บ้านนี้ผีดุ

"อานนท์" เล่าประสบการณ์ขนหัวลุกเมื่อไปค้างบ้านเพื่อน

ผมไม่เคยไปนอนค้างที่บ้านเจ้าไว-เพื่อนที่ทำงานเดียวกันมาก่อน แต่เมื่อไปครั้งแรกก็เจอดีเข้าเต็มเปา ถึงกับต้องสบถสาบานกับตัวเองว่าชาตินี้จะไม่ยอมไปค้างบ้านอื่นอีกแล้วจนวันตาย!

แน่ละ! ถึงผมจะไม่บอก คุณๆ ก็ต้องรู้อยู่แก่ใจว่า...ผมโดนผีหลอกเข้าให้น่ะซี!!

เรื่องของเรื่องก็ไม่มีอะไรมาก ผมกับเจ้าไวสนิทสนมกันมาเกือบสองปีแล้ว แถมยังไม่ได้มีครอบครัวเป็นหลักเป็นฐานเหมือนกันทั้งคู่

อ๊ะๆ อย่าเพิ่งเข้าใจผิดคิดว่าเราเป็นชาวสีม่วง พิสมัยไม้ป่าเดียวกันนะครับ ขอยืนยันนอนยันว่าเราเป็นผู้ชายเต็มร้อย มีแฟนมาพอสมควร แต่ยังไม่ถึงกับปักอกปักใจแน่นอนว่าจะเลือกใครมาเป็นแม่ของลูกเท่านั้นแหละ

เราเคยไปมาหาสู่กันเฉพาะตอนกลางวัน พ่อแม่เจ้าไวก็รักใคร่เอ็นดูผมเหมือนลูกหลานคนหนึ่ง แต่วันดีคืนดีก็ต้องไปนอนค้างบ้านเพื่อนคนนี้โดยไม่ได้ตั้งอกตั้งใจมาก่อนเลย

เรื่องเป็นยังงี้ครับ!

เย็นวันศุกร์งานเลิก แหม...เงินเดือนออกพอดี พวกเราเลยมาหาอะไรดื่มดวดกันแถวสวนลุมพินี สนุกสนานเฮฮากันเต็มที่จนปาเข้าไปสองยามกว่า คนอื่นๆ แยกย้ายกันกลับ ไอ้บ้างก็นึกมันเขี้ยวจะไปเดินชมสาวสวนลุมฯ ที่มาอ้อล้อคอยจับเหยื่อกันหนาตา ส่วนผมว่าจะเรียกแท็กซี่กลับบ้านที่บางพลัด แต่เจ้าไวดันชวนไปค้างบ้านมันแถวถนนเชื้อเพลิงใกล้ๆ นั่นเอง

เป็นอันว่าตกลงตามนั้นเพราะพรุ่งนี้ไม่ต้องไปทำงาน...

ห้องนอนเจ้าไวอยู่ชั้นบนติดระเบียงข้างรั้ว ใกล้ๆ กับห้องพ่อแม่ มีห้องน้ำกั้นกลาง...หลังจากอาบน้ำอาบท่า อาศัยชุดนอนของเพื่อนแก้ขัด อ้าว! ผมเกิดหูตาสว่างขึ้นมาดื้อๆ เผยผลักประตูไปสูบบุหรี่ที่ระเบียง ส่วนเจ้าไวนอนดูทีวีเพราะหายง่วงเหมือนกัน

บ้านติดๆ กันเป็นตึกสองชั้นทาสีชมพูหวานแหววเชียว มีสนามเล็กๆ ร่มรื่นน่ารัก แต่เจ้าไวเคยบอกว่าเป็นบ้านร้างมานานแล้ว...

เอ๊ะ! ทำไมแสงไฟที่ห้องนอนชั้นบน ได้ยินเสียงหนุ่มสาวหัวเราะต่อกระซิกคล้ายกำลังหยอกล้อกันอย่างมีความสุข มองเห็นเงาวับๆ แวมๆ ดูวูบวาบยังไงพิกล...ผมสูบบุหรี่ หมดมวนแล้วก็เดินเข้าห้องนอนไปหาเพื่อน...

