เรื่องราวหลอนๆ ปนความห่วงใยของแม่ แม้แม่จากไปเป็นปีแล้ว

เรื่องนี้เป็นเรื่องจริงที่เกิดขึ้น ตั้งแต่แม่ของฉันเสียไป ขอแทนตัวเองว่า เรา นะคะ คือแม่เราเสียไปตั้งแต่ปี 53 จากเส้นเลือดสมองแตกค่ะ ก่อนที่แม่จะเสีย เรากับครอบครัวได้ไปทำบุญที่ต่างจังหวัดกัน ในเวลาที่เดินทางอยู่ในรถ แม่จะพูดถึงแต่เรื่องความตาย เดี๋ยวพูดนั่นเดียวพูดนี่ พูดแต่เรื่องตาย เหมือนผีเจาะปากมาพูด จนเรากับพ่อโมโห ทำไมแม่ต้องพูดแบบนี้ พูดตลอดทาง จนขากลับ แม่เลิกพูด แต่ดูแล้วเปลี่ยนไปเป็นคนละคน
 
แม่เงียบไม่พูดไม่จากับใครจน มาถึงกรุงเทพประมานเที่ยงคืน แม่ก็เข้าทำงานเลย บ้านของเราเป็นรีสอร์ท ซึ่งญาติได้สร้างไว้ พอถึงแม่ก็เป็นเสื้อผ้า เข้าทำงานที่เค้าเตอร์แบบเดิม เราก็กกลังจะอาบน้ำนอน อยู่ๆ พี่ชายก็วิ่งมาหา แล้วบอกว่า ” ไปดูแม่มึงเร็ว แม่มึงเป็นลมแล้ว ” เราก็รีบวิ่งไปดู พอไปถึงแม่เป็นลมล้มลง อาเจียรออกมาด้วย เลยรีบพาแม่ส่งโรงพยาบาล สักครู่นึง หมอบอกว่า แม่มีเส้นเลือดในสมองแตก ต้องผ่าตัดด่วน ก็ได้ผ่าเลยค่ะ สักประมานตี 2 เรากลับบ้าน พ่อรอดูแม่อยู่ที่โรงพยาบาล จนเช้ารุ่งขึ้น อาได้มาเคาะห้อง บอกว่าให้รีบไปหาแม่ โดยไม่มีใครบอกเรากับสิ่งที่เกิดขึ้นหลังจากเรากลับจากโรงพยาบาลเมื่อคืน พอเราขึ้นแท็กซี่ นั่งบนรถได้สักพัก พ่อก็โทรมาหาเราแล้วบอกว่า ” รีบมานะ แม่ไม่ไหวแล้ว ” เรานั่งอยู่บนแท็กซี่ก็กลั้นน้ำตาไว้ พอถึงโรงพยาบาล เรารีบวิ่งไปห้อง ไอซียู รีบไปหาแม่ สภาพที่เห็นคือ แม่โกนผม เพราะต้องผ่าเอาเลือดออกจากสมอง มีสายอะไรไม่รู้เต็มไปหมด แม่ขยับตัว ลืมตา หรือพูดอะไรไม่ได้ แต่ที่รู้ๆ หัวใจแม่ยังเต้นอยู่ พ่อก็ไม่ได้พูดหรือบอกอะไรเรา มีแต่หมอที่เดินมา แล้วถามว่าจะเอายังไงดี ถ้าจะรักษา มันก็ไม่หาย รักษาได้ก็จะเป็นเจ้าหญิงนิททรา จะพูด ช่วยเหลือตัวเองไม่ได้
 
