"หลานหมวย" เล่าเรื่องขนหัวลุกจากวัดอินทาราม
หนูเป็นเด็กวัดกลางค่ะ หรือวัดอินทาราม ที่มีรูปพระเจ้าตากสินทรงม้าอยู่เหนือประตู ก่อนถึงวัดกลางจะเป็นวัดเวฬุฬาชิน ถ้าเลยบ้านหนูไปคือวัดจันทราราม หนูถึงได้ยินพวกผู้ใหญ่ท่านเรียกว่าวัดกลางไงคะ
เรื่องนี้แปลกอย่างค่ะ เพราะพวกญาติๆ หนูแถวภาษีเจริญเขาบอกไม่ใช่หรอก พวกเขาเรียกวัดอินทารามว่าวัดใต้ หนูก็งงๆ ไม่รู้จะถามใครดี?
เมื่อก่อนนี้วัดอินทารามผีดุมากที่สุดเลยค่ะ!
หนูได้ยินเขาเล่ามาหลายคนแล้ว ไม่ว่าใครๆ พอเอ่ยถึงก็ทำท่าขนลุกขนพองกันทั้งนั้นแหละค่ะ เพราะมีประวัติว่าเขาเอาคนที่วางเพลิงเผาตลาดพลูมายิงเป้าที่หน้าวัดน่ะซีคะ มีตั้ง 2 คนแน่ะ เป็นพี่น้องหรือแซ่เดียวกันเสียด้วย
โอ้โฮ! พวกชาวบ้านอุ้มลูกจูงหลานแห่มาดูกันชนิดมืดฟ้ามัวดินเลยละค่ะ
ตำรวจทหารก็มากันเต็ม คอยกั้นไม่ให้คนล้ำเข้าไปในเขตประหาร
ทำไมทางการไม่ยิงเป้าในคุกบางขวางน่ะหรือคะ? เขาบอกว่าต้องยิงเป้าให้คนเห็นในที่สาธารณะ พวกโจรผู้ร้าย ปล้น ฆ่า ข่มขืน ค้ายาเสพติดและวางเพลิงจะได้เกรงกลัว ไม่กล้าก่อกรรมทำเข็ญให้พลเมืองดีต้องเดือดร้อนอีกต่อไป
อาจจะได้ผลนะคะ เพราะโจรผู้ร้ายยุคนั้นหัวหดไปตามๆ กัน!
ใครอยากใส่ทองเดินฉุยฉายก็ไม่ต้องกลัวโดนจี้ สาวๆ แส้ๆ เดินตามตรอกซอยกลางค่ำกลางคืนก็ไม่ต้องเหลียวซ้ายแลขวา หรือระแวงว่าจะมีคนโรคจิตมาข่มขืนฆ่า เรื่องไฟไหม้รับตรุษจีนก็เงียบหายไปหมด
ไม่เหมือนสมัยนี้นะคะ โจรผู้ร้ายชุกชุมยิ่งกว่าแมลงวันหน้ามะม่วงเสียอีก ไม่หวั่นกลัวกฎหมายบ้านเมืองซะเลย!
ไหนว่ายาบ้าลดลง หนูเห็นข่าวจับยาบ้าเป็นพันเป็นหมื่นเม็ดทุกวัน ทีละแสนเม็ดก็มี ทำท่าว่าจะปราบเท่าไหร่ก็ไม่หมด คงพอๆ กับบ่อนและหวยใต้ดินนั่นแหละนะคะ
อุ๊ย! ขอโทษค่ะ หนูกำลังจะเล่าเรื่องสยองขวัญแท้ๆ แต่กลับนอกเรื่องไปซะ ขอเล่าต่อตอนนักโทษประหารโดนยิงเป้า มีชาวบ้านแห่มาดูกันเป็นร้อยเลยค่ะ
ญาติมารับศพไปแล้ว แต่เศษเลือดเศษเนื้อยังกระจายเต็มกำแพงวัด มีรูกระสุนปืนด้วย พระเณรกับเด็กวัดต้องออกมาช่วยกันเช็ดล้าง ทำความสะอาดจนเหงื่อตกไปตามๆ กัน
วิญญาณสองดวงก็สิงสู่อยู่ที่นั่น!
แหม! ในวัดเองก็มีผีเยอะอยู่แล้ว ทั้งถนนด้านหน้ากับคลองด้านหลัง มีคนโดนผีหลอกตอนเดินเข้าวัดแล้วเลี้ยวขวาไปทางโบสถ์วิหารที่มีรูปปั้นพระเจ้าตากสิน เสียงร้องเอะอะโวยวาย ตามด้วยเสียงวิ่งคึ่กๆ ออกมาถึงหน้าวัดแน่ะค่ะ
ทีนี้ยังมีวิญญาณผีตายโหงมาประจำการอยู่หน้าวัดซะอีกด้วย!
