เหมืองผีหลอก

"คนเก่า" เล่าประสบการณ์เรื่องผีดุจากเหมือง ปิล็อก

สมัยเด็กผมอยู่ที่ ต.ปิล็อก อ.ทองผาภูมิ จ.กาญจนบุรี ตอนนั้นการทำเหมืองแร่ที่บ้านอีต่อง กำลังเฟื่องฟูมากๆ ทั้งวุลแฟรมและดีบุก มีคนไปลงทุนทำเหมืองกันหลายราย แต่ที่ใหญ่สุดๆ คือเหมืองสมศักดิ์ ตั้งชื่อตามเจ้าของที่ไปเรียนจบวิศวกรรมเหมืองแร่จากประเทศออสเตรเลีย

คนงานทั้งไทย กะเหรี่ยงและพม่า รวมแล้วอยู่ราวห้า-หกร้อยคน คิดดูแล้วกันว่าเป็นเหมืองใหญ่โตขนาดไหน

ตำบลปิล็อกกลายเป็นชุมทางนักแสวงโชค ผู้คนคึกคัก มีชีวิตชีวา ร้านค้าสารพัดชนิดเรียงรายกันเหมือนเป็นอำเภอใหญ่ มีโรงหนังโรงละคร ขนาดละครพม่ายังยกคณะมาเปิดการแสดงที่นี่ก็แล้วกัน

เมื่อห้าสิบกว่าปีก่อน แร่วุลแฟรมปาเข้าไปกิโลกรัมละ 100 บาท ขณะที่ราคาทองคำยังแค่บาทละไม่ถึง 400 บาทเท่านั้นเอง!

ไม่ว่าบาร์หรือร้านเหล้าล้วนครึกครื้น มีแต่เสียงหัวเราะครึกครื้นเฮฮาของผู้คนที่กอบโกยเงินทองกันกระเป๋าตุง ไม่มีวี่แววว่าขุมทรัพย์ใต้ดินจะหมดสิ้นหรือสูญหายไปง่ายๆ

สมัยนั้นการเดินทางจากอำเภอทองผาภูมิไป ปิล็อกยังลำบากยากเย็น ทุรกันดารเหลือเชื่อ ชนิดที่ต้องขึ้นช้างบุกป่าฝ่าเขาไปก็แล้วกัน แม้ว่าจะมีหนทางให้รถยนต์แล่นได้ แต่ก็ยากเย็นแสนเข็ญจริงๆ ระยะทางแค่หกสิบกว่ากิโลเมตรต้องใช้เวลาถึง 6-7 ชั่วโมงกว่าจะถึงจุดหมาย

ถ้าเป็นหน้าฝนก็เลิกคิดฝันเรื่องการเดินทางได้เลย!

อ้อ! ไปกันทีต้องยกขบวนเป็นกองคาราวานอย่างเบาะๆ ก็ 5-6 คันแน่ะครับ ถ้ามีอุปสรรคยางแตก เครื่องเสียหรือว่าติดหล่มจะได้ช่วยกันฉุดลากไปจนได้ แต่ก็ไม่มีใครย่อท้อไปแสวงโชคขุดแร่เหมือนขุดทองคำกันหรอกครับ

ต่อมา ราคาแร่เริ่มตกต่ำลงเรื่อยๆ แร่ดีบุกกับทังสเตนก็ลดน้อยจนบางแห่งถึงกับหมดสิ้น เหมืองแร่ต่างๆ ทยอยกันเลิกกิจการ แม้แต่เหมืองใหญ่ที่สุดก็หนีไม่พ้น!

ร้านรวงน้อยใหญ่ก็เริ่มปิดตาย ผู้คนต่างกระจัด กระจายกันไปแสวงโชคที่ใหม่ๆ ตำบลปิล็อกที่เคยรุ่งเรืองเฟื่องฟูก็ค่อยๆ อับเฉาโรยราลงไปตามกฎอนิจจัง ที่ไม่มีสิ่งใดจะจีรังยั่งยืนไปได้ตลอดกาล...