หมอให้เรากับพ่อคิดอยู่สักพัก เลยตกลงกันว่า บ้านเราไม่มีเงินจะรักษาหรอก ถึงรักษาได้ก็ทรมานเค้าป่าวๆ เลยบอกหมอว่า เดียวให้ญาติมาพร้อมๆกันก่อน จะถอดเครื่องช่วยหายใจแล้วกัน
.
ผ่านมาอีกสองวัน ญาติๆก็มาจากต่างจังหวัด ทั้งฝ่ายพ่อและฝ่ายแม่ พอมาครบกัน ก็จะถอดเครื่องช่วยหายใจ ทีแรกหมอจะให้พ่อถอด แต่พ่อทำไม่ได้ ลุงเลยตัดสินใจเป็นคนถอดให้เอง ส่วนตัวเราเดินออกมาจากห้องไอซียู เพราะไม่อยากเห็นแม่ทรมาน นั่งรออยู่ข้างนอก จนพี่สาวลูกพี่ลูกน้องเดินออกมา เราเลยถามว่า เป็นไงบ้าง พี่สาวบอกแม่ไม่ทรมานเลย ถอดแล้วก็ไปเลย แล้วเราก็เดินเข้าไปในห้องไอซียู พ่อก็เข้ามากอดแล้วบอกว่า ” แม่ไปแล้วนะ ” เราก็ทรุดลงตรงนั้น ร้องไห้ แล้วกราบเท้าแม่ จนพยาบาลเดินมาบอกว่า “เดียวขอตัวนำแม่ไปอาบน้ำก่อนนะคะ แล้วเดินเรื่องรับศพได้เลยค่ะ” เรารออยู่พักนึง จัดการเอกสารทุกอย่างเรียบร้อย มีรถมารับศพแม่ อยู่หลังโรงพยาบาล เพื่อนำศพแม่ไปวัด และเราก็ได้โปรยเหรียญไปตลอดทาง เคาะโลงบอกแม่ตลอดทาง จนถึงวัด
.
อ้อ ! ลืม ขอย้อนไปวันก่อนถอดเครื่องช่วยหายใจนะคะ เรากลับจากโรงบาล เราก็กำลังจะหลับเพราะเพลียมาก กึ่งหลับกึ่งตื่น แม่ได้มาหาเราด้วย มาในสภาพที่นอนอยู่บนเตียงคนป่วย มีสายอะไรก็ไม่รู้เต็มไปหมด แม่เหมือนจะมาลา แม่หยอก แม่หัวเราะ รวมทั้งเราด้วย หัวเราะสนุกสนาน แล้วแม่ก็เดินไป โบกมือให้ แล้วบอกว่า ” แม่ไปก่อนนะ ” ต่อค่ะ งานศพได้จัดขึ้นตามปกติ ญาติพี่น้องมากันหมด เพื่อนๆต่างมาช่วยงาน งานศพ จัดขึ้น 3 วัน วันแรกก็ปกติดี วันที่สอง หลักจากทำพิธีตอนเช้าเสร็จ เราก็นั่งรอรับแขกอยู่ มีพระท่านนึงได้พูดขึ้นมาว่า “แม่ไปสบายแล้ว รู้มั๊ยว่าแม่อยู่ข้างๆเราตลอด แม่นั่งฟังสวดทุกวัน ” เราเลยถามพระว่า ” แล้วแม่รู้หรือยัง ว่าแม่เสียแล้ว ” พระเลยตอบว่า ” รู้แล้วโยม เค้าหมดกรรมของเขาแล้ว ไม่ต้องห่วง ”

