หลอนสุดขีด

"นิศานาถ" เล่าประสบการณ์ขนหัวลุกของคนขี้ลืม

ดิฉันมีเพื่อนข้างห้องที่เป็นโรคขี้หลงขี้ลืมอย่างร้ายกาจ และเพราะโรคเจ้ากรรมนี้เองค่ะที่ทำให้เกิดเรื่องสยองขวัญอย่างแทบจะเป็นไปไม่ได้

ไม่ต้องคิดไปไกลถึงคนที่เป็นโรคอัลไซเมอร์ หรือคนชราที่นับวันก็ยิ่งเป็นโรคขี้หลงขี้ลืมตามอายุขัยมากขึ้นทุกที อย่างที่พูดกันติดปากว่า "หลงๆ ลืมๆ ตามประสาคนแก่" เพียงแค่เอ่ยถึงคนที่ยังอยู่ในวัยหนุ่มสาวนี่ก็พอค่ะ

ทุกคนย่อมเคยรู้จักคนขี้ลืมกันทั้งนั้น และทุกคนที่ยอมรับความจริงก็ต้องพบว่าตัวเองเคยเป็นคนขี้ลืม จะมีข้อแตกต่างกันตรงที่มีอาการมากหรือน้อยเท่านั้นแหละ

ตั้งแต่วางของใช้ เช่น ปากกาหรือแว่นตาไว้แล้วจำไม่ได้ว่าวางไว้ที่ไหน

ลืมกุญแจบ้าน ลืมกุญแจรถ กระทั่งลืมกุญแจไว้ในรถที่ล็อกเรียบร้อยแล้ว!

จำไม่ได้ว่าปิดไฟ ปิดแก๊สไว้หรือเปล่า? หลายๆ ครั้งถึงกับต้องย้อนกลับไปดูให้รู้แน่ ไม่งั้นก็ไม่สบายใจ กลัวจะเกิดอุบัติเหตุ จนถึงเข้าห้องนอนแล้วนึกไม่ออกว่าใส่กลอนหรือล็อกประตูเรียบร้อยหรือยัง?

ลืมลูกเล็กๆ ไว้ในรถประจำทาง แม้แต่ในรถแท็กซี่ก็เคยเป็นข่าวหลายครั้ง

ขนาดจะเดินทางไปต่างประเทศ พอถึงสนามบินแล้วเพิ่งนึกได้ว่าไม่ได้นำหนังสือเดินทางมาด้วยก็มี นี่คะ!

"เปิ้ล" เป็นเพื่อนข้างห้องเช่าที่ดินแดงนี่เอง นิสัยเราตรงกันตรงที่ชอบอยู่คนเดียว ไม่อยากชวนใครมาเป็นเพื่อนเพื่อแชร์ค่าห้อง ถือว่ารักอิสรเสรีเหนืออื่นใด...แต่สิ่งที่แตกต่างกันสุดขั้วก็คือเปิ้ลเป็นโรคขี้หลงขี้ลืมขนาดหนัก ตอนที่รู้จักกันใหม่ๆ ยังคิดว่าเธอแกล้งทำด้วยซ้ำ

เดี๋ยวลืมกุญแจห้อง เดี๋ยวลืมกุญแจรถ เดี๋ยวลืมกระเป๋าสตางค์...ทั้งในห้องและที่ทำงาน เดี๋ยวลืมรหัส เอทีเอ็ม เดี๋ยวลืมว่ารุ่งขึ้นเป็นวันหยุด เดี๋ยวลืมว่านัดกับเพื่อนที่ศูนย์การค้าจนเพื่อนโทร.มาต่อว่าขณะที่เปิ้ลเข้ามานั่งคุยจ๋อยๆ อยู่ในห้องดิฉัน แต่ไม่มีใครถือโกรธมากมายอะไรเพราะรู้นิสัยขี้ลืมของเธอดี

"ขวัญ" เพื่อนสนิทคนหนึ่งถึงกับแซวว่า...นี่เปิ้ล! ฉันว่าเธอเขียนชื่อแขวนคอไว้ดีกว่าว่ะ เผื่อเกิดลืมว่าตัวเองชื่ออะไรจะได้ดูป้ายไงล่ะ!