จากบรรยากาศครึกครื้นชื่นบาน กลับกลายเป็นความเงียบเหงาเศร้าซึม น่าวังเวงใจ ยามเช้าหมู่บ้านถูกปกคลุมด้วยสายหมอกหนาทึบ ดูเศร้าหมองและชวนให้หดหู่ใจเมื่อนึกถึงความรุ่งเรืองในอดีตที่คงจะไม่มีวันย้อนกลับมาอีกแล้ว

เหมืองแร่กลายเป็น "เหมืองแล่น" ตามโตรกธารที่มีชาวบ้านใช้อุปกรณ์คล้ายฝาชีก้นแหลมเรียกว่า "เลียง" มาร่อนแร่ไปขายพอได้เลี้ยงปากเลี้ยงท้องไปได้วันๆ

"ปิล็อก" คือภาษาอะไร? มาจากไหน?

คำถามน่าสนใจนี้ยังไม่มีใครตอบให้กระจ่างได้ว่าเป็นภาษามอญ กะเหรี่ยง หรือพม่า นอกจากจะคาดเดากันว่าเพี้ยนมาจาก "เหมืองผีหลอก" อันเนื่องมาแต่ความเชื่อดั้งเดิมว่าสมัยก่อนเหมืองเหล่านี้มีผีสิงสู่อยู่มาช้านานเกือบร้อยปีแล้ว และมีคนโดนผีหลอกในเหมืองมาหลายรายด้วยกัน

ตั้งแต่มีการขุดดินทำเหมืองในระยะแรกๆ มีคนได้รับอุบัติเหตุจนถึงล้มตายอยู่บ่อยครั้ง วิญญาณอันเจ็บปวดและทุกข์ทรมานแสนสาหัส ได้สิงสู่อยู่ในเหมืองต่างๆ ปรากฏกายให้คนเห็นบ่อยครั้ง!

บางทีก็พบเห็นกันในเหมืองใต้ดิน เห็นเดินนำหน้าอยู่ดีๆ ขณะที่เดินตามหลังโดยไม่ได้หวาดระแวง จู่ๆ ก็เลี้ยวหายไปต่อหน้าต่อตา เล่นเอาหมุนตัวกลับ เผ่นกระเจิงแทบไม่หายใจหายคอออกมาบอกกล่าวให้เพื่อนฝูงฟัง

บางครั้งก็มีเสียงสะอึกสะอื้นคร่ำครวญด้วยความทุกข์โศกอยู่ใกล้ๆ แต่เมื่อเข้าไปดูให้แน่ใจกลับไม่เห็นอะไรเลย

บางครั้งมีเสียงร้องตะโกนขอความช่วยเหลือ ดังสะท้อนสะท้านมาเข้าหูพวกคนงานหลายๆ คน แต่เมื่อชวนกันไปดูก็เห็นแต่ความว่างเปล่า ไม่มีใครเลยแม้แต่คนเดียว

ส่วนมากจะเป็นเงาวับๆ แวมๆ อยู่ในสายหมอก ท่ามกลางบรรยากาศเยือกเย็นในหุบเขา เสียงหมาเห่าหอนมาจากที่ไกลๆ กับเสียงยอดไม้สะบัดลมซู่ซ่า ฟังเผินๆ เหมือนเสียงใครกำลังทอดถอนใจด้วยความเหน็ดเหนื่อยอย่างเหลือประมาณ!

ขึ้นชื่อลือชาว่าเป็น "เหมืองผีหลอก" จนกลายเป็น "เหมืองปิล็อก" ที่รอการพลิกฟื้นคืนชีพขึ้นมาเป็นเมืองท่องเที่ยวแห่งใหม่ของกาญจนบุรี ถ้าได้รับการส่งเสริมจากทางการที่เกี่ยวข้องโดยตรงอย่างแท้จริง!



เหมืองผีหลอก

เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์