จนวันเผาแม่ พิธีก็จัดขึ้นก่อนเผาตามปกติ พอหลังจากเผาเสร็จแล้ว พ่อก็เลี้ยงขอบคุณญาติๆที่มางาน รวมถึงเพื่อนเราด้วยที่มาช่วยงาน ตั้งแต่ที่แม่เสีย เรารับรู้มาโดยตลอดว่าแม่ไม่เคยไปไหนเลย ถึงตามองไม่เห็น แต่จิตสัมผัสได้มาตลอด แล้วเราก็ย้ายออกจากรีสอร์ทมาสู้กับโลกภายนอกเพียงลำพัง จนปีน้ำท่วม หลังจากน้ำลด เราก็กลับเข้าไปอยู่รีสอร์ทอีกครั้ง ทำงานที่นั่นเหมือนเดิม เราเข้ามาทีแรกก็รู้สึกแปลก ทำไมเขาให้เราอยู่แต่กลางคืน แล้วไม่มีคนมาช่วย จนพี่สาวเราถามขึ้นมาว่า ” มึงได้ขึ้นไปบนบ้านแม่มึงตอนกลางคืนมั๊ย ” เราเลยบอกว่า ” ไม่นะ ไปแต่กลางวัน เอาผ้าไปซัก ” ขอบอกเลยนะคะ บ้านนั้นตั้งแต่เเม่เสีย พ่อก็ไปอยู่อีกรีสอร์ทนึง อาทิตย์นึงจะมานอนบ้านแม่ครั้ง พี่สาวเราเลยถามว่า ” แล้วใครล่ะ ” เราบอก ” ไม่รู้”

พี่สาวเราบอกว่า ” แม่บ้านเค้าได้ยินเสียงคนเดินอยู่ในห้องแม่มึง บางทีก็กระทืบเท้า เดินไปเดินมา ” บ้านแม่เป็นบ้านไม้ค่ะ ลืมบอก เราเลยมาคิดดูอีกที คือ แม่เสียมาปีกว่าๆแล้ว แล้วพ่อมีแฟนใหม่ แม่คงไม่พอใจมั๊ง รวมกับได้ยินคนนั้นคนนี้พูดให้ฟัง เราทำงานอยู่บนเค้าเตอร์กลางคืนคนเดียว เราไม่เคยรู้สึกกลัวหรืออะไรเลย แม้ขนาดว่า เรากับเด็กรับรถ อยู่กันคนละมุมรีสอร์ท แล้วก็เงียบมาก เช้าวันต่อมา เด็กรับรถก็มาเล่าให้ฟังว่า มันได้กลิ่นธูปทั้งคืนเลย แล้วแม่บ้านก็บอกอีกว่า เมื่อคืนมีคนมาเคาะห้องทั้งคืน เปิดประตูก็ไม่เจอใคร พอปิด ก็มีเสียงเคาะอีก เราก็งงๆนะว่าเราเป็นลูกแท้ๆ ทำไมเราไม่เคยเจอ จนมากระทั่งมันหนักขึ้นเรื่อยๆ เรานั่งอยู่เคาเตอร์ มีจอกล้องวงจรปิดอยู่ เราก็นั่งดูไปเลย จนแฟนเราโทรมา เราก็คุยกันเรื่อยๆ แล้วเราก็ทะเลาะกัน ในระหว่างนั้น เรามองหน้าจอไปด้วย เห็นกาละมังที่กองไว้หลังห้องเก็บผ้ากระจัดกระจายไปหมด ทั้งที่มะกี๊มันก็เป็นระเบียบเรียบร้อยดี เราเลยบอกแฟนทางโทรศัพย์ว่า แค่นี้ก่อน เดียวโทรหาใหม่ มีไรค่อยคุยกัน พอเราวางสายเสร็จ เรารีกล้องดูตรงจุดนั้น กาละมังที่เคยเป็นระเบียน ค่อยๆเลื่อนไปเองช้าๆ กระจัดกระจายไป แล้วเราก็โทรหาแฟน เล่าให้เขาฟัง แฟนเลยบอกว่า มะกี๊เราทะเลาะกัน สงสัยแม่คงไม่ชอบมั๊ง เราเลยบอกอึ้ม น่าจะใช่ แล้วเราก็วางสาย จากนั้น วันต่อๆมา เราก็สังเกตุมาตลอด ว่า ทุกคนดูแปลก แม่บ้าน หลังจากที่เคยอยู่ๆดึกเป็นเพื่อนเรา ก็เริ่มกลับเข้าที่พักเร็ว คือทุกคนรู้หมด ยกเว้นเรา ที่เจอแต่เล็กๆน้อยๆ เจอแม่แต่ในฝัน จนมาวันนึง เราก็เข้ากะปกติ ตีสองกว่าๆลูกค้าก็เริ่มน้อย เราก็คิดว่า ขอหลับแปบนึงนะ เรานั่งพิงเก้าอี้ คิดว่าจะพักสายตาแปบนึง พอหลับตาลง มีคนมาดึงเก้าอี้ โยกไปมา จนเราลืมตาขึ้นมา ก็ปกติ พอเราจะหลับอีก ก็มีเสียงพูดขึ้นมาว่า ” หลับแลัวหรอ ขยันหน่อยสิลูก” เป็นเสียงลากยาวๆ เราเริ่มแน่ใจแล้วว่าต้องเป็นแม่แน่ๆ

