ปีศาจสายน้ำ

"แก้ว" เล่าประสบการณ์ขนหัวลุกจากอำเภอวังชิ้น

พายุโซนร้อน "นกเตน" หรือ "นกกระ เต็น" ในภาษาไทย ถล่มทลายเวียดนามมาหนำใจแล้วก็บ่ายโฉมเข้าเมืองไทย แม้จะกลายเป็นดีเปรสชัน จนเหลือแค่หย่อมความกดอากาศต่ำ แต่ก็ยังไม่วายปล่อยพิษสงทิ้งท้าย!

บ้านช่องไร่นา สวนผักสวนผลไม้ ไม่ว่างภาคอีสาน ภาคเหนือ รวมทั้งภาคกลางก็พลอยย่อยยับไปด้วย

ปีก่อนว่าหนักแล้วแต่ปีนี้หนักกว่า ขนาดน้ำท่วมมิดหัว ถนนก็กลายเป็นคลองที่มีน้ำขุ่นคลั่กเจิ่งนอง 3-4 เมตร เห็นแล้วก็ขนลุกค่ะ!

บางแห่งน้ำท่วมมิดหลังคา บางแห่งผู้คนต้องตะเกียกตะกายหนีขึ้นไปอยู่ชั้นสองยังแทบเอาตัวไม่รอดเลยค่ะ เดือดร้อนรวมกันเป็นพันๆ ครอบครัวเหมือนตกนรกทั้งเป็น ของกินของใช้ขาดแคลนไปสารพัดอย่าง โดยเฉพาะน้ำกับอาหารที่ต้องชะเง้อรอคอยความช่วยเหลือจากทางการ กับองค์การกุศลต่างๆ ที่มาได้แต่ทางน้ำ

ผู้หญิงเดือดร้อนกว่าผู้ชายตรงที่ขาดของใช้สำคัญ จำเป็นที่สุดในรอบเดือนค่ะ

ที่อำเภอวังชิ้น จังหวัดแพร่ บ้านดิฉันน่ะ เกิดมาไม่เคยเห็นน้ำท่วมใหญ่ขนาดนี้ คนแก่กับเด็กๆ จมน้ำตายหลายราย เพราะน้ำป่าไหลทะลักเข้ามาตอนตี 1 ตี 2 ผู้คนตั้งหลักไม่ทันก็ถูกสายน้ำยมเชี่ยวกรากกลืนกินไปน่าอเนจ อนาถใจ

ตาล้วนกับยายผลกลายเป็นผีที่เพิ่งพบศพ เด็กน้อยอีก 3 คนก็หมดโอกาสเติบโตเป็นหนุ่มเป็นสาวอีกต่อไป

ลุงเอี่ยม-คนหาจิ้งหรีดขายยังสาบสูญไปใต้น้ำจนถึงเดี๋ยวนี้!

ถ้าจะว่าแกอุตริหาเรื่องก็คงไม่ยุติธรรมนะคะ ดิฉันว่า เพราะคนเราต้องทำมาหาเลี้ยงชีพตัวเอง ยิ่งมีหลายปากหลายท้องรออยู่ที่บ้าน เคยถนัดหากินอย่างไหนก็ต้องออกไปทำ ไม่มามัวเกี่ยงว่าฝนตก ฟ้าร้อง ฝนแล้งหรือหนาวนัก ร้อนนัก..ความหิวมันไม่ยอมรับรู้ด้วยนี่นา

แกพายเรือออกไปหาจับจิ้งหรีดตามโคกเนินที่น้ำท่วมไม่ถึง เป็นสัมมาชีพที่หาเลี้ยงลูกเมียมาสิบกว่าปีแล้ว..แต่แล้วก็สาบสูญไปเลย ชาวบ้านเห็นแต่เรือที่พลิกคว่ำลอยลิ่วๆ ผ่านไป จำได้ว่าเป็นเรือลุงเอี่ยมแน่นอน

แต่เจ้าของเรือคงเอาชีวิตไปเซ่นแม่น้ำยมเสียแล้ว!

