บ้านเช่า หลังวัดญวน บางโพ


บ้านเช่า หลังวัดญวน บางโพ

"ศรุตา" เล่าประสบการณ์ขนหัวลุกจากบ้านเช่าหลังวัดญวน บางโพ

เมื่อเด็กๆ ดิฉันอยู่กับแม่เพียงสองคนเพราะพ่อเสียชีวิตด้วยอุบัติเหตุ แม่เป็นครูโรงเรียนราษฎร์แห่งหนึ่งแถวบางซ่อน ได้เงินเดือน 750 บาทเพราะมีวุฒิครู สมัยนั้นถือว่ามากแล้ว เพราะครูที่จบม.6 จะได้เงินเดือน 450 บาทเท่านั้นเอง

เราเช่าบ้านอยู่ในซอยหลังวัดบางโพโอมาวาส แต่ชาวบ้านนิยมเรียกว่าวัดญวนบางโพ เป็นซอยแคบๆ สำหรับคนเดินเท่านั้น รถยนต์เข้าไม่ได้ ที่ปากซอยใกล้ๆ กับตึกแถวมีเพิงขายขนมและผลไม้ เช่น ขนมกล้วย ขนมใส่ไส้ ส้ม เงาะ กล้วยน้ำว้าและกล้วยหอม



ขณะนั้นยังหวีละ 2-3 บาทเท่านั้น ขากลับจากโรงเรียนแม่มักจะแวะซื้อขนมให้ดิฉันบ่อยๆ

กล้วยน้ำว้าหวีเดียวก็กินกันไปได้หลายวัน บางวันเขาก็ทำข้าวต้มมัดขาย เพิ่งยกมาจากลังถึงในบ้านใหม่ๆ มีทั้งไส้กล้วยและไส้ถั่วดำ ราคากลีบละ 50 สตางค์

ตอนปลายเดือนเราก็ได้อาศัยข้าวต้มมัดนี่แหละค่ะที่ช่วยให้อิ่มท้อง ค่าเช่าบ้านสองชั้นที่อยู่สุดซอยเดือนละ 300 บาท มีเพื่อนแม่ที่เป็นครูอยู่โรงเรียนเดียวกันมาอยู่ด้วย ออกค่าเช่าคนละครึ่ง บ้านนั้นชั้นบนมีสองห้องนอนกับระเบียงใหญ่ ชั้นล่างโล่งตลอด




บ้านเช่า หลังวัดญวน บางโพ

ต้องซื้อน้ำจากเจ้าของบ้านเช่าที่อยู่ริมคูข้างโรงเลื่อยตุ่มละ 1 บาท

โดยใช้วิธีต่อสายยางมาที่ตุ่มข้างบันไดเตี้ยๆ สามขั้น ใช้ระเบียงเป็นครัว เวลาอาบน้ำก็ยืนตักอาบข้างๆ ตุ่มนั่นแหละค่ะ ส่วนค่าไฟฟ้าคิดเหมาเดือนละ 10 บาท ประตูห้องน้าแต๋วเพื่อนแม่อยู่หัวบันได


ส่วนห้องเราถัดไปเข้าทางระเบียงที่มีลูกกรงล้อมรอบ มีเก้าอี้ 2-3 ตัวสำหรับนั่งรับลมหันไปทางบ้านที่มีอาชีพทำขนมผิงขายส่ง ติดๆ กับเรือนไม้สองชั้นที่เป็นห้องเช่า ตอนเย็นๆ ดิฉันชอบไปนั่งแกว่งขาเล่นที่เก้าอี้นั่น

มองดูเด็กสาวๆ หลายคนที่เป็นลูกจ้างทำขนมผิงทำงานกันขวักไขว่ บางทีก็หยอกล้อทุบตีกันน่าสนุก เสียงหัวเราะร่าเริงดูมีความสุข บางคนเงยหน้าขึ้นมามองดิฉันแล้วกวักมือเรียก บางคนก็ตะโกนเรียกลงไปกินขนม แต่แม่ห้ามดิฉันออกไปเล่นนอกบ้านเด็ดขาด มีผัวเมียคู่หนึ่งเช่าอยู่ห้องชั้นล่าง ผัวชื่อทวน




เป็นช่างตัดผมอยู่บางกระบือ รูปร่างสูงใหญ่ หน้าตมคมสันแบบแขกขาว เมียชื่อดาหวัน

ร่างเล็กแต่อวบอัดสมส่วน เวลาผัวไปทำงานก็แต่งตัวฉุยฉายออกไปคุยบ้านนั้นบ้านนี้ บางทีก็เข้าวงไพ่ผสมสิบใกล้ๆ บ้านตกเย็นก็รีบเลิก ที่ดิฉันรู้เพราะตอนปิดเทอมได้เห็นพวกเขาทำกันแบบนี้แทบทุกวันค่ะ พี่ดาหวันเดินผ่านบ้านดิฉันเป็นประจำ ไปซื้อของกินของใช้ที่ปากซอยบ้าง ไปคุยกับเพื่อนบ้านบ้าง แต่ส่วนมากมักจะเดินผ่านทางตุ่มน้ำไปเข้าวงผสมสิบมากกว่า


ดิฉันชอบมองพี่ดาหวันคนสวยที่ชอบนุ่งโสร่งดอกโตรัดสะโพก สวมเสื้อสีสดใสเนื้อผ้าบางๆ จนเห็นยกทรง เวลาเดินจะบิดสะโพกยักขึ้นยักลง หน้าอกก็กระเพื่อมๆ จนพวกผู้ชายจ้องมองตาเป็นมัน เราถูกชะตากันอย่างประหลาด เวลาผ่านมาเธอจะหยุดยิ้มหวาน ทักทายว่าทำอะไรจ๊ะ คนสวย?




