คิดถึงครูจูหลิง ที่จากไป /คดีดังภาคใต้

"ครูจูหลิงที่จากไป"

".....จงเก็บความภูมิใจนี้ไว้เถิด
เธอมิเสียชาติเกิดจงเชิดหน้า
เอาวิญญาณแห่งครูกู้ศรัทธา
ในห้วงยามอ่อนล้าระแวงภัย
จงปลอบโยนหัวใจกันไว้เถิด
ความรักยังบรรเจิดยุคสมัย
เกาะกุมมืออุ่นมือย่อมคือชัย
เกาะกุมใจย่อมใจให้พลัง....."

ภาษากวีของคุณธัญญณัฐ ชาวเหนือ ที่ร้อยเรียงความรู้สึกที่มีต่อ ครูจูหลิง ปงกันมูล มื่อเอ่ยถึงชะตากรรมครูชายแดนใต้ที่ต้องสังเวยชีวิตให้กับความรุนแรง ณ ดินแดนปลายด้ามขวานตลอด 11 ปีที่ผ่านมาแล้ว คงไม่มีใครลืมเรื่องราวของ ครูจูหลิง ปงกันมูล

โศกนาฏกรรมของครูสาวชาวเหนือที่ต้องมาสละชีวิตถึงปลายสุดด้ามขวาน จึงยังสะท้อนก้องไปมาในรูปแบบต่างๆ ทั้งในและนอกพื้นที่ชายแดนใต้ให้ได้ระลึกถึงอยู่ตลอด

ย้อนรอยเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับครูสาวไทยพุทธเมื่อ 10 ปีที่แล้วนั้น เริ่มต้นจากช่วงเช้าของวันที่ 19 พ.ค.49 เจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงทั้งทหาร ตำรวจ และฝ่ายปกครองจำนวนกว่า 50 นาย เข้าปิดล้อมพื้นที่บ้านกูจิงลือปะ เนื่องจากสืบทราบว่าผู้ต้องสงสัยก่อเหตุยิงทหารเสียชีวิต 2 นายที่สถานีรถไฟลาโล๊ะ อ.รือเสาะ จ.นราธิวาส ได้ไปหลบซ่อนตัวอยู่ในหมู่บ้าน

ผลจากการตรวจค้น เจ้าหน้าที่ควบคุมตัวผู้ต้องสงสัย 2 คน คือ นายอับดุลการีม มาแต และ นายมูหะมะสะแปอิง มือลี พร้อมยึดอาวุธปืนพกสั้นขนาด .45 ได้ 1 กระบอก และนำตัวทั้งสองไปสอบปากคำ พร้อมถอนกำลังเจ้าหน้าที่ออกจากหมู่บ้านกูจิงลือปะ

เวลาเที่ยงวันเดียวกัน เหตุการณ์ไม่คาดฝันก็เกิดขึ้น เมื่อมีเสียงประกาศจากเครื่องขยายเสียงในหมู่บ้านให้ผู้หญิงไปรวมตัวกันที่หน้าโรงเรียนบ้านกูจิงลือปะ ทำให้มีสตรีในหมู่บ้านไปรวมตัวกันเกือบร้อยคน เป็นจังหวะเดียวกันกับที่ ครูจูหลิง และ ครูสิรินาถ ถาวรสุข สองครูสาวไทยพุทธกำลังทานอาหารอยู่ที่ร้านข้างๆ มัสยิดพอดี

จากนั้นก็มีหญิงชาวบ้านหลายคนกรูเข้าจับตัวครูสาวทั้งสอง แล้วนำตัวไปขังไว้ที่ห้องเก็บของภายในศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก ห่างจากโรงเรียน 300 เมตร

