เสียงอุบาทว์

พระเชาว์ สุจิณโณ เล่าประสบการณ์ขนหัวลุกจากวัดเผ่าไทย

เกิด แก่ เจ็บ ตาย เป็นของธรรมดา ไม่มีใครหลีกหนีพ้น ทำบุญทำทาน เก็บเสบียงกรังเอาไว้ใช้กินในภพหน้า ทุกสิ่งทุกอย่างเป็นของไม่เที่ยงแท้แน่นอน ดังพระราชนิพนธ์ของรัชกาลที่ 5 พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว

"เห็นหน้าเมื่อเช้า สายตาย

สายอยู่สุขสบาย บ่ายม้วย

บ่ายยังรื่นเริงกาย เย็นดับ ชีพนา

เย็นอยู่หยอกลูกด้วย ค่ำม้วยดับสูญฯ"

ปลายปี 2532 ออกพรรษาและอนุโมทนากฐินแล้ว ได้ออกเที่ยวหาประสบการณ์ตราบที่สังขารยังพอจะไปไหว หาวัดอยู่ จนกระทั่งไปถึงวัดเผ่าไทย อำเภอเนินมะปราง จังหวัดพิษณุโลก ซึ่งอยู่คนละอำเภอกัน

ทางเข้าวัดเป็นถนนดีมาก สะดวก เสียอยู่อย่างตรงที่รถราน้อย นานๆ เข้าคัน-ออกคัน ถ้าจำเป็นก็ใช้รถโบก แต่หมู่บ้านดูสงบเงียบและร่มรื่นดี

ผมเข้าไปกราบเจ้าอาวาสแล้วแนะนำตัวเอง ท่านยินดีต้อนรับ ชักชวนให้อยู่ด้วย โดยให้ผมไปอยู่กุฏิท้ายชายเขา น้ำ-ไฟพร้อม แวดล้อมด้วยป่าไผ่ไม้เลื้อย

(กุฏินี้เดิมอยู่ข้างตรอกถนนเก่าทางเข้าป่าช้า ปัจจุบันย้ายไปอยู่ด้านหน้า)

บริเวณเชิงเขาในฤดูหนาว อากาศค่อนข้างเยือกเย็น ราวสี่โมงเย็นต้องรีบอาบน้ำกันแล้ว...ไม่ช้าความมืดก็หว่านโปรยลงมาอย่างรวดเร็ว ตกค่ำก็เริ่มสวดมนต์ สองทุ่มก็เข้านอนแล้ว

อยู่วัดนี้มาสองคืนโดยเรียบร้อย ไม่มีอะไรผิดปกติเกิดขึ้น จนกระทั่งถึงคืนที่สาม...

ขณะเริ่มสวดมนต์ทำวัตร กำลังสวดอยู่ดีๆ ก็ได้ยินเสียงลมพัดแรงกระทบยอดไม้ดังซู่ซ่าน่าใจหาย ฟังแล้วเป็นเสียงต่างๆ นานา อาจจะเป็นจินตนาการ...คิดไปเองก็ได้ แต่ทำให้เสียสมาธิจนต้องสงบใจให้เป็นปกติ

เมื่อสวดมนต์ต่อเสียงยอดไม้ยิ่งสะบัดใบเกรียวกราว ฟังเหมือนคนกลุ่มใหญ่กำลังหัวเราะครื้นเครงขึ้นพร้อมๆ กัน

ครู่หนึ่ง เสียงนั้นก็ค่อยๆ เงียบหายไป...

ครั้นแล้วก็มีเสียงๆ หนึ่งดังแว่วมากระทบหู...เสียงที่ทำให้เนื้อตัวแข็งทื่อ แทบจะลืมหายใจไปในบัดดล!

เสียงแห่ศพ! เสียงคนร้องไห้! เสียงสะอึกสะอื้น พร่ำรำพันด้วยความวิปโยคโศกเศร้าเริ่มดังขึ้นๆ มิหนำซ้ำยังใกล้เข้ามา...ใกล้เข้ามาทุกที จนรู้สึกเหมือนเสียงแห่ศพกับเสียงสะอึกสะอื้นร่ำไห้นั้นจะดังมาจากใกล้ๆ กุฏิของเรานั่นเอง

ความตกใจจนต้องลุกออกไปดูก็เห็นแต่ความอ้างว้างเปล่าเปลี่ยว เสียงอันชวนให้ขนลุกขนพองก็เงียบหายเป็นปลิดทิ้ง มีแต่เสียงแมลงกลางคืนระงมมาจากกอหญ้าเท่านั้น

ใครจะมาแห่ศพในยามค่ำคืนแบบนี้กัน? เราคงจะอุปาทานไปเองมากกว่า ผมเลยตัดสินใจกลับไปสวดมนต์ต่อ

คุณพระคุณเจ้า! เสียงอุบาทว์นั่นดังขึ้นอีกแล้ว!

เสียงแห่ศพ เสียงร้องไห้...คราวนี้ยิ่งดังมาก ราวกับเจ้าของเสียงเหล่านั้นกำลังยกโขยงกันขึ้นกุฏิมาหาเรา

ผมข่มใจสวดมนต์ต่อไปไม่ไหวแล้ว บอกตรงๆ ว่าหวาดกลัวจนต้องยอมแพ้...กลัวจนทำอะไรไม่ถูก คิดอะไรไม่ออก เหงื่อซึมเต็มหน้าผากทั้งๆ ที่อากาศหนาวเย็นอย่างนั้นก็เถอะเอ้า!

จนกระทั่งนึกถึงหลวงพ่อที่วัดเก่าในอำเภอวังทอง จังหวัดพิษณุโลก ขึ้นมาได้ จึงรีบโทร.ไปหาท่าน โชคดีที่ท่านรับสาย แล้วผมก็กราบเรียนท่านไปตรงๆ ว่า

"หลวงพ่อครับ ผมโดนผีหลอก จะทำยังไงดีครับ?"

หลวงพ่อท่านก็บอกให้ผมสวดคาถา "เมตตกัญจะ สัพพะโลกัสมิง" บอกเจ้าที่เจ้าทางเสียให้เรียบร้อย

"ทำจิตใจให้สงบ เขามาขอส่วนบุญน่ะ ไม่มีอะไรดอก" เสียงท่านเหมือนเป็นน้ำทิพย์ประโลมใจ แผ่เมตตาให้เขามากๆ เป็นวิธีที่ดีที่สุด"

หลังจากนั้นผมก็ตั้งใจสวดมนต์อีกครั้ง เสียงน่าสยองทั้งหลายแหล่ก็มีอันเงียบหายไป เป็นบทเรียนให้ผมสวดทุกๆ คืนก็นอนสบายดี ไม่มีอะไรมารบกวนอีกเลย

ผมอยู่วัดเผ่าไทย 2 เดือนจึงขอลาเจ้าอาวาสกลับวัดเก่า ผมจะหาความรู้ร่ำเรียนธรรมะต่อไปตอนวัยชราซึ่งทุกคนหลีกไม่พ้น "อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา"


เสียงอุบาทว์

เครดิต :
เครดิต : เนื้อหาข่าว คุณภาพดี หนังสือพิมพ์ข่าวสด


ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์