คำสาปนรก

"บางคอแหลม" เล่าประสบการณ์ขนหัวลุกจากเพื่อนตาทิพย์

สมัยหนุ่มผมเคยอยู่บางคอแหลม อ.ยานนาวา (ปัจจุบันแยกเขตกันแล้ว) ได้พบกับเรื่องแปลกประหลาดและน่ากลัวมาก ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อว่าผีมีจริง สาเหตุมาจากเพื่อนสนิทชื่อโหน่ง เป็นลูกคนฐานะดี พอจบพาณิชย์ก็ได้งานทำแถวบางรัก แต่ไม่ช้าก็เปลี่ยนงานใหม่ไปทำที่สี่พระยา ตลาดน้อย หัวลำโพง แต่ก็อยู่ไม่ยืดสักแห่ง...

มันบอกผมว่ามีแต่คนโง่ๆ ทั้งนั้น!

เมื่อได้งานใหม่ก็อยู่ไม่ทน เพราะไม่ยอมลงให้หัวหน้า ทะเลาะกับเพื่อนร่วมงาน ไม่ใช่โดนไล่ออก แต่มันสะบัดก้นออกมาเอง อาศัยว่าพ่อแม่รวย เจ้าโหน่งจึงไม่เดือดร้อนเรื่องเงินทอง เที่ยว-กิน-เล่น ไปวันๆ ตามใจชอบ

วันหนึ่งไปมีเรื่องที่บ้านใหม่ เขม่นกันในร้านเหล้า เจ้าโหน่งโดนเจ้าถิ่นรุมสกรัม ประเคนด้วยไม้หน้าสามจนสลบเหมือด ต้องไปนอนโรงพยาบาลสิบกว่าวันถึงกลับบ้านได้

ตั้งแต่นั้นมา เจ้าโหน่งก็เปลี่ยนนิสัยเหมือนเป็นคนละคน!


เคยชอบเที่ยวเตร่ สนุกสนานเฮฮาก็กลับนิ่งเงียบ ไม่ค่อยออกจากบ้าน ร่างกายซูบผอมลง นัยน์ตาเลื่อนลอยไม่จับคน บางทีก็พยักหน้าหงึกๆ กับใครไม่ทราบ บางทีก็พูดพึมพำคนเดียว จนชาวบ้านนินทาว่ามันกลายเป็นคนบ้าๆ บอๆ เพราะโดนตีหัวจบสลบคราวนั้นเอง

ผมเป็นเพื่อนสนิทที่ไปมาหาสู่กันบ่อยๆ ต้องยืนยันว่าเจ้าโหน่งไม่ได้บ้าบอ หรือสติไม่สมประกอบแน่นอน พูดคุยกันรู้เรื่อง ถามอะไรก็จำได้ พ่อแม่มันก็ชอบให้ผมไปบ้านเขาบ่อยๆ ลูกชายจะได้พูดคุย ยิ้มแย้มแจ่มใส ไม่งั้นมักจะหมกตัวเงียบอยู่ในห้องคนเดียว

ไม่ช้าผมก็ต้องขนหัวลุกเพราะเจ้าโหน่งนี่เอง!

ตอนบ่ายวันนั้นเรานั่งคุยกันที่โต๊ะหินหน้าบ้าน มีต้นมะม่วงกับชมพู่ร่มครึ้ม เจ้าโหน่งมองไปที่รั้วไม้ระแนงแล้วถามว่าเห็นใครไหม? ผมบอกจะเห็นได้ยังไงเพราะรั้วบัง

"ไม่ใช่นอกบ้าน...ที่ใต้ต้นมะม่วงนั่นไง ผู้ชายตัวดำๆ ล่ำเตี้ยกำลังมองเราอยู่"

ผมยืนยันว่าไม่เห็นใครเลย นอกจากผู้คนที่เดินผ่านไปมานอกรั้วเท่านั้น

"มันชื่อสิงห์-ตามข้ามาจากโรงพยาบาลตั้งแต่วันแรก"

"คิดไปเองมั้ง? ไม่ก็ตาฝาด..."


