ปีศาจบนสะพาน

'โก๋แก่' เล่าประสบการณ์ขนหัวลุกจากสะพานพระรามหก

ผมเคยได้ยินพวกผู้ใหญ่เล่าเรื่องผีๆ สางๆ มาก็เยอะ มีทั้งน่ากลัวน้อยและน่ากลัวมาก แต่นึกไม่ออกจริงๆ ว่าเวลาคนโดนผีหลอกจะรู้สึกยังไง? ทำไมถึงต้องวิ่งหนีกันชนิดกระเซอะกระเซิง ล้มลุกคลุกคลานจนถึงกับไข้หัวโกร๋นก็ยังมี

แหม! มารู้เอาก็ต่อเมื่อเจอะเจอกับตัวเองเต็มเปา แถมมีเพื่อนซี้อีกสองคนที่เกิดมาดวงซวย โดนผีหลอกจั๋งหนับพร้อมๆ กัน โอ้โฮ! ดูไม่จืดจริงๆ ครับ งานนี้น่ะ!

สมัยเด็กๆ จนถึงวัยรุ่นผมอยู่ที่บางกรวย นนทบุรีนี่เอง เพื่อนซี้อยู่บ้านใกล้ๆ กันคือเจ้าเป๋กับเจ้าเติ้ล พวกเรารักใคร่เหมือนพี่น้องคลานตามกันมาก็ว่าได้ จะไปไหนเป็นไปกันซีน่า ไม่มีการอิดออด สะบัดสะบิ้งอย่างเพื่อนอีกหลายคน...เราถึงรักกันเข้าไส้ไงครับ

เจ้าเป๋หุ่นผอมสูงคล้ายจิ้งจกอดข้าว ถึงไม่ได้ขาเป๋แต่ท่าเดินมันยียวนกวนบาทามาตั้งแต่เด็กๆ แล้ว เขาถึงเรียกไอ้เป๋กันทั้งบาง ส่วนเจ้าเติ้ลตอนแรกพ่อมันตั้งชื่อเบิ้ล แต่อยู่ๆ มาแม่มันบอกว่าฟังแล้วเป็นอัปมงคลชอบกล! เลยเปลี่ยนเป็นเติ้ลซะงั้น!

เอาน่า! เติ้ลก็เติ้ล...แปลว่าอะไรก็ไม่รู้เหมือนกัน

หมอนี่ตัวอ้วนๆ เตี้ยๆ แต่ใจเกินร้อย รักเพื่อนฝูงชนิด 'ของจริง' ครับรายนี้...เพื่อไม่ให้เสียเวลาคุณๆ ผมขอเข้าเรื่องที่พวกเราโดนผีหลอกซะเลย

คืนเกิดเหตุ ก่อนเข้าพรรษาได้ไม่นาน เราสามคนข้ามพระรามหกไปหาเพื่อนแถววัดสร้อยทอง มีสุราอาหารเป็นเครื่องเชื่อมสัมพันธ์ พูดคุยกันร้อยแปดเรื่องเที่ยว เรื่องสาว เรื่องผี เรื่องพระ ค่อนข้างบ้าๆ บอๆ ประสาคนกินเหล้า แต่ยังไม่ถึงกับเพี้ยน

ผมรู้ว่าพระย่านนี้อาคมขลัง เวทมนตร์ฉมังนัก ญาติโยมแห่ไปรดน้ำมนต์คึ่กๆ ไปถวายสังฆทานแน่นกุฏิ ต่อมาคนศรัทธามากจนต้องทำสังฆทานหมู่กันเลย ก่อนจะแยกย้ายกันไปปล่อยนกปล่อยปลา ปล่อยเต่าปล่อยหอยขมให้หายทุกข์ตรมตามระเบียบ

คนเรามีศรัทธาและเชื่อมั่นซะอย่าง ทำแล้วสบายใจ ไม่เดือดร้อนใครก็แล้วกัน!

