เรื่องเล่าไม่ควรเล่า : ชั้น 3 ห้องสุดท้าย (ตอน 1)

เรื่องนี้เกิดขึ้นเมื่อไม่นานมานี่เอง ผมได้ฟังจากน้องที่ทำงานด้วยกันไปเจอมา ดีที่ว่าน้องคนนี้เป็นคนไม่กลัวผี
หลังจากที่น้องคนนี้ได้นำเรื่องมาเล่าในที่ทำงาน เพื่อนพี่น้องคนอื่นๆ ที่มีประสบการณ์เคยพักในสถานที่แห่งนี้ก็แบ่งปันประสบการณ์ของตนเองอีกหลายคน

ผมมั่นใจว่าที่นี่มีประวัติจริงๆ ไม่งั้นไม่ “โดน” กันมาหลายคน ….

ผมจึงเขียนเรื่องนี้ขึ้นมาจากเค้าโครงของเรื่องจริง !!!! โดยเขียนเป็นเรื่องสั้นตามสไตล์การเขียนของผม
หลังจากจบเรื่องนี้แล้ว ผมจะมาเล่าให้ฟังว่าที่น้องเค้าเจอมาจริงๆ นั้นเค้าเจออะไรบ้าง….

ขอเชิญทุกท่าน หาความสำราญได้จาก เรื่องเล่า ไม่ควรเล่า ตอน ชั้น 3 ห้องสุดท้าย ได้   ณ  บัด  นี้ ….!!!!

 

‘คุณอย่าไปพักที่นี่นะ เชื่อผม’
‘ถ้าผมเลือกได้ผมไม่พักที่นี่หรอกพี่’
‘เคยมีคนพูดให้ฟังหลายคนแล้ว แค่นึกก็ขนลุก…’
คำพูดของเพื่อนร่วมงานที่พูดให้ฟังก่อนออกเดินทางดังแว่วเข้ามาในสมอง ในขณะที่ผมยืนถือกระเป๋าอยู่หน้าสถานที่แห่งนั้น มันเป็นเวลาเกือบสี่โมงเย็น

ก็มันเลือกไม่ได้นี่หว่า ใครจะรู้ว่าวันนี้มันมีงานกีฬาแห่งชาติที่จังหวัดน่านเป็นเจ้าภาพ ทำให้ที่พักในตัวจังหวัดเต็มหมดทุกที่ แล้วงานของผมก็เลื่อนไม่ได้เสียด้วยต้องมาบรรยายช่วงนี้พอดี ความจริงผมเคยมาทำงานที่จังหวัดนี้หลายครั้งแต่ก็ยังไม่เคยเข้าพักที่นี่เลย

ผมสูดหายใจเข้าเต็มปอดแล้วถอนหายใจเฮือกใหญ่เดินหิ้วกระเป๋าก้มหน้าเข้าโรงแรม ที่นี่เป็นโรงแรมใหญ่เก่าแก่ประจำจังหวัดตั้งอยู่ติดถนนใหญ่ในตัวเมือง การเดินทางสะดวกสบาย หาของกินง่าย ดูแล้วก็โอ่โถงดีเหมือนกัน แต่ก็แปลกที่โรงแรมนี้ยังไม่เต็มตอนที่ผมติดต่อจองห้องพัก แต่ก็คงไม่แปลกที่ไม่เต็มถ้าเรื่องที่เขาเล่าๆต่อกันมาเป็นเรื่องจริง …!!!
‘เอาน่า…พักแค่คืนเดียวพรุ่งนี้ก็กลับแล้ว’
ผมให้กำลังใจตัวเอง หลังรับกุญแจห้องพักที่เคาท์เตอร์ มองที่พวงกุญแจเห็นเลขห้อง 313 !!!
“น้อง มีห้องอื่นอีกหรือเปล่า”
“เหลือห้องนี้ห้องเดียวแล้วค่ะ แขกเข้าพักเต็มหมดแล้วค่ะ”
ผมไม่พูดอะไรต่อเดินขึ้นห้องพักทันที
‘ยังไงคืนนี้ก็มีเพื่อนพักกันเต็มโรงแรมหละวะ’ ผมนึกปลอบใจตัวเองระหว่างเดินเข้าลิฟท์ขึ้นห้องพัก

พวกเพื่อนๆ ที่บริษัทไม่น่าเล่าเรื่องเกี่ยวกับที่นี่ให้เราฟังเล๊ยยย ไม่รู้เรื่องที่พูดเป็นเรื่องจริงหรือเปล่า หรือว่าหลอกให้เรากลัว ไอ้เรื่องที่พูดน่ะจริงไม่จริงไม่รู้ แต่ตอนนี้กลัวตามที่เค้าตั้งเป้าหมายไว้แล้วหละ ทั้งที่ปรกติผมก็ไม่ใช่คนกลัวอะไรมากมาย

ลิฟท์เปิดที่ชั้น 3 เดินไปทางซ้ายของตัวตึก ห้องพักของผมอยู่ริมสุดทางเดินติดบันไดหนีไฟ ทั้งชั้นเงียบกริบ เหมือนไม่มีสิ่งมีชีวิตอาศัยอยู่ มีเพียงเสียงเท้าที่ก้าวเดินของผม และเสียงของกุญแจห้องพักที่แกว่งกระทบกับกระเป๋า notebook ตามจังหวะของการเดินเท่านั้น

เมื่อถึงหน้าห้อง ก่อนไขกุญแจเข้าไปผมมองสำรวจบริเวณประตูโดยรอบ ไม่มีผ้ายันต์ ไม่มีสายสิญจน์ ไม่มีรอยเจิมใดๆทั้งสิ้น ฮ่า..สบายใจไปเปราะนึงแล้ว…ผมไขกุญแจเข้าห้องพัก ทุกอย่างในห้องก็เหมือนห้องพักของโรงแรมทั่วๆไป ไม่มีอะไรผิดปรกติ ภายในห้องถูกทำความสะอาดไว้อย่างดีเพื่อรอต้อนรับผู้เข้าพัก ผมถอดรองรองเท้าไว้หน้าตู้เสื้อผ้า วางกระเป๋า เดินไปเปิดทีวี แล้วนั่งที่ปลายเตียง เมื่อสัญญาณภาพของทีวีติดขึ้นผมก็เอนหลังนอนแผ่บนเตียงโดยที่ขาทั้งสองข้างยังห้อยอยู่ที่ปลายเตียง ดูทีวีไปไม่ถึงห้านาที ก็เริ่มได้กลิ่นแปลกๆ เป็นกลิ่นเหม็นเหมือนซากหนูตาย ฉุนๆสาบสางปนอับทึบเหมือนตายมานาน จากกลิ่นที่ลอยมาจางๆ ในช่วงแรก เป็นแรงขึ้น แรงขึ้น จนผมทนไม่ไหวลุกขึ้นจากเตียง เปิดดูในตู้เสื้อผ้า ในห้องน้ำ ใต้เตียง หลังโต๊ะวางทีวี ไม่เจอต้นเหตุของกลิ่น กลิ่นนั้นยังไม่ทันหายไป และก่อนที่ผมจะตัดสินใจแจ้งเจ้าหน้าที่ของโรงแรม เรื่องที่มีคนเล่าให้ฟังก่อนเดินทางมาที่นี่ก็ผุดขึ้นมาในหัวทันที เขาเล่าให้ฟังว่า…..

ติดตามตอน 2 >>> คลิกเลย !!
Cr : pantip.com/topic/33905116

 


เรื่องเล่าไม่ควรเล่า : ชั้น 3 ห้องสุดท้าย (ตอน 1)

เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์