การจับตัวครูสาวทั้งสองคนของกลุ่มสตรีบ้านกูจิงลือปะ เพื่อเป็นข้อต่อรองให้ปล่อยตัว นายอับดุลการีม มาแต และ นายมูหะมะสะแปอิง มือลี ที่ถูกเจ้าหน้าที่ควบคุมตัวไปสอบสวนเมื่อช่วงเช้าระหว่างที่ครูจูหลิงและครูสิรินาถถูกขังอยู่นั้น ผู้หญิงในหมู่บ้านอีกกลุ่มหนึ่งและบรรดาเพื่อนครูได้พยายามเจรจาขอร้องให้ชาวบ้านปล่อยตัวครูสาวทั้งสองคน แต่ก็ไม่เป็นผล ซ้ำร้ายในช่วงเวลาเดียวกันยังมีกลุ่มชายฉกรรจ์ที่ใช้ผ้าคลุมปิดบังใบหน้า บุกเข้าไปทำร้ายครูสาวทั้งสอง โดยใช้ไม้ทุบตีจนได้รับบาดเจ็บสาหัสและสลบไป
ต่อมาผู้ใหญ่บ้านได้เข้าไปเจรจาพูดคุยกับชาวบ้าน จนสามารถช่วยเหลือและนำครูสาวทั้งสองออกมาได้ ก่อนจะรีบนำส่งโรงพยาบาลนราธิวาสราชนครินทร์ อ.เมือง จ.นราธิวาส แต่อาการสาหัส ต้องส่งต่อไปรักษายังโรงพยาบาลสงขลานครินทร์ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา

      ครูสิรินาถอาการเบากว่า เธอจึงหายเป็นปกติ แต่ครูจูหลิงอาการสาหัสมาก เนื่องจากถูกตีด้วยไม้เข้าที่ศีรษะ สมองกระทบกระเทือนอย่างรุนแรง กลายเป็นเจ้าหญิงนิทรา ระหว่างรักษาตัว ครูจูหลิงได้รับพระมหากรุณาธิคุณจาก สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ทรงรับเป็นคนไข้ในพระบรมราชินูปถัมภ์ และยังได้รับกำลังใจมากมายจากประชาชนคนไทยทั่วทั้งประเทศ

แต่แล้วเมื่อเย็นวันที่ 8 ม.ค.50 ครูจูหลิงก็จากไป สุดความสามารถที่คณะแพทย์จะยื้อชีวิตเอาไว้
และก็อย่างที่เกริ่นในตอนต้น แม้เหตุการณ์จะผ่านไปนานถึง 8 ปีเต็ม แต่เรื่องราวที่เกี่ยวกับครูจูหลิงยังไม่จบ โดยเฉพาะคดีความต่างๆ

พ.ต.ท.เฉลิม ยิ่งคง รองผู้กำกับการฝ่ายอำนวยการ ตำรวจภูธรจังหวัดนครศรีธรรมราช (รอง ผกก.ฝอ.ภ.จว.นครศรีธรรมราช) ซึ่งเคยเป็นพนักงานสอบสวน สภ.ระแงะ และเคยรับผิดชอบคดีครูจูหลิงมาตั้งแต่หลังเกิดเหตุ เล่าให้ฟังว่า หากย้อนไปถึงคดีในตอนนั้น มีผู้ถูกออกหมายจับทั้งหมด 58 ราย ได้เข้ามอบตัวและควบคุมตัวได้ 27 ราย จึงได้ทำสำนวนส่งอัยการและอัยการมีความเห็นสั่งฟ้อง คดีจึงไปอยู่ในชั้นศาล และอยู่ในกระบวนการของศาล จนประมาณปี 54 ศาลตัดสินยกฟ้อง เนื่องจากไม่มีประจักษ์พยานในที่เกิดเหตุ