โอย...อะไรจะสยองปานนั้นล่ะคะ? เป็นหนูละไม่กล้าอยู่หรอก แต่ก็มีร้านค้าหน้าวัดเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ เท่ากับมีคนเห็นผีตัวโชกเลือดเดินโงนเงนตอนดึกๆ แถวที่โดนประหารนั่นแหละค่ะ
บางคนขับรถผ่านมาเห็นเข้าเล่นเอาพุ่งออกข้างทาง ปางตายไปเลยก็มี!
ที่เคราะห์ร้ายมากก็คือลุงจัด คนแถวบ้านหนูขับรถกลับบ้านตอนกลางคืนน่ะซีคะ
สมัยนั้นยังเปล่าเปลี่ยวและน่าวังเวงใจอยู่มากๆ ลุงจัดเห็นใครยืนขวางถนนตรงหน้าวัดก็บีบแตรให้รู้ อ้าว? กลายเป็นร่างสองร่างเดินทื่อเข้ามาหา ยื่นแขนมาข้างหน้า...ถ้ากระโดดตุ๊บๆ ด้วยก็จะเหมือนผีในหนังจีนเลยค่ะ
แสงไฟหน้ารถส่องให้เห็นภาพนั้นเต็มตา!
สุดสยองเกินร้อย! หรือสำนวนวัยรุ่นต้องบอกว่า "จัดเต็ม จัดหนัก" ถึงจะเหมาะ นักโทษประหารคู่นั้นเองค่ะที่มาปรากฏกาย เลือดแดงฉานเต็มอก ลุงจัดจำได้แม่นยำเพราะแกก็ไปยืนดูตอนเขายิงเป้าเหมือนกัน
ลุงจัดเล่าว่าแกคนลุกซ่าไปทั้งตัว หลับตาปี๋เพราะความหวาดกลัวสุดขีดแทบจะช็อกตายคาที่
จำได้แต่ว่ากระทืบคันเร่งไม่รู้ตัว สองหูอื้ออึงแต่ได้ยินเสียงร้องโอ๊ย...รู้สึกเหมือนรถวิ่งทะลุก้อนน้ำแข็ง หนาวยะเยือก เย็นเฉียบจนสะท้านไปทั้งตัว ยอมรับว่าหัวใจยังไม่หยุดเต้นตอนนั้นก็ถือว่าเป็นบุญกุศลเหลือกำลังแล้ว
ต่อมามีคนเห็นผีหน้าวัดกันบ่อยๆ จนแทบจะชาชินกันไปหมด ก็เห็นบ่อยนี่คะ หลอกได้หลอกไป ไม่กลัวซะอย่าง! ปรากฏว่าวิญญาณผีตายโหงค่อยๆ หายไปในที่สุดค่ะ!
หนูเป็นเด็กวัดกลางค่ะ หรือวัดอินทาราม ที่มีรูปพระเจ้าตากสินทรงม้าอยู่เหนือประตู ก่อนถึงวัดกลางจะเป็นวัดเวฬุฬาชิน ถ้าเลยบ้านหนูไปคือวัดจันทราราม หนูถึงได้ยินพวกผู้ใหญ่ท่านเรียกว่าวัดกลางไงคะ
เรื่องนี้แปลกอย่างค่ะ เพราะพวกญาติๆ หนูแถวภาษีเจริญเขาบอกไม่ใช่หรอก พวกเขาเรียกวัดอินทารามว่าวัดใต้ หนูก็งงๆ ไม่รู้จะถามใครดี?
เมื่อก่อนนี้วัดอินทารามผีดุมากที่สุดเลยค่ะ!
หนูได้ยินเขาเล่ามาหลายคนแล้ว ไม่ว่าใครๆ พอเอ่ยถึงก็ทำท่าขนลุกขนพองกันทั้งนั้นแหละค่ะ เพราะมีประวัติว่าเขาเอาคนที่วางเพลิงเผาตลาดพลูมายิงเป้าที่หน้าวัดน่ะซีคะ มีตั้ง 2 คนแน่ะ เป็นพี่น้องหรือแซ่เดียวกันเสียด้วย
โอ้โฮ! พวกชาวบ้านอุ้มลูกจูงหลานแห่มาดูกันชนิดมืดฟ้ามัวดินเลยละค่ะ
ตำรวจทหารก็มากันเต็ม คอยกั้นไม่ให้คนล้ำเข้าไปในเขตประหาร
ทำไมทางการไม่ยิงเป้าในคุกบางขวางน่ะหรือคะ? เขาบอกว่าต้องยิงเป้าให้คนเห็นในที่สาธารณะ พวกโจรผู้ร้าย ปล้น ฆ่า ข่มขืน ค้ายาเสพติดและวางเพลิงจะได้เกรงกลัว ไม่กล้าก่อกรรมทำเข็ญให้พลเมืองดีต้องเดือดร้อนอีกต่อไป
อาจจะได้ผลนะคะ เพราะโจรผู้ร้ายยุคนั้นหัวหดไปตามๆ กัน!
ใครอยากใส่ทองเดินฉุยฉายก็ไม่ต้องกลัวโดนจี้ สาวๆ แส้ๆ เดินตามตรอกซอยกลางค่ำกลางคืนก็ไม่ต้องเหลียวซ้ายแลขวา หรือระแวงว่าจะมีคนโรคจิตมาข่มขืนฆ่า เรื่องไฟไหม้รับตรุษจีนก็เงียบหายไปหมด
ไม่เหมือนสมัยนี้นะคะ โจรผู้ร้ายชุกชุมยิ่งกว่าแมลงวันหน้ามะม่วงเสียอีก ไม่หวั่นกลัวกฎหมายบ้านเมืองซะเลย!
ไหนว่ายาบ้าลดลง หนูเห็นข่าวจับยาบ้าเป็นพันเป็นหมื่นเม็ดทุกวัน ทีละแสนเม็ดก็มี ทำท่าว่าจะปราบเท่าไหร่ก็ไม่หมด คงพอๆ กับบ่อนและหวยใต้ดินนั่นแหละนะคะ
อุ๊ย! ขอโทษค่ะ หนูกำลังจะเล่าเรื่องสยองขวัญแท้ๆ แต่กลับนอกเรื่องไปซะ ขอเล่าต่อตอนนักโทษประหารโดนยิงเป้า มีชาวบ้านแห่มาดูกันเป็นร้อยเลยค่ะ
ญาติมารับศพไปแล้ว แต่เศษเลือดเศษเนื้อยังกระจายเต็มกำแพงวัด มีรูกระสุนปืนด้วย พระเณรกับเด็กวัดต้องออกมาช่วยกันเช็ดล้าง ทำความสะอาดจนเหงื่อตกไปตามๆ กัน
วิญญาณสองดวงก็สิงสู่อยู่ที่นั่น!
แหม! ในวัดเองก็มีผีเยอะอยู่แล้ว ทั้งถนนด้านหน้ากับคลองด้านหลัง มีคนโดนผีหลอกตอนเดินเข้าวัดแล้วเลี้ยวขวาไปทางโบสถ์วิหารที่มีรูปปั้นพระเจ้าตากสิน เสียงร้องเอะอะโวยวาย ตามด้วยเสียงวิ่งคึ่กๆ ออกมาถึงหน้าวัดแน่ะค่ะ
ทีนี้ยังมีวิญญาณผีตายโหงมาประจำการอยู่หน้าวัดซะอีกด้วย!
โอย...อะไรจะสยองปานนั้นล่ะคะ? เป็นหนูละไม่กล้าอยู่หรอก แต่ก็มีร้านค้าหน้าวัดเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ เท่ากับมีคนเห็นผีตัวโชกเลือดเดินโงนเงนตอนดึกๆ แถวที่โดนประหารนั่นแหละค่ะ
บางคนขับรถผ่านมาเห็นเข้าเล่นเอาพุ่งออกข้างทาง ปางตายไปเลยก็มี!
ที่เคราะห์ร้ายมากก็คือลุงจัด คนแถวบ้านหนูขับรถกลับบ้านตอนกลางคืนน่ะซีคะ
สมัยนั้นยังเปล่าเปลี่ยวและน่าวังเวงใจอยู่มากๆ ลุงจัดเห็นใครยืนขวางถนนตรงหน้าวัดก็บีบแตรให้รู้ อ้าว? กลายเป็นร่างสองร่างเดินทื่อเข้ามาหา ยื่นแขนมาข้างหน้า...ถ้ากระโดดตุ๊บๆ ด้วยก็จะเหมือนผีในหนังจีนเลยค่ะ
แสงไฟหน้ารถส่องให้เห็นภาพนั้นเต็มตา!
สุดสยองเกินร้อย! หรือสำนวนวัยรุ่นต้องบอกว่า "จัดเต็ม จัดหนัก" ถึงจะเหมาะ นักโทษประหารคู่นั้นเองค่ะที่มาปรากฏกาย เลือดแดงฉานเต็มอก ลุงจัดจำได้แม่นยำเพราะแกก็ไปยืนดูตอนเขายิงเป้าเหมือนกัน
ลุงจัดเล่าว่าแกคนลุกซ่าไปทั้งตัว หลับตาปี๋เพราะความหวาดกลัวสุดขีดแทบจะช็อกตายคาที่
จำได้แต่ว่ากระทืบคันเร่งไม่รู้ตัว สองหูอื้ออึงแต่ได้ยินเสียงร้องโอ๊ย...รู้สึกเหมือนรถวิ่งทะลุก้อนน้ำแข็ง หนาวยะเยือก เย็นเฉียบจนสะท้านไปทั้งตัว ยอมรับว่าหัวใจยังไม่หยุดเต้นตอนนั้นก็ถือว่าเป็นบุญกุศลเหลือกำลังแล้ว
ต่อมามีคนเห็นผีหน้าวัดกันบ่อยๆ จนแทบจะชาชินกันไปหมด ก็เห็นบ่อยนี่คะ หลอกได้หลอกไป ไม่กลัวซะอย่าง! ปรากฏว่าวิญญาณผีตายโหงค่อยๆ หายไปในที่สุดค่ะ!
กระทู้ร้อนแรงที่สุดของวันนี้
กระทู้ล่าสุด
รูปเด่นน่าดูที่สุดของวันนี้