"เปล่า...ไอ้สิงห์ตามข้ามาจริงๆ มันโดนสิบล้อทับตายคาที่ ก่อนข้าจะออกจากโรงพยาบาลได้ 2-3 วันเท่านั้น มันมาขออยู่ด้วยว่ะ! นั่นไง...มันกำลังยิ้มฟันขาวกับเอ็งแน่ะ"

ผมขนลุกซ่า ทั้งที่เป็นกลางวันแสกๆ ก็เถอะเอ้า! ตอนแรกผมคิดว่าเจ้าโหน่งเป็นบ้าไปแล้วจริงๆ อย่างเขานินทา แต่คำพูดต่อมาของมันยิ่งทำให้ผมเสียวสันหลังมากกว่าเดิม

"ข้ารู้ว่าเอ็งไม่เห็น ใครๆ ก็ไม่เห็น มีแต่ข้าคนเดียวที่เห็นถนัด...ได้ยินเสียงมันด้วย" เจ้าโหน่งถอนใจยาว นัยน์ตาที่จมลึกอยู่ในเบ้าราวกับจะขยายใหญ่ยิ่งกว่าเดิม "ไม่ใช่ไอ้สิงห์คนเดียวนะ...นั่น! ตาปลอดกับลุงฉ่ำ ยายเขียวกับป้าแสง ยืนมองเราอยู่ที่หน้าประตูนั่นไง"

"ไอ้โหน่ง..." ผมคราง ปากคอแห้งผากไปถนัด "เอ็งจะเห็นได้ยังไงวะ? ก็พวกนั้นน่ะตายหมดแล้วนี่หว่า"

"อ้าว? ไอ้เด่นเดินมาอีกคนแล้ว นี่มันตกน้ำตายตอนต้นปีน่ะ!"

ผมตัวแข็งลิ้นแข็งจนพูดอะไรไม่ออก จ้องมองแทบตาถลนไปยังประตูรั้วก็ไม่เห็นใครที่เจ้าโหน่งเอ่ยชื่อมา...เจ้าเด่นวัยสิบขวบกว่าๆ ที่ตกน้ำตายก็ไม่เห็น!

คุณพระคุณเจ้า! ผมเห็นเจ้าโหน่งยิ้มกว้างขวางขึ้น กวักมือเรียกอย่างอารมณ์ดี

"เข้ามาซีวะไอ้เด่น อยากคุยกันก็เข้ามา" มันพูดเสียงดังก่อนจะพยักหน้าช้าๆ "เออ! งั้นก็ตามใจเหอะวะ" มันหันมายิ้มกับผม "ไอ้เด่นบอกว่าวันหลัง...มันรู้ว่าเอ็งกลัวมัน"

เจ้าโหน่งทั้งเห็นผี ทั้งได้ยินเสียงผีด้วยเหรอเนี่ย? ตอนแรกผมคิดว่ามันหยอกล้อผมเล่นตามประสาเพื่อนฝูง แต่วันต่อๆ มามันก็ชี้ให้ดูมะม่วงหน้าบ้านต้นนั้น บอกว่าผู้หญิงที่ไหนไม่รู้นั่งอยู่บนกิ่งใหญ่...ผีผูกคอตาย!

"สงสัยจะตายมานานแล้ว พ่อแม่ก็ไม่ยอมเล่าให้ฟัง ตอนกลางคืนข้าเห็นแกห้อยโตงเตง กวักมือหย็อยๆ เรียกข้าไปอยู่ด้วย พอตอนกลางวันก็นั่งร้องไห้อยู่บนกิ่งใหญ่ที่ว่านั่นไง"

ถึงจะมองไม่เห็นอะไรเลย แต่ผมก็รู้สึกแผ่นหลังเย็นวาบ ขนลุกซ่าไปทั้งตัว!

เมื่อกลับบ้านไปถามพ่อเรื่องนี้ ก็ได้ความว่าญาติข้างแม่ของเจ้าโหน่งมาอาศัยอยู่ไม่นานก็ผูกคอตายมาสิบกว่าปีแล้ว สาเหตุมาจากท้องไม่มีพ่อ

ผมแน่ใจว่าเพื่อนไม่ได้บ้าๆ บอๆ จนเกิดเพ้อเจ้อไปเอง แต่เกิดมีญาณวิเศษหรือพรสวรรค์หลังจากโดนตีจนสลบ...คิดว่าห่างๆ ไปสักพักก่อน ที่ไหนได้ล่ะครับ แค่อีกไม่กี่วันต่อมา เจ้าโหน่งก็ผูกคอตายที่ต้นมะม่วงริมรั้วนั่นเอง

เป็นอันว่าผีแขวนคอเรียกร้องให้เพื่อนผมไปอยู่ด้วยกันได้สำเร็จแล้ว...แบบนี้จะไม่ให้ผมเชื่อว่าผีมีจริงได้ยังไง? บรื๋อออ....



คำสาปนรก

เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์