"ในตอนนั้น สำนวนคดีที่ส่งอัยการมีข้อหากักขังหน่วงเหนี่ยวและทำร้ายร่างกาย หลังจากอัยการสั่งฟ้องและเข้าสู่กระบวนการศาล ก็จะเป็นการสืบพยาน ในขั้นตอนนี้ใช้เวลานานมาก จนสุดท้ายแล้วไม่มีพยานหลักฐาน โดยเฉพาะประจักษ์พยาน ทำให้ศาลยกฟ้อง จำได้ว่ามีเพียงคนเดียวที่ศาลพิพากษาลงโทษจำคุก 3 เดือน ฐานเป็นผู้ที่พูดผ่านเครื่องขยายเสียงปลุกระดมให้คนมารวมตัวกัน ส่วนรายอื่นๆ ที่ถูกออกหมายจับในคดีเดียวกัน และมีบางรายถูกจับได้ภายหลัง ก็ต้องดำเดินการเหมือนกันในข้อหาเดียวกัน เมื่อศาลยกฟ้องก็จบ ขณะที่บางรายเสียชีวิตไปก่อน ก็ต้องจำหน่ายคดีไป" พ.ต.ท.เฉลิม ระบุ

ขณะที่ พ.ต.ท.สมใจ สิงเกลี้ยง พนักงานสอบสวน สภ.ระแงะ ซึ่งเป็นผู้รับผิดชอบคดีต่อจาก พ.ต.ท.เฉลิม กล่าวว่าผู้ที่ถูกดำเนินคดีในชั้นศาลไปแล้ว และศาลได้ตันสินยกฟ้อง ทำให้คดีก็สิ้นสุดไป มีประมาณ 30 ราย ทั้งที่มอบตัวสู้คดีตั้งแต่ต้น และเป็นที่ผู้ถูกติดตามจับกุมตามหมายจับได้ในภายหลัง รวมถึงผู้ที่เสียชีวิตระหว่างดำเนินคดี

"คดีนี้ก็ยังคงมีผู้ที่ถูกออกหมายจับอีก 20 ราย และยังคงหลบหนีอยู่ ส่วนใหญ่จะเป็นผู้ที่มีหมายจับในคดีอื่นๆ รวมอยู่ด้วย ทำให้ต้องหลบหนีการจับกุม หากถูกจับกุมได้ต้องนำตัวมาดำเนินคดีตามกระบวนการเช่นเดียวกัน เพราะคดีนี้มีอายุความ 20 ปี"

คิดถึงครูจูหลิง ที่จากไป /คดีดังภาคใต้



คำบอกเล่า ของครู "สิรินาถ"เพื่อนร่วมชะตากรรมเลือด"จูหลิง"

แถลงการณ์โรงพยาบาลสงขลานครินทร์ จำนวน 235 ฉบับ ยืนยันได้อย่างดีว่า ตลอด 7เดือนที่ผ่านมา ครูจูหลิงต้องต่อสู่กับความบอบช้ำภายในที่ถูกทิ้งไว้จากฝีมือผู้ไม่หวังดีตั้งแต่วันที่ 19 พฤษภาคม 2548 ท่ามกลางการเฝ้ารอของคนไทยประเทศ หวังเห็นแม่พิมพ์คนนี้กลับมาทำหน้าที่อีกหน แต่ปาฏิหาริย์ไม่มีจริง เมื่อคณะแพทย์ผู้เชี่ยวชาญจาก 18 สาขาไม่สามารถยื้อชีวิตเอาไว้ได้กระทั่งจากไปอย่างสงบในช่วงเย็น 8มกราคม

โศกนาฎกรรมเลือดครั้งนี้ไม่ได้มีเพียงเพียง น.ส.จูหลิง ปงกันมูล ที่เผชิญชะตาชีวิตที่เจ็บปวดเพียงลำพัง นางสาวศิรินาถ ถาวรสุข ครูอัตราจ้างโรงเรียนบ้านกูจิงลือปะ คืออีกคนที่ยังไม่ลืมความเจ็บปวดที่ฝังลึกอยู่ในความทรงจำชนิดยากลืมเลือนในวันนั้น