หรือไม่ก็โตขึ้นหนูต้องเป็นคนสวยมากแน่ๆ เลย ดิฉันทั้งอายทั้งพอใจค่ะ

บางทีพี่ดาหวันก็จะเข้ามาจับแก้ม เชยคางดิฉัน ชวนไปเที่ยวด้วยกัน ดิฉันได้แต่ส่ายหน้า เธอก็หัวเราะเสียงหวาน กลิ่นแป้งน้ำมองเล่ย์หอมกรุ่น...น่าแปลกอย่างที่แม่ไม่ชอบพี่ดาหวันขนาดห้ามดิฉันคลุกคลีด้วย ถามคำตอบคำก็พอ วันหนึ่งก็เกิดเหตุสยองขวัญขึ้นกะทันหัน! ขาไพ่ไปตามพี่ดาหวันที่ห้องเช่าในตอนสาย พอผลักประตูเข้าไปก็ร้องกรี๊ดๆๆ จนคนอื่นๆ ตกใจพากันวิ่งไปดู


ภาพที่เห็นคือพี่ดาหวันนอนหงายอยู่บนฟูกบางๆ นัยน์ตาเหลือกลานแน่นิ่ง ขาดใจตายไปแล้ว เพื่อนข้างห้องเล่าว่าได้ยินเสียงทะเลาะกันตอนดึก เกี่ยวกับเรื่องหึงหวง แต่ไม่มีใครสนใจ...ตำรวจสันนิษฐานว่าผัวคงบันดาลโทสะบีบคอเมียจนตายแล้วหลบหนีไป พี่ดาหวันไม่มีญาติที่นั่น


ตำรวจก็นำศพไป ได้ข่าวว่าติดตามหาคนร้ายแต่ไม่ได้วี่แววเลย...ชาวบ้านล้วนแต่มีหน้าตาหวาดๆ บรรยากาศยามค่ำคืนก็เยือกเย็นน่าวังเวงใจชอบกล เสียงหมาเห่าหอนโหยหวนยิ่งทำให้ขวัญเสีย ต่างรีบปิดประตูเข้านอนกันทั้งนั้น คืนหนึ่ง ดิฉันกำลังนอนหลับอยู่กับแม่ในมุ้ง เปิดหน้าต่างสับขอทุกบานเพื่อรับอากาศ จู่ๆ ก็ต้องสะดุ้งตื่นเมื่อได้ยินเสียงเรียกชื่อดังวู่หวิวมาตามสายลม




ตอนแรกว่าจะปลุกแม่ แต่เกิดรู้สึกเคลิบเคลิ้มเหมือนถูกสะกด ทำให้เปิดมุ้งออกไปยืนเกาะหน้าต่างด้านระเบียง

สรรพสิ่งตกอยู่ในความมืดสลัว เสียงเรียกชื่อดิฉันดังขึ้นใกล้ๆ หู พร้อมกับกลิ่นแป้งน้ำมองเล่ย์อวลกรุ่นมาเข้าจมูก จนขนลุกซู่ไปทั้งตัว "พี่ดาหวัน..." หลุดปากอุทานเบาๆ ขณะนั้นเองก็มองเห็นร่างตะคุ่มๆ นั่งตัวตรงที่เก้าอี้ข้างลูกกรง


ดิฉันตัวแข็งทื่อ เบิกตาโพลง รู้สึกมีก้อนแข็งๆ แล่นขึ้นมาจุกลำคอ ขณะที่ใบหน้านั่นค่อยๆ หันมามองอย่างเชื่องช้า...หันมา...หันมาจนเห็นเสี้ยวหน้าที่ดิฉันจำได้อย่างแม่นยำ พี่ดาหวันนั้นเอง...ใบหน้าสะสวยเหมือนเดิม ปากแดงสดก็เผยอยิ้มอย่างที่เคยเห็น แต่มันฉีกกว้างขึ้น กว้างขึ้นจนเป็นรอยยิ้มเต็มหน้า โลกทั้งโลกเหมือนกำลังแตกสลายไป


ความทรงจำครั้งสุดท้ายคือปากแดงสดคล้ายสีเลือดกำลังยิ้มกว้าง กับกลิ่นแป้งน้ำฉุนเฉียวเต็มจมูก...ดิฉันได้ยินเสียงตัวเองร้องกรี๊ดแสบแก้วหูก่อนจะสิ้นสติไป อีก 2-3 วันต่อมาก็ได้ข่าวว่าตำรวจตามจับสามีพี่ดาหวันได้ที่สวนฝั่งธน เขาสารภาพว่าฆ่าเพราะฤทธิ์หึง...วิญญาณพี่ดาหวันคงจะสงบสุข หายเงียบตั้งแต่นั้นมาค่ะ





แหล่งที่มา: บอร์ด




เครดิต :

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์