สนธยาสยอง

"รตานรี" เล่าประสบการณ์ขนหัวลุกจากนางกวักโคนต้นตะเคียน

ดิฉันอยู่แถวสี่แยกพิชัย ราวกึ่งทางระหว่างศรีย่านกับราชวัตร ป้าศรีแม่ครัวบอกว่าตลาดศรีย่านมีของขายมากกว่า แต่น้าตองที่ทำหน้าที่แม่บ้านยืนยันว่ายังสู้ตลาดราชวัตรไม่ได้บางทีถึงกับเถียงกันหน้าดำหน้าแดงไปเลย

ครอบครัวเราอยู่กันหลายคน มีทั้งพ่อแม่ที่เกษียณแล้ว พี่ชายกับพี่สะใภ้และลูกๆ ที่ซนไม่แพ้ลิงอีกสามคน น้องสาวที่เพิ่งเรียนจบ และดิฉันที่ทำงานถึงกล้วยน้ำไทโน่นแน่ะค่ะ

ปัญหาคือพ่อแม่สุขภาพไม่ดีด้วยกันทั้งคู่ คนเราพอแก่ตัวเข้าก็เหมือนแม่เหล็กที่ดึงดูดโรคภัยสารพัดชนิดเข้ามาหา หลายๆ คนก็เป็นมากจนเหลือเชื่อ!

เบาหวานกับหัวใจเป็นมากที่สุด รองลงมาก็โรคตับ โรคไต ความดันโลหิตสูง ไขข้ออักเสบ วิงเวียนมืดหน้าตาลาย ร่างกายอ่อนแอ เพลียง่าย พ่อดิฉันหงุดหงิดกับโรคเรื้อรังต่างๆ ที่รุมเร้ามากขึ้นทุกที ถึงกับปลงอยู่บ่อยๆ

"คนแก่น่ะอย่าว่าแต่คนอื่นเขาจะรำคาญเลย ขนาดตัวเองแท้ๆ ยังรังเกียจตัวเองนี่นา! เฮ้อ..."

ตอนที่ยังเป็นหนุ่มเป็นสาวมักจะไม่ค่อยดูแลตัวเองหรอกค่ะ ปล่อยตัวตามสบายอยากกินอะไรก็กินเต็มที่ ตามใจปากลิ้นมาตลอด พอแก่ตัวนี่ซีคะ เป็นนั่นเป็นนี่แทบไม่หยุดหย่อน ขนาดเคยเป็นหวัดสองวันหาย ต่อมาเป็นอาทิตย์ จนถึงครึ่งเดือนยังไม่ค่อยจะหายเลย

คราวนี้หันมาดูแลสุขภาพเป็นการใหญ่ ละเว้นของมัน อาหารทอด หมั่นออกกำลังกาย กินผักเป็นยาพอรู้ว่าสมัยใหม่มีสารเคมีตกค้างในร่างกายก็หันมากินสมุนไพรแทน

เมื่อเดือนตุลาคม พ่อกับแม่เป็นหวัดงอมแงมทั้งคู่ ต่างคนต่างเชื่อมั่นว่าติดมาจากอีกฝ่ายหนึ่ง... เหมือนเด็กๆ ค่ะ กินยาขมก็แล้ว ฟ้าทลายโจรก็แล้ว ดื่มน้ำอุ่นกับนอนพักมากๆ...ขนาดนั้นยังนอนซมอยู่เกือบเดือนกว่าจะทุเลา

คราวนี้พ่อแม่ก็นึกขึ้นได้ว่าต้องกินใบแคกับดอกแคมากๆ เพื่อป้องกันไข้หัวลม!

คือระหว่างปลายฝนต้นหนาวนี่มีคนเจ็บไข้ได้ป่วยกันมาก เพราะอากาศเปลี่ยนไปกะทันหัน เชื่อกันมาตั้งแต่โบร่ำโบราณแล้วว่าใบแคกับดอกแคมีสรรพคุณชะงัดนัก ไม่ว่าจะเอาดอกมาแกงส้ม หรือทั้งดอกและใบต้มจิ้มน้ำพริก ล้วนแต่มีประโยชน์ล้นเหลือทั้งนั้นแหละ

ป้าศรีมีหน้าที่ไปหาซื้อที่ตลาดศรีย่าน ถ้าน้องตองไปตลาดก็จะเลี้ยวซ้ายไปราชวัตรได้กินแกงส้มดอกแค กับใบแคจิ้มน้ำพริกกะปิน้ำพริกปลาร้าแทบทุกวัน