พวกเราติดลมจนห้าทุ่มกว่า แท็กซี่หายาก แถมพอรู้ว่าจะข้ามไปบางกรวยก็ไม่ยอมรับ คงเห็นเราเป็นวัยรุ่นค่อนข้างเมาก็ไม่รู้...ไอ้เติ้ลร้องด่าแล้วบอกว่า เราเดินข้ามสะพานกลับเองก็ได้วะ! ได้รับลมเย็นๆ แถมไม่ต้องเสียเงินอีกด้วย

เป็นอันว่าตะกายขึ้นบันไดแถวหน้าหมู่บ้าน ย่ำขึ้นไปบนทางเดินขนานรางรถไฟใต้แสงสว่างเยือกเย็น พอถึงสะพานก็มีสายลมกรูเกรียวมาทักทาย...มีทางเดินด้านข้างให้เราชมดาว ฟังเสียงคลื่นเสียงลมเพลิดเพลิน

มองไปที่แม่น้ำก็ดูสงบนิ่ง แทบจะไม่มีเรือแพแล่นไปมา ตึกรามบ้านช่องสองฟากฝั่งยังมีแสงไฟเด่นชัดในราตรี นานๆ ก็มีรถยนต์แล่นผ่านไปมาซักที

ลมแรงจากแม่น้ำยามดึกทำให้พิษเหล้าจางลงรวดเร็ว...ผมหันไปมองปล่องใหญ่จากโรงไฟฟ้ายันฮีที่พุ่งทะมึนเป็นสง่า...เกือบพร้อมๆ กับเสียงเจ้าเติ้ลดังห้วนๆ ว่า...ใครวะ? พอหันไปมองข้างหน้าก็เห็นชายคนหนึ่งกำลังเดินช้าๆ คล้ายโซเซหรือลากขาอย่างยากเย็น

'คนเมาหรือเปล่าวะ?' เจ้าเป๋เปรยขึ้น 'หรือคิดสั้นจะโดดน้ำตายก็ไม่รู้ว่ะ'

ตอนนั้นเกือบถึงกลางสะพานแล้ว เราเลยรีบเดินเข้า ไปหา

ทันใดนั้นเสียงรถยนต์คันหนึ่งก็คำรามขึ้นทางเบื้องหลัง เสียงมันดังก้องจนเราหันขวับไปดู...แสงไฟหน้ารถพุ่งจ้าเป็นลำยาว เหมือนสายตาของสัตว์ร้ายที่กำลังออกล่าเหยื่อ...แล่นลิ่วผ่านหน้าพวกเราไปราวกับลมพัด

นรกเป็นพยาน! ผู้ชายที่เดินอิดโรยอยู่ข้างหน้าหันขวับ...ก่อนที่เราจะคาดคิด เขาก็พุ่งตัวเข้าไปหาราวภาพในคืนฝันร้าย น่าสยดสยองพองขนจนเราร้องเฮ้ย! ขึ้น พร้อมๆ กัน

ท่ามกลางสายตาอันพร่าเลือน ผมเห็นร่างนั้นถูกรถชนโครมสนั่นจนกระเด็นกลับมาทางเดิม แล้วรถมรณะคันนั้นก็แล่นตะบึงหายไปในพริบตา...ขณะที่พวกเราหันไปมองร่างท่วมเลือดที่นอนแน่นิ่งอยู่ในแสงไฟ ก่อนจะวิ่งพรวดพราดเข้าไปด้วยความตกใจ

สวรรค์ทรงโปรดด้วยเถิด! ใบหน้าอาบเลือดหันมองเราเชื่องช้า...เพื่อนทั้งสองร้องด่าเสียงระรัว ขณะที่ภาพสยองค่อยๆ เลือนหายไปต่อหน้าต่อตาของพวกเรา!

โลกทั้งโลกกำลังแตกกระจาย ไอ้เป๋โจนพรึ่บ ไอ้เติ้ลทรุดฮวบลงนั่งแผละ ผมยืนขาสั่นพั่บๆ อยากวิ่งใจจะขาดแต่ก้าวขาไม่ออก ได้แต่มองดูไอ้เป๋ลากขากลับมา...บอกว่ากูวิ่งไม่ไหว! ข้างไอ้เติ้ลตัวอ้วนๆ ไม่พูดอะไร เอาแต่นั่งพิงราวสะพานน้ำตาไหลพราก ผมเองก็ยังรู้สึกท่อนขาหนักอึ้งตามเดิม

กว่าจะเรียกขวัญที่กระเจิดกระเจิงกลับมา แล้วค่อยๆ ซมซานข้ามสะพานกลับถึงบ้านได้ก็เกือบค่อนรุ่ง...ขนาดกาลเวลาผ่านไปนมนานแล้วนึกขึ้นมายังขนหัวลุกเลยครับ!

ปีศาจบนสะพาน

เครดิต :
เครดิต : เนื้อหาข่าว คุณภาพดี หนังสือพิมพ์ข่าวสด


ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์