ปีศาจสยองขวัญ

'นายต้น' เล่าประสบการณ์ขนหัวลุกจากริมทางรถไฟ

ผมเป็นหนุ่มไฟแรงอยู่ที่ชุมชนภักดีมาหลายปีแล้วครับ บางท่านอาจสงสัยว่าอยู่ที่ไหน? ไม่เคยได้ยิน! ก็ขอบอกกล่าวว่าอยู่แถว ก.ม.11 ระหว่างสถานีรถไฟบางซื่อกับบางเขน หน้าบ้านผมมีสถานีย่อย แต่ไม่มีการขายตั๋วโดยสารเหมือนสถานีทั่วไป

ก่อนถึงสถานีบางเขนก็คือ วัดเสมียนนารีที่เคยมีข่าวโด่งดังเรื่องผีดุสุดๆ นั่นปะไร?

หวังว่าท่านผู้อ่านส่วนใหญ่คงจะเคยได้ยินข่าวเรื่องนี้ คือมีผีสาวคู่หนึ่งสิงสู่อยู่ บ้างก็ว่าเป็นสองพี่น้องถูกรถไฟทับตาย กลายเป็นผีดุวิญญาณเฮี้ยนสุดสยอง แท็กซี่โดนหลอกหลอนหลายรายจนเป็นข่าวดังทั่วเมือง

เรื่องของเรื่องคือมีสองสาวโบกแท็กซี่แถวย่านรัชดาตอนดึกๆ ให้ไปส่งที่วัดเสมียนฯ น่าขนลุกตั้งแต่บอกปุ๊บก็ไปนั่งที่เบาะหลังปั๊บ ระหว่างทางก็ปรากฏรูปเงาวูบๆ วาบๆ ขอให้ไปส่งในวัดมั่ง เล่นเอาคนขับแท็กซี่ใจคอไม่ค่อยดี

แหม! ดึกเปลี่ยวในวัดน่ะชวนหนาวสันหลังอย่าบอกใคร...บางทีถึงจุดหมายก็หายตัวไปเฉยๆ แท็กซี่ดวงซวยถึงกับเข้าเกียร์มือไม้สั่น ขนหัวลุกตั้งไปทันใด

บางรายเจอะเจอเรื่องสยองขวัญหนักกว่านั้นก็มี!

นั่นคือขับรถผ่านมาตอนดึกๆ เห็นผู้หญิงสองคนคลานไล่กันบนทางรถไฟ พอจ้องมองอย่างลืมตัวก็แทบจะช็อกคาที่ เพราะสองสาวนั่นน่ะแขนขาขาด เลือดโชกไปทั้งตัว แถมหันมาฉีกยิ้มเต็มใบหน้าเหวอะหวะอีกด้วย

แถวหน้าบ้านผมก็ไม่หยอกหรอกครับ ไหนจะมีต้นโพธิ์ต้นไทรร่มครึ้ม ตอนกลางวันก็ดูอบอุ่นดีเพราะมีร้านค้า มีแผงลอยขายทั้งผัดไทย ต้มเลือดหมู ผลไม้ ข้ามทางรถไฟไปฝั่งโน้นก็มีบะหมี่เกี๊ยว ขนมนมเนย น้ำส้มน้ำหวานมีพร้อม

อ้อ! เพิงขายยาดองเหล้าบำรุงกำลังก็มีนะครับ

แต่พอตกค่ำคืนเท่านั้นแหละ ยิ่งดึกยิ่งเปลี่ยว แทบจะหาผู้คนไม่เจอ มีแต่หมาจรจัดเห่าหอนชวนให้น่าขนลุกชะมัด

ลือกันว่ามีคนโดนรถไฟชนมั่ง คิดสั้นโดดให้รถไฟทับตายมั่ง วิญญาณเจ็บปวดสุดๆ เหล่านั้นก็มักหาโอกาสมาปรากฏตัวให้คนขวัญอ่อนร้องจ๊าก เผ่นอ้าวจนลมออกหูไปตามๆ กัน

ผมเองน่ะเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง จนกระทั่งเจอะเจอเข้ากับตัวเองจังๆ

