เสียงโซ่ตรวน

เรื่องราวนี้เกิดขึ้นในโรงเรียนมัธยมศึกษาแห่งหนึ่งที่อดีตเคยเป็นเรือนกักขังนัก โทษเก่ามาก่อน

จึงไม่แปลกที่จะกลายเป็นดินแดนที่ใช้ประหารนักโทษมากมายหลายศพจนนับไม่ถ้วน !! นัก เรียนชมรมนาฏศิลป์ต้องอยู่ซ้อมรำที่โรงเรียนจนดึก กว่าอาจารย์จะปล่อยกลับก็ล่วงเลยเวลามาเกือบสี่ทุ่ม ห้องนาฎศิลป์นั้นตั้งอยู่ที่ตึก 5 ชั้น 3 บริเวณมุมด้านหลังสุด ดังนั้น เมื่อจะกลับก็ต้องเดินจากด้านหลังมาลงบันไดด้านหน้า ขณะที่ตามรายทางก็มีไฟเพียงไม่กี่ดวง

ระหว่างที่เหล่านักเรียนนาฏศิลป์ต่างรีบเดินออกมาเพื่อกลับบ้าน

ปรากฏว่า “มิ้งค์” ดันลืมโทรศัพท์มือถือไว้จึงต้องเดินกลับไปเอา พร้อมบอกให้ “ปัด” เพื่อนสนิทรออยู่ตรงนี้อย่าไปไหน จะรีบไปรีบกลับ ขณะที่ครู และเพื่อนคนอื่นๆ ต่างรีบกลับจึงขอตัวไปก่อน ขณะที่ “ปัด” รอเพื่อนอยู่เพียงลำพังนั้น ก็เกิดได้ยินเสียงเพลงคล้ายๆ รำสวด แล้วก็เสียงคนตะโกนโวยวาย “อย่าๆๆๆ ผมไม่ไป ปล่อยผม !!!! อย่าทำผมเลย” วินาทีนั้น “ปัด” เริ่มแปลกๆ ที่ดึกแล้วจะมีใครมาตะโกนร้องแบบนี้ได้

เวลาผ่านไปสักพัก เสียงทุกอย่างเงียบไปจนน่าวังเวง “ปัด” เริ่มรู้สึกกลัว พยายามมองซ้ายมองขวา

แต่เพื่อนที่ไปเอาของก็ยังไม่กลับมา ตอนนี้เริ่มมีเสียงคล้ายๆ คนลากอะไรซักอย่างคล้ายโซ่แว่วมา มันเริ่มดังขึ้นๆ ๆ แล้วก็ใกล้เข้ามามากขึ้นเรื่อยๆ ๆ จังหวะนั้น “ปัด” ทนไม่ไหวจึงคิดที่จะวิ่งหนีออกไป แต่พรึ่บบบ มีมือหนึ่งมาจับที่แขนของเธอไว้ แต่พอหันไปก็พบว่าคนที่มาจับมือคือ “มิ้งค์” เพื่อนสนิทของเธอเอง.. “ปัด” รีบถาม “มิ้งค์” ว่าได้ยินเสียงคนลากอะไรหรือเปล่า ? ซึ่ง “มิ้งค์” ก็ตอบกลับมาทันทีเลยว่า “ได้ยิน เสียงคล้ายโซ่ใช่ไหม” เท่านั้นแหละทั้งสองคนต่างจับมือวิ่งลงตึกแบบไม่คิดชีวิต

ระหว่างที่วิ่งลงตึกอยู่ดีๆ “ปัด” สะบัดมือ “มิ้งค์” ออกอย่างกระทันหัน!! แล้วเดินกลับไปทางเดิมราวกับเหมือนโดนสะกด “มิ้งค์” รู้แล้วว่าเพื่อนต้องโดนอะไรบางอย่างแน่ๆ จึงวิ่งไปหาพร้อมเขย่าตัว และตบหน้าเรียกสติเพื่อนอย่างแรง จนเพื่อนได้สติคืนมา !! วินาทีนั้นเสียงโซ่ดังขึ้นมาอีกครั้ง “ปัด” กับ “มิ้งค์” ไม่รีรออะไรแล้ว ทั้งคู่รู้แก่ใจแล้วว่าเป็นสิ่งลี้ลับแน่นอน จึงรีบวิ่งลงตึกแบบไม่คิดชีวิตจนกระทั่งไปชนกับใครคนหนึ่ง โครมมม !! พอตั้งสติได้ก็รู้ว่าคนที่ชนนั้นคือ “ลุงภารโรง” คนเก่าแก่ของโรงเรียน ทั้งสองจึงเล่าเรื่องที่เจอให้ลุงภารโรงฟังทันที

หลังจากที่ได้ฟังเรื่องจากนักเรียนทั้งสอง ลุงภารโรงถึงกับตกใจ พร้อมเตือนว่า “ทำไมถึงไม่รีบลงมาพร้อมกันเยอะๆ ที่นี่เฮี้ยนมาก ลุงยังไม่กล้าขึ้นไปเลย หลายปีก่อนเคยมีเด็กหายไปไม่มีแม้กระทั่งศพ” สองสาวได้ฟังถึงกับสั่นผวา ด้าน “ปัด” ก็เล่าให้ฟังอีกว่า ตอนที่สะบัดมือ “มิ้งค์” เพราะระหว่างวิ่งได้หันกลับไป เห็น “มิ้งค์” ยืนอยู่ จึงสะบัดมือออกเพราะคิดว่าเป็นมือผี แต่พอเดินไปหา “มิ้งค์” ร่างของมิ้งค์ก็กลับเปลี่ยนเป็นผู้ชายเหมือนนักโทษมีโซตรวนคล้องขาอยู่ จากนั้นก็ไม่รู้เรื่องอีกเลย มารู้สึกตัวอีกทีถูกตบหน้า

นับแต่เหตุการณ์ในวันนั้นเป็นต้นมา ก็ไม่มีใครได้พบเห็นสองสาวนักเรียนนาฏศิลป์นั้นอีกเลย เพราะอาจจะลาออกไปเรียนที่อื่น แต่เรื่องนี้ก็ยังคงถูกบอกเล่าจากปากต่อปากสู่รุ่นน้องที่เข้ามาเรียนโรงเรียนแห่งนี้อยู่เรื่อยๆ..


ขอบคุณเรื่องเล่าจาก thenightshock

เสียงโซ่ตรวน

เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์