บ้านอยู่ใกล้ๆ กัน เห็นพวกลูกเมียแกกอดกันร้องไห้แล้วอดตันหัวอกไม่ได้..อกเขาอกเรานะคะ ศพก็ไม่ได้พบ ไม่มีโอกาสประกอบพิธีกรรม ทำบุญอุทิศส่วนกุศลให้ผู้ตายตามประเพณี..ไม่ต้องนึกถึงว่าขาดเสาหลักของครัวไปแล้ว ลูกเมียที่ยังอยู่จะดิ้นรนต่อไปอย่างไร?

คุณพระช่วย! ไม่มี ใครคาดฝันว่าคืนต่อมา วิญญาณลุงเอี่ยมก็กลับมาทั้งๆ ที่แม่น้ำยมยังล้นฝั่ง เชี่ยวกรากไม่หยุดหย่อน...

เย็นนั้น พวกเรานั่งชะเง้ออยู่ที่หน้าต่างชั้นบน รอคอยน้ำดื่ม อาหาร ไม้ขีดไฟ เทียนไขมาตั้งแต่ตอนสายๆ มีเรือแจกของแวะมาหลายลำแต่ก็ยังไม่พอแจกจ่ายผู้คนนับร้อยนับพันที่เหลืออยู่แต่เพียงความหวังอย่างเดียว

ยิ่งฝนตกซ้ำลงมาอีก ความหวังที่เหลือก็ยิ่งริบหรี่ลงไปทุกที!

เมฆหนาทึบดำทะมึน แผ่กระจายเต็มฟ้า เหมือนกับนกปีศาจกางปีกชั่วร้ายของมันลงมาครอบคลุมน่าสยดสยอง ฟ้าคำรามครืนๆ สะท้านสะเทือนเข้าไปถึงหัวอกหัวใจของพวกเราทุกคน

จู่ๆ เสียงใครคนหนึ่งก็ตะโกนโหวกโหวยดังขึ้นมาจากแม่ยม..

"ตาเปี่ยมกลับมาแล้วโว้ย!"

ดิฉันกับพ่อแม่หันขวับ แทบไม่เชื่อตาตัวเองว่าภาพนั้นจะเป็นความจริงไปได้นอก จากจะเป็นภาพในความฝันเท่านั้นเอง!

..แม้ว่าจะไร้แสงแดดแต่ก็มีความสว่างของยามเย็น ทำให้พวกเรามองเห็นลุงเอี่ยมกำลังนั่งพายเรือเอ้อระเหยอยู่ใกล้ๆ ฝั่ง น่าแปลกที่เรือของแกไม่ถูกกระแสน้ำเชี่ยวกรากกระชากลิ่วๆ ออกไป เช่นเดียวกับกอสวะกับท่อนไม้น้อยใหญ่ที่หมุนคว้าง สะเปะสะปะอยู่ในสายน้ำพลุ่งพล่าน

"ตาเอี่ยม.." เสียงแม่ครางอยู่ใกล้ๆ หู "แกเรือล่มจมน้ำตายไปแล้วตั้งแต่วานนี้"

"แกคงรอดมาได้มั้ง?" พ่อว่า "เห็นแต่เรือคว่ำลอยน้ำไปเท่านั้นเอง แต่เอ๊ะ!" พ่อคงเพิ่งนึกอะไรขึ้นได้ "ตอนนี้แกนั่งเรืออยู่นี่นา.."

เสียงนั้นขาดหาย เมื่อลุงเอี่ยมหันมาโบกไม้โบกมือคล้ายจะทักทาย หรือกล่าวอำลา ก่อนที่เรือลำนั้นจะค่อยๆ เลือนรางจางหายไปต่อหน้าต่อตา ท่ามกลางเสียงลมพัดยอดไม้ซู่ซ่า ระคนกับเสียงคลื่นม้วนตัวไล่กันไม่หยุดหย่อน..ขนหัวลุกน่ะซีคะ! บรื๋อส์..




ปีศาจสายน้ำ

เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์