ชุมทางปีศาจ

"พลอยชมพู" เล่าประสบการณ์ขนหัวลุกจากนางเลิ้ง

ดิฉันเป็นเด็กวัดญวน สะพานขาว เคยได้ยินเรื่องทรงเจ้าเข้าผีมาพอสมควร โดยเฉพาะคนถูกผีเข้าก็เคยเห็นหลายครั้ง ส่วนมากเป็นโรคประสาท ต้องการเรียกร้องความสนใจ หรือพูดตรงๆ ก็คือแกล้งทำ!

แต่มีหลายรายที่น่าจะถูกผีเข้าจริงๆ เช่น ผู้หญิงพูดเสียงผู้ชาย เด็กพูดเสียงคนแก่ คนไม่สูบบุหรี่ก็เรียกหาบุหรี่ ไม่เคยดื่มเหล้ากลับเรียกเหล้ามาดื่มอั้กๆ หน้าตาเฉย

เรื่องพวกนี้มีติดอกติดใจจนขอนำมาเล่าสู่กันฟังค่ะ!

สมัยก่อนดิฉันมีเพื่อนสนิทชื่อวิไล อยู่หลังตลาดนางเลิ้ง เราไปมาหาสู่กันบ่อยๆ ในวันเสาร์-อาทิตย์ แถวนั้นมีอาหารอร่อยๆ หลายเจ้า เช่น ก๋วยเตี๋ยวเป็ด ส.รุ่งโรจน์ ไส้กรอก-ปลาแนม บาเยียร์ นับวันแต่จะหากินยากเข้าทุกที

บางครั้งก็ไปดูหนังที่เฉลิมธานี เรียกติดปากว่าโรงหนังนางเลิ้ง เก่าแก่มาแต่สมัยรัชกาลที่ 6 เป็นอาคารไม้สองชั้น หลังคามุงสังกะสี เปิดพัดลมระบายอากาศ ไม่อับชื้นดีด้วย

วิไลมียายชื่อผัน อายุ 70 เศษ ร่างผอมบาง ตัดผมสั้น ชอบเล่าเรื่องเก่าๆ ให้เราฟัง ล้วนแต่น่าสนใจทั้งนั้น บางเรื่องก็จำได้ถึงทุกวันนี้

สมัยก่อนมีชาวมอญไปรับตุ่มจากปทุมธานี ใส่เรือมาวางขายเรียงรายอยู่ริมคลองผดุงกรุงเกษม เรียกว่า "ตุ่มอีเลิ้ง" หมายถึงตุ่มหรือโอ่งขนาดใหญ่ ต่อมามีผู้คนมาอยู่อาศัยแน่นหนา มีบ่อนพนันถูกกฎหมายชื่อ "บ่อนขุนพัฒน์" มีทั้งคนมาเล่นการพนัน พ่อค้าแม่ขายก็หนาตาขึ้น เรียกตำบลนี้ว่า "บ้านอีเลิ้ง"

ต่อมาคงจะเห็นว่าไม่สุภาพ จึงเปลี่ยนชื่อเป็น "นางเลิ้ง" มาจนถึงปัจจุบัน

ยายผันเล่าว่าตลาดนางเลิ้งถูกไฟเผาผลาญวอดวายในสมัยรัชกาลที่ 7 ก่อนเปลี่ยนแปลงการปกครอง 2-3 ปี ตลาดในปัจจุบันสร้างขึ้นใหม่ แต่ก็เก่าแก่ตามกาลเวลาลงไปทุกที

วันหนึ่ง ดิฉันไปหาวิไล ก็ปรากฏว่ายายผันกำลังโดนผีเข้าพอดี!

