รถผีสิง

'แต้ว' เล่าประสบการณ์ขนหัวลุกจากรถมือสอง

พ่อของฉันซื้อรถมือสองมาขับ แน่ะ! คุณๆ คงจะเดากันแล้วล่ะซิว่ามันต้องมีผีสิงไม่งั้นฉันจะเอามาเล่าทำไม?

ฉันก็ไม่รู้ว่าจะเรียกมันว่าอะไรเหมือนกัน มันอาจจะเป็นผีหรือพลังงานที่ร้ายกาจจากนรกขุมไหนสักขุมที่ผุดขึ้นมาก่อกรรมทำเข็ญ ฉันไม่อาจรู้ได้ รู้แต่ว่าครั้งแรกที่เห็นรถคันนี้ฉันก็หนาวเยือกไปทั้งตัว ทั้งๆ ที่เป็นเดือนเมษายนที่มันร้อนสุดๆ

มันเป็นรถยุโรปสี่ประตูสีน้ำเงินเข้มเกือบดำ ตัวถังหนาแข็งแกร่ง ภายในกว้างขวางนั่งสบายเหมาะสมกับครอบครัวเราที่มี พ่อแม่และลูกสองคน คือฉันกับน้องชาย ซึ่งยังเรียนอยู่มัธยมต้นทั้งคู่ อ้อ! แถมเจ้าลูกอม หมาพันธุ์ชิสุ-น่ารักเป็นบ้าเป็นหลังอีกหนึ่งตัวเล็กๆ

ตอนที่พ่อขับรถเข้าบ้านน่ะ ฟ้ามืดลงทันใดเหมือนมีเมฆฝนลอยมาบังดวงอาทิตย์ แต่เอ...ฉันมองขึ้นไปท้องฟ้าก็แจ่มแจ๋วดีนี่นา ตอนนั้นราวบ่ายสองโมงที่ร้อนอบอ้าวน่าดู ฉันกับต๋องน้องชายวัยสิบสองยืนมองอยู่ตรงหน้าบ้าน มีลูกอมมาจ้องกับเขาด้วย

พอรถแล่นเข้ามา ลูกอมถอยหลังและส่งเสียงขู่เบาๆ พริบตาเดียวมันก็วิ่งปรู๊ดหายเข้าบ้านไปเลย ส่วนฉันกับต๋องยังยืนอยู่ที่เดิมจนพ่อจอดรถเรียบร้อยแล้วลงมายิ้มอย่างภูมิใจ

รถคันนี้ยังดูใหม่เอี่ยม ราคาก็ไม่แพง ไม่ต้องเอามาซ่อมหรือแต่งอะไรเลย แต่แทนที่จะชอบใจ ฉันกลับอึดอัดพิกล ยิ่งตอนเข้าไปลองนั่งฉันก็ยิ่งไม่สบายใจโดยไม่มีสาเหตุอะไรทั้งนั้น...ฉันว่ารถคันนี้มันมีชีวิต! ถ้าเทียบเป็นคนนะ มันไม่น่าคบเลยละ มันดูเจ้าเล่ห์เหี้ยมเกรียมถึงขั้นฆาตกรยังไงยังงั้นเชียว!

อย่าหัวเราะซิคะ ฉันสัมผัสได้อย่างนั้นจริงๆ

เดี๋ยวคุณจะรู้ว่าฉันคิดไม่ผิด!!


เย็นวันนั้น พ่อบอกให้เราขึ้นรถ พ่อจะพาไปกินข้าวข้างนอก แม่นั่งคู่พ่อซึ่งเป็นคนขับ ฉันนั่งข้างหลังพ่อและต๋องนั่งข้างหลังแม่ เจ้าลูกอมอยู่บ้านกับตุ่น สาวใช้

ทันทีที่ตุ่นเปิดประตูใหญ่ รถก็ทะยานออกไป มีแมวดำวิ่งตัดหน้าเห็นชัดๆ แมวดำตัวโต ตาวาววาบๆ แม่ร้องอุทานเสียงหลง พ่อเบรกตัวโก่งแต่ไม่ทันการณ์...เชื่อไหมคะ ล้อหน้าของรถทับหัวแมวดังโพละ! ไม่น่าเป็นไปได้ คุณก็รู้ว่าแมวมันวิ่งเร็วจะตาย แย่จัง...ฤกษ์ไม่ดีซะแล้ว!