นางสาวศิรินาถ ถาวรสุข ครูอัตราจ้างโรงเรียนบ้านกูจิงลือปะ ม. 4 ต.เฉลิม อ.ระแงะ นราธิวาส ทรุดตัวลงนั่งข้างร่างไร้วิญญาณของครูจูหลิง พร้อมน้ำตาที่ไหลออกมาโดยไม่รู้ตัวขณะอยู่ในพิธีพระราชทานน้ำอาบศพเพื่อรัก เมื่อครั้งหนึ่งเคยผ่านนาทีเป็นนาทีตายมาด้วยกัน

วันนี้เธอย้ายตัวเองออกมาช่วยราชการนอกพื้นที่ชั่วคราว และยอมรับว่าคงเป็นเรื่องยากที่จะหวลกลับไปยังจุดเริ่มต้นแห่งความสะเทือนใจที่สุดในชีวิตอีกครั้ง

อดีตครูสาว โรงเรียนบ้านกูจิงลือปะ บอกว่า7เดือนได้อยู่ใกล้ชิดกับเพื่อนรักมาตลอด และภาวนาว่าจะความดีที่เคยทำไว้จะหนุนส่งให้ ครูจูหลิงลืมตากลับมามองหน้าเพื่อนที่เคยผ่านพ้นมรสุมครั้งสำคัญในชีวิตด้วยกันอีกครั้ง แต่สุดท้ายก็ไร้ปาฏิหาริย์ แต่อย่างน้อยเขาก็ไม่ต้องทรมานอีกแล้ว

สิรินาถ เริ่มต้นบทสนทนาย้อนเหตุการณ์นาทีเป็นนาทีตายให้ฟังอีกครั้งแม้จะมีท่าทางที่ไม่เต็มใจนักก็ตาม ขณะนั้น เที่ยงวันได้ออกจากโรงเรียน และเพื่อนครู นั่งซ้อนท้ายรถจักยานยนต์เพื่อไปรับประทานก๋วยเตี๋ยวที่ร้านไม่มีชื่อหน้าโรงเรียน

ขณะรับประทานอาหารสังเหตุเห็นชาวบ้านออกมารวมกลุ่มประมาณ 50 คนซึ่งเป็นกลุ่มผู้หญิงแทบทั้งหมดห่างจากร้านก๋วยเตี๋ยวไม่ถึง 100เมตร แต่เพราะเชื่อว่าคงเป็นการรวมตัวเพื่อทำภารกิจทางศาสนาในช่วงวันศุกร์ตามปกติเท่านั้น

มารู้อีกทีว่าชาวบ้านรวมกลุ่มเพราะทหารเข้าไปจับคนในหมู่บ้านคดีความมั่นคง ขณะที่ก๋วยเตี๋ยวในชามเหลือก้นถ้วย เพื่อนครูที่นั่งด้วยกันบอกว่าชาวบ้านตะโกนเป็นภาษามลายูโดยจะจับ ครูไทยพุทธเป็นตัวประกันเพื่อแลกกับผู้ต้องหาที่ถูกควบคุมตัวก่อนหน้านี้ จึงใช้วิธีการทำตัวให้กลมกลืนด้วยการยืมผ้าคลุมศรีษะแต่กลับถูกสตรีคนหนึ่งในหมู่บ้าน กระชากผ้าคลุมพร้อมลากแขนออกนอกร้าน

ขณะที่ถูกลากนั้นยังถูกฝ่ามือของใครบางคนตบตีอีกหลายครั้ง ก่อนนำตัวไปบนชั้น2ของโรงเรียน และพบกับ นางสาวจูหลิง มีสภาพบอบช้ำไม่ต่างกัน กระทั่งถูกลางลงมาชั้นล่างอีกครั้งพร้อมกัน

จากนั้นก็นำตัวเธอและครูหลิง ถูกกักขังไว้ที