เปิ้ลได้แต่ยิ้มแหยๆ ดูแล้วก็น่าสงสาร เพราะวันนั้นขวัญมาค้างที่ห้องเปิ้ล หาซื้ออะไรมากินกันสามคน พูดคุยปากกว้างเรื่อยเปื่อยไปเรื่อยๆ แต่ขวัญแซวซะจนดิฉันอดสงสารเปิ้ลไม่ได้...เราแนะนำให้เธอไปหาหมอเพื่อปรึกษาโรคลืมฉกาจฉกรรจ์ แต่เปิ้ลกลับค้อนควักให้

"จะบ้าเรอะ? จู่ๆ จะให้ฉันไปหาจิตแพทย์ เดี๋ยวใครก็นึกว่าฉันเป็นบ้าน่ะซี!"

ต้องยอมรับว่าคนไทยเรายังแยกไม่ออกหรอกค่ะ ทำให้คนที่มีปัญหาทางอารมณ์หรือจิตใจที่อาจรักษาได้ แต่ไม่กล้าไปพบจิตแพทย์เป็นส่วนใหญ่

จนกระทั่งวันหนึ่งก็เกิดเหตุร้าย เมื่อขวัญโดนรถเก๋งชนตายคาที่หน้าบริษัทที่สีลมนั่นเอง ขณะรีบร้อนจะออกไปหาอาหารกลางวันกินกับเพื่อนๆ แต่เธอเคราะห์ร้ายเพียงคนเดียว!

เปิ้ลร้องห่มร้องไห้จนนัยน์ตาบวม เล่าว่าวันนั้นเธอไปกับเพื่อนอีกกลุ่มหนึ่ง ทั้งที่ส่วนมากจะไปกับขวัญ...พวกเราไม่มีโอกาสได้ไปงานศพเธอ เพราะญาติๆ จากภาคเหนือมารับศพไปบำเพ็ญกุศลที่บ้านเกิด

ความตายอาจจะเป็นการเปลี่ยนภพเปลี่ยนชาติ หรือไม่ก็เป็นการสาบสูญไปเลยตามความเชื่อของคนบางกลุ่มก็ได้ค่ะ เพราะไม่มีวี่แววว่าใครจะพบเห็น หรือฝันถึงเธอเลยแม้แต่คนเดียว

จนกระทั่งวันเสาร์ถัดมา...

ขณะที่ดิฉันนอนตื่นสายจนตะวันโด่ง เพราะไม่ต้องรีบไปทำงานตามปกติ หลังจากทำธุระส่วนตัวแล้วก็ออกมาชงกาแฟ เปิดทีวีดูข่าว...เสียงเคาะประตูก็ดังขึ้น

เปิ้ลก้าวเข้ามาดูข่าวนิดหน่อย แล้วเหลียวซ้ายแลขวา ก่อนจะถามโพล่ง...ไอ้ขวัญล่ะ? หายไปไหน? เข้าห้องน้ำเหรอ? เล่นเอาดิฉันงุนงงไปพักหนึ่ง...ขวัญไหน? เปิ้ลก็มองเหมือนจะค้อนให้

"ยังจะแกล้งถามอีก ก็ไอ้ขวัญเพื่อนเปิ้ลไง! เมื่อคืนมันมานอนด้วย เม้าธ์กันจนดึก แต่ตื่นเช้ามานี่ไม่รู้ว่าหายไปไหน...เลยนึกว่ามาคุยที่ห้องเธอน่ะซี!"

ดิฉันยอมรับว่าตกใจจนตัวแข็งทื่อ อ้าปากค้าง ขนลุกเกรียวไปทั้งตัว จ้องหน้าเปิ้ลก่อนจะหลุดปากแบบโพล่งออกมาว่า...ขวัญตายไปตั้งหลายวันแล้ว จะมานอนค้างกับเธอได้ยังไง?

เท่านั้นแหละค่ะ เปิ้ลก็เบิกตากว้าง กรีดร้องสุดเสียง ก่อนจะเป็นลมล้มฮวบลงกองกับพื้น...อยู่ดีๆ นิสัยขี้หลงขี้ลืมของเธอ จำไม่ได้ว่าเพื่อนตายไปแล้ว ก็ทำให้ดิฉันหวิดจะหัวใจวายไปเลย...ขนหัวลุกค่ะ!

หลอนสุดขีด

เครดิต :
เครดิต : เนื้อหาข่าว คุณภาพดี หนังสือพิมพ์ข่าวสด


ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์