เราเลยหานั่นหานี่ทำ จนเช้า เราก็เล่าให้พี่สาวฟัง พี่สาวก็บอกว่า มึงจะพูดทำไม เราเลยเงียบ จนมาอีกคืนนึง เราทำอาหาร ให้ลูกค้าเสร็จ กำลังเก็บครัว ล้างจานอยู่ หางตาข้างขวา เราเหลือบไปเห็นแม่ กำลังเดินลงไปจากครัว ไปห้องเก็บผ้าที่อยู่ติดกับ เราเห็นแว๊ปนึง เราเลยเดินตามไป ก็ไม่มีใครอยู่ พอเราหันหลังจะเดินกลับมาล้างจานต่อ ก็ได้ยินเสียงรองเท้าเดินตามหลังมา พอเราหันไปก็ไม่มีใคร พอหันกลับ ก็เดินตามเราอีก ที่นี้เราเลยทำเป็นไม่สนใจ ล้างจานต่อเรื่อยๆ เรามองไปที่ตู้โค้ก ชัดเลยค่ะ เราเห็นเงาแม่เรายืนอยู่ มองมาที่เรา ใจนึงก็กลัว ใจนึงก็จะร้องไห้ เรามองอยู่แป๊บนึง เราก็ร้องไห้ออกมา แล้วก็ไม่เห็นแม่แล้ว จนเวลาผ่านไปหลายวัน ป้าที่อยู่ต่างจังหวัดก็โทรมา บอกว่า เค้าเอาวันเดินปีเกิดแม่เราไปให้หมอดู หมอดูบอกว่า แม่ไม่ยอมห่างเราเลย ตามเราตลอด

จนกระทั่ง เรากับพ่อทำบุญใหญ่ให้ เรื่องก็เริ่มซาลง แม่ไม่เคยมาให้รู้สึก หรือรู้ว่าอยู่ใกล้เราอีกเลย แต่ทุกครั้งทีเจอ ก็จะเจอกันอยู่ในฝันตลอด ฝันเห็นแทบทุกวัน จนเวลาผ่านมา 6 ปีแล้ว เราก็ไม่เคยรับรู้อีกเลย สุดท้ายเราก็อยากจะบอกคนที่เข้ามาอ่านว่า ถ้าแม่ยังอยู่ ดูแลแม่ให้ดีๆ เพราะตอนแม่เราอยู่ เราเกเรมาก เอาแต่เที่ยว ไม่ค่อยกลับบ้าน พอเสียแม่ไป ถึงรู้เลยว่า ทุกอย่าง มันสายเกินไป ตอนนี้เราก็อยู่กับพ่อเรา เราจะไม่ทำแบบนั้นแล้ว เพราะเราเหลือพ่อแค่คนเดียวในชีวิต จะไม่ทำเหมือนที่เคยเกเรกับแม่แล้ว


เรื่องราวหลอนๆ ปนความห่วงใยของแม่ แม้แม่จากไปเป็นปีแล้ว

ที่มา: กระทู้ผีพันทิป – หลอน สะเทือนขวัญ


เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์