วันหนึ่ง ดิฉันกลับมาถึงบ้านเย็นมากแล้ว... กำลังเกิดปัญหาเพราะป้าศรีบอกว่าทั้งตลาดหาดอกแคใบแคไม่ได้เลย น้าตองบ่นอุบอิบว่าไปราชวัตรล่ะก็มีแน่ พ่อแม่ถอนใจมองสบตากัน...เราน่าจะปลูกต้นแคไว้ซัก 2-3 ต้นนะ

ดิฉันเลยบอกว่าจะรีบบึ่งไปหาซื้อที่ตลาดราชวัตรให้เดี๋ยวนี้เลย!

ไม่เกินสิบนาทีก็เลี้ยวรถเข้าไปจอดเกือบถึงหลังตลาด จ้ำอ้าวเข้าไปดูตามแผงขายผักตั้งแต่ล็อกแรกจนถึงล็อกสองล็อกสาม ก็มีแต่ผักคะน้า, กวางตุ้ง, ถั่วฝักยาว, ผักบุ้ง, ผักชี้, ต้นหอม...ขิงข่าตะไคร้ใบมะกรูดที่มัดขายเป็นกำๆ แต่มองไม่เห็นดอกแคกับใบแคแม้แต่เจ้าเดียว

เดินผ่านแผงขายผลไม้ อ้อมลานกว้างหลังตึกแถวที่ปูเสื่อพลาสติกขายเสื้อผ้าและของใช้กระจุกกระจิกไปยันนาฬิกาปลุก, ไฟฉาย, ซองใส่มือถือ, เครื่องคิดเลข ฯลฯ ไปจนถึงแผงขายขนมริมทางเข้าตลาด...ใกล้จะหมดหวังไปทุกที

พ่อค้าแม่ค้าก็ชักจะเก็บแผงกันแล้วซีคะ ดิฉันเลยเดินไปทางแผงสุดท้ายหลังตลาดที่เริ่มจะมืดครึ้มรวดเร็ว...มองเห็นต้นไม้ใหญ่ๆ สาม ต้นโดดเด่นอยู่ในม่านตาติดกับกำแพง

ซ้ายกับขวาคือต้นโพธิ์ใหญ่ แต่ต้นกลางไม่ทราบว่าชื่ออะไรอยู่ใกล้ๆ กับต้นโพธิ์ทางซ้ายมือ...มีพระพุทธรูปจำลอง 2-3 องค์ตั้งอยู่ที่โคนต้นโพธิ์...ขณะนั้นเหมือนดิฉันยืนอยู่โดดเดี่ยวใต้ต้นไม้ใหญ่ที่ยืนทะมึนน่าวังเวงใจ

แสงสว่างเรื่อเรืองขึ้นมาทางขวามือ หันไปมองก็เห็นผู้หญิงสาวในชุดรำไทย หน้าขาว ผมยาว ปากแดงสด กำลังยิ้มละไมอยู่ที่โคนต้นไม้พลางบอกเสียงวู่หวิว...ต้นตะเคียนจ้ะ!

อ๋อ...ดิฉันพยักหน้า แต่นึกได้ว่านางละครที่ไหนจะมายืนอยู่ใต้ต้นไม้ยามโพล้เพล้แบบนี้ ยกมือขยี้ตามองให้แน่ใจ...หายไปแล้วค่ะ! เหลือแต่นางกวักที่เหมือนนางละครกำลังนั่งกวักมืออยู่ที่โคนตะเคียนนั่นเอง

เสียงหัวเราะแหลมเล็กดังมาจากยอดไม้ ตามด้วยเสียงสะบัดใบซู่ซ่าเกรียวกราวเล่นเอาดิฉันจ้ำอ้าวไปที่รถ ไขกุญแจมือไม้สั่น... หันไปมองอีกทีก็เห็นนางละครคนเดิม หรือนางกวักตัวเล็กๆ ก็ไม่ทราบที่ลุกมารำป้ออยู่ในแสงสุดท้ายของกลางวันที่ต่อเนื่องกับรัตติกาล

สนธยาไงคะ! นอกจากจะไม่ได้ดอกแคกับใบแคตามที่ต้องการ ดิฉันยังหลุดเข้าไปสู่แดนสนธยาที่น่าขนหัวลุกโดยไม่รู้เนื้อรู้ตัวค่ะ!



สนธยาสยอง

เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์