คืนนั้น ผมขี่มอเตอร์ไซค์ไปรับไอ้โก้ เพื่อนซี้ที่ซอยสวนผัก หลังจากที่นัดแนะกันเรียบร้อยว่าจะไปหาอะไรดื่มกินเพื่อความครึกครื้น ตามประสาหนุ่มโสดที่เงินเดือนออกตุงกระเป๋า จุดหมายของเราคือพัฒน์พงษ์คนยากที่สี่แยกสะพานควายไงครับ

ที่นั่นมีผับมีบาร์เรียงรายเป็นสิบแห่ง โชว์เด็ดๆ ปลุกใจเสือป่า ไม่ว่าอะโกโก้ โคโยตี้ รูดเสา จนถึงวาดรูป สูบบุหรี่ เปิดโซดา...โอ๊ย! อย่าให้เล่ารายละเอียดเลยครับ เดี๋ยวจะไม่เหมาะ เอาเรื่องสัปดนมาเล่า เอาเป็นว่าย่านนั้นหรือรู้จักกันในชื่อ 'รังอีแร้ง' น่ะเป็นชุมทางของนักเที่ยวในย่านนั้นและใกล้เคียงก็แล้วกัน

เพื่อไม่ให้เสียเวลาของท่านผู้อ่าน ขอข้ามเรื่องการออฟเด็กไปโรงแรมม่านรูดที่โรงแรมแถวนั้น ไปถึงเรื่องขนหัวลุกนะครับ!

เราไม่กล้ายุ่งเกี่ยวเพราะกลัวโรคร้าย เดี๋ยวเอดส์จะถามหาเปล่าๆ ราวห้าทุ่มเศษก็จ่ายเงินบึ่งรถกลับรังนอน เพราะรุ่งขึ้นต้องไปทำงานกันทั้งคู่

ลมดึกปะทะหน้าตาอู้ๆ ยังดีที่เราสวมหมวกนิรภัยเรียบร้อย จนกระทั่งใกล้จะถึงจุดหมายอยู่รอมร่อเมื่อเห็นโครงโฮปเวลล์ตั้งทะมึน น่าเกลียดน่ากลัวทั้งสองฝั่งทางรถไฟ...มองเห็นทางข้ามรางรถไฟอยู่ซ้ายมือ พอดีรู้สึกอ้อมแขนของไอ้โก้รัดเอวผมแน่นผิดปกติ พลางส่งเสียงกระเส่าอยู่ข้างหู

'ไอ้ต้น ไอ้ต้น กูเห็นอะไรไม่รู้บนโฮปเวลล์น่ะ...'

'ไอ้บ้า! เห็นอะไรวะ?' ผมหัวเราะเมื่อพารถข้ามทางรถไฟแล้วเลี้ยวขวา


'คนนั่งห้อยขาอยู่บนนั้นว่ะ...หรือจะฆ่าตัวตาย' เสียงไอ้โก้เหมือนคนไข้หนัก 'เฮ้ย! ทางฝั่งนี้ก็มี ไม่เชื่อมึงก็เงยหน้าขึ้นมองซี'

ผมโคลงหัว ตอนนั้นรถชะลอลงแล้ว เลยเงยหน้าขึ้นมองโดยไม่ได้ตั้งใจก่อนจะเย็นวาบไปทั้งตัว ร่างดำเมื่อมของชายหนึ่งนั่งห้อยขาอยู่บนนั้นจริงๆ แต่ขาทั้งสองข้างของมันห้อยยาวลงมาเป็นวา...หลุดปากร้องเฮ้ย! รถเป๋ไปจนเกือบล้มคว่ำไม่ใช่ปีศาจสุดเฮี้ยนแล้วจะเป็นอะไรล่ะคุณ?

พอตั้งหลักได้ ผมตะบึงรถผ่านชุมชนภักดีไปยังสวนผักไม่คิดชีวิต ไอ้โก้กอดเอวผมแน่นจนถึงบ้านมัน...คืนนั้นต้องอาศัยนอนบ้านเพื่อน ขนหัวลุกไปนานเลยครับ! บรื๋ออออ....

ปีศาจสยองขวัญ

เครดิต :
เครดิต : เนื้อหาข่าว คุณภาพดี หนังสือพิมพ์ข่าวสด


ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์