ไม่รู้นึกยังไง ผมหลุดปากต่อว่าเพื่อนที่โกหกว่าเป็นบ้านร้าง ที่แท้ก็มีคนอยู่ แต่เจ้าไวลุกขึ้นมานั่งหัวเราะฟันขาวอย่างอารมณ์ดี

"ผีละมั้ง? เพราะบ้านสีชมพูนั้นเป็นบ้านร้างจริงๆ ว่ะ"

"แล้วทำไมเปิดไฟโร่วะ" ผมไม่ยอมแพ้ "แถมกำลังหัวเราะคิกคักอีกต่างหาก แหม! เสียงผู้หญิงน่ะฟังแล้าเซ็กซี่เป็นบ้า...หรือว่าจะมีคนย้ายมาอยู่ใหม่แล้วแต่ลื้อไม่รู้เรื่อง?"

"บ้าซี! ใครย้ายมาอยู่บ้านติดๆ กันจะไม่รู้ได้ยังไงวะ?" เจ้าไวหัวเราะตามเคย

"แต่อั๊วเห็นจริงๆ หน้าต่างเปิดเข้าไปเห็นเขากำลังหยอกกัน" ผมยืนยันเสียงแข็ง "ไม่เชื่อลื้อก็ออกมาดูเลยซี่"

คราวนี้เจ้าไวหยุดหัวเราะ หน้าดำๆ คล้ายจะขาวผ่องขึ้นมา

"อย่าพูดเล่นน่า เขาห้ามพูดเรื่องผีๆ สางๆ ตอนกลางคืนรู้มั้ย? บ้านนั้นน่ะผัวฆ่าเมียเพราะความหึงหวง แล้วก็ยิงตัวตายตามเมียไปอีกคน...ปิดร้างมาเกือบปีแล้ว แต่ไม่เคยมีข่าวว่าผีดุเลยนี่หว่า"

คราวนี้ผมกระเดือกน้ำลายอึกใหญ่ รู้สึกหนาวยะเยือกไปหัวอกหัวใจยังไงชอบกล รีบปราดไปฉุดแขนเพื่อนให้ลุกออกมาดูด้วยนัยน์ตาตัวเอง อยากรู้เหมือนกันว่าของจริงคืออะไร?

เพียงแต่เราก้าวออกไปที่ระเบียง เจ้าไวก็ชะงักกึกเมื่อเห็นแสงไฟสว่างไสวอยู่ในห้องนอนนั้นจริงๆ ครางแต่ว่า...อะไรกันหว่า? บ้านนี้ยังไม่มีใครย้ายมาอยู่เลยนี่นา...

แทบจะไม่ขาดเสียง ประตูห้องนอนนั้นก็เปิดออกช้าๆ เสียงดังเอี๊ยดดด...แต่ร่างของหนุ่มสาวคู่หนึ่งในชุดนอนก็เดินคลอเคลียกันออกมา โบกมือให้เราอย่างร่าเริง ผมโบกมือตอบอย่างงุนงง ส่วนเจ้าไวผงะหน้า ตาเหลือกลาน ทำเสียงครอกๆ ราวจะหายใจไม่ออก

"ผีหลอก!" มันครางกระเส่า "เขาตายไปแล้ว..."

ผมร้องเฮ้ย! แทบจะไม่เชื่อหูตัวเอง เบิกตาค้างตื่นตะลึง ตัวแข็งทื่อเหมือนถูกสาป

เสียงหมาหอนโหยหวนมาแต่ไกล ยอดไม้ไหวซ่าคล้ายเสียงทอดถอนใจด้วยความเหน็ดเหนื่อยเต็มประดา อากาศยามดึกสงัดลดตัววูบลงจนเย็นเฉียบ...ขณะที่ร่างหนุ่มสาวคู่นั้นค่อยๆเลือนรางจางหายไปในแสงสว่างเยือกเย็น แสงไฟในห้องนอนก็พลันดับวูบลง!

เราวิ่งพรวดพราดเข้าห้องแทบจะชนกันตาย อกสั่นขวัญแขวนจนข่มตาหลับไม่ลง กระทั่งสว่างคาตา...ผมสาบานกับตัวเองว่าเป็นตายยังไงก็จะไม่ยอมไปค้างบ้านคนอื่นชั่วชีวิตสลาย...กลัวเจอะเจอบ้านผีอยู่อีกน่ะซีครับ! บรื๋อออ....

บ้านนี้ผีดุ

เครดิต :
เครดิต : เนื้อหาข่าว คุณภาพดี หนังสือพิมพ์ข่าวสด


ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์