ชาวบ้านมามุงดูสิบกว่าคน มีหมอไสยศาสตร์จากวัดแคมาช่วยไล่ผี ดิฉันได้ยินเสียงครางโอดโอยน่ากลัว วิไลก็ทำตาแดงๆ มากระซิบกระซาบกับดิฉันว่า...ผีมันชวนกันเข้าสิงยายหลายตัว น่ากลัวเหลือเกินแล้ว

หมอไล่ผีเป็นชายชราผอมดำ หน้าเสี้ยม แววตาดุดัน ใช้กิ่งมะยมในขันน้ำมนต์สะบัดใส่ จนยายผันร้องโอดโอย นัยน์ตาเหลือกกลับไปมาน่าขนหัวลุก

"มึงชื่อไร? มาจากไหน?" หมอผีคำราม แต่ยายผันแค่นหัวเราะเย้ยหยัน

"กูไม่บอก มึงจะทำไม?" เสียงนั้นทำให้ดิฉันอ้าปากค้าง...ไม่มีวี่แววว่าจะเป็นเสียงยายผันเลย เพราะมันแหบห้าวเป็นเสียงผู้ชายชัดๆ

"งั้นก็กินหวายลงอาคมเสียเถอะ!" ว่าแล้วก็หยิบหวายยาวราวหนึ่งศอกมาฟาดพื้น พลางท่องคาถาพึมพำ ยายผันร้องกรี๊ดๆ ยกสองแขนขึ้นปัดป้องวุ่นวายราวกับเจ็บปวดสุดขีด...วิไลกระซิบว่า ตอนแรกเป็นผีเด็ก ต่อมาเป็นผีผู้หญิง พอหมอไล่ไปก็มีผีผู้ชายมาเข้าร่างยายของเธอทันที

"ขอเหล้าโว้ย!" ยายผันร้องลั่น "ขอเหล้าให้กูกินก่อน แล้วกูจะไป"

หมอผีให้หาเหล้ามารินใส่แก้วเกือบเต็ม ทุกๆ คนรวมทั้งดิฉันจ้องมองแทบไม่กะพริบตา เรารู้ดีว่ายายของวิไลไม่ใช่คนดื่มสุรา แต่ขณะนี้แกยกแก้วเหล้าขึ้นดื่มอั้กๆ รวดเดียวหมด เลียปากไปมา นัยน์ตากลอกกลิ้งแบบเจ้าเล่ห์

"เอ้า! กินเหล้าแล้วก็ไปเสียที ไม่งั้นกูจะให้กินหวายอีก" หมอผีคำราม เสียงหัวเราะแหบห้าวก็พลันดังเย้ยหยัน

"ถึงกูไปแล้วก็ยังมีผีอีกหลายตัวจ้องจะเข้าแทน...นั่นไง? เห็นมั้ย?"

คนอื่นๆ เหลียวซ้ายแลขวา ทำหน้าตาเลิ่กลั่กไปตามๆ กัน หมอผีฟาดหวายลงกับพื้นห้องอีก 2-3 ครั้ง ยายผันร้องกรี๊ดยาวๆ ก่อนจะหงายหลังตึง พอลุกขึ้นมาได้ก็สะบัดหน้างุนงง หมอผีก็รีบเอาสายสิญจน์ผูกข้อมือแกทันที

บอกกล่าวว่าคนแก่ชราจิตใจอ่อนไหว เป็นช่องทางให้ภูตผีเข้าสิงสู่อย่างง่ายดาย ต้องหาสิ่งของศักดิ์สิทธิ์ป้องกันไว้ก่อน

จากภาพและเสียงที่ปรากฏให้เห็นเต็มหูเต็มตา โดยไม่ต้องมีใครมาบอกกล่าวหรือเล่าให้ฟัง ทำให้ดิฉันเชื่อสนิทตั้งแต่บัดนี้มาจนถึงทุกวันนี้ ว่ารอบๆ ตัวเรามีวิญญาณร้ายคอยจ้องจะเข้าสิงสู่ผู้คนได้จริงๆ

โดยเฉพาะคนแก่ คนร่างกายและจิตใจอ่อนแอ รวมทั้งคนดวงตก ควรจะต้องระมัดระวังไว้มากๆ ค่ะ!



ชุมทางปีศาจ

เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์