ้าขืนทำชั่วอีกครั้งมีหวังโดนควายขวิดไส้ทะลัก ตายคาที่แน่ๆ เล่นเอานายแผ้วหน้าขาวซีด ตัวสั่นเทาไปเลยค่ะ

เมื่อกลับถึงบ้าน พ่อกับลุงแยกกันไปทำงานเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ปู่พาดิฉันเข้าไปในห้อง หยิบควายตัวเล็กๆ จากพานหน้าโต๊ะพระ เป็นควายที่ทำจากฟางข้าว มัดด้วยเชือกขาวๆ ทั้งตัว...คิดว่าคงเป็นสายสิญจน์แน่ๆ มาให้ดิฉันดู

เมื่อเห็นดิฉันยังงุนงง แต่ทำหน้าแหยงๆ ปู่ก็ยิ้มแล้วบอกว่า...นี่ไง ควายธนูที่ปู่ส่งมันไปเฝ้าสวนเมื่อคืนนี้เอง

ดิฉันหายสงสัยแล้วเมื่อเห็น "เขา" ข้างหนึ่งของ "ควายธนู" ยังมีเลือดแดงๆ ติดอยู่...และติดหูติดตาดิฉันมาจนถึงทุกวันนี้เลยค่ะ!

ควายธนู

อ่านเรื่องเล่าชวนขนลุกเพิ่มได้ที่ ควายธนู



เครดิต :
เครดิต : เนื้อหาข่าว คุณภาพดี หนังสือพิมพ์ข่าวสด


ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์