เราจอดรถลงมาดูแมว ภาพที่เห็นมันสยองมาก เลือดเต็มไปหมด มันกระจายอยู่พื้นถนนตรงล้อรถ ฉันหันกลับไปมองและเห็นว่าหน้ารถมันเหมือนหน้าปีศาจ ตาลุกโพลงสองข้าง กระจังหน้าและกันชนนั้นฉันเห็นเป็นปากที่แสยะยิ้ม!

อีก 2-3 วันต่อมา เราไปพิษณุโลกเพื่อกราบคุณปู่คุณย่าวันสงกรานต์...

เราเดินทางตอนกลางคืน มีแม่นั่งคู่กับพ่อและต๋องนั่งหลังแม่ ฉันนั่งหลังพ่อเหมือนเดิม คราวนี้มีลูกอมนอนอยู่ตรงกลางระหว่างฉันกับต๋อง มันทำท่าเหมือนกลัวอะไรบางอย่าง...หมอบนิ่งแต่ดวงตาส่ายไปมา แล้วอยู่ดีๆ มันก็คลานขึ้นมาบนตักฉัน

'เหมียว...' เสียงแมวร้องลากยาว เราได้ยินกันทุกคน มันดังอยู่ในรถเรานี่แหละแอร์ก็หนาวเยือกลงกะทันหัน!

ทันใดนั้น พ่อของฉันมีอาการแปลกไป ไม่เหมือนคนเดิม...คนที่ขับรถดี ใจเย็น ระมัดระวังเรื่องความปลอดภัยเสมอมา แต่ตอนนี้พ่อฮึดฮัด ถอนใจเหมือนโมโหอะไรสักอย่าง มือกำพวงมาลัยแน่นและเหยียบคันเร่งปาดซ้ายปาดขวา แซงคันแล้วคันเล่าอย่างน่ากลัว...แม่เอ็ดตะโรให้พ่อหยุด แต่ดวงตาพ่อจ้องเขม็งไปข้างหน้า เกร็งไปทั้งตัวเหมือนอยากกินเลือดกินเนื้อใคร สักคน

เจ้าลูกอมตัวสั่นเหมือนฉันกับน้องชาย แม่นึกยังไงไม่รู้ ถอดสร้อยพระของแม่ไปคล้องคอพ่ออย่างฉับไว รถไถลไปตรงไหล่ทางแล้วจอดสนิท

พ่อบอกว่าหน้ามืดไปเฉยๆ และกึ่งรู้ตัวกึ่งไม่รู้ตัว ไม่เคยเป็นอย่างนี้เลย แม่บอกให้พ่อตั้งสติดีๆ อย่าถอดพระ ค่อยๆ ประคองไปเรื่อยๆ พ่อทำตาม แต่พวกเราใจไม่ดีเลยค่ะ...ฉันกลัวแทบร้องไห้

อย่างไรก็ตาม เรามาถึงบ้านคุณปู่คุณย่าอย่างปลอด ภัย เราคุยกันถึงเรื่องรถด้วย ปรากฏว่าก็คิดเช่นเดียวกับฉัน ว่ารถคันนี้มันยังไงก็ไม่รู้

คุณย่าพาเราไปวัดที่รู้จักมักคุ้นกันอย่างดี และขอให้พระท่านช่วยพรมน้ำมนต์ ปัดรังควาน คนแก่ในวัดคนหนึ่งที่นั่งทางในได้ บอกกับเราว่ารถคันนี้เคยชนคนตาย...เป็นรถที่มีพลังในด้านมืด!

เมื่อเรากลับกรุงเทพฯ พ่อก็บอกเราว่าไม่ไหวแล้ว ไม่สบายใจ...ในที่สุดก็จัดการขายรถคืน และฉันกับน้องก็ใช้บริการรถเมล์กันตามเคย เราไม่รู้สึกลำบากเลยสักนิด โล่งใจด้วยซ้ำ...ถึงยังไงก็ยังดีกว่ามีรถผีสิงอยู่ในบ้าน จริงมั้ยคะ?

รถผีสิง

เครดิต :
เครดิต : เนื้อหาข่าว คุณภาพดี หนังสือพิมพ์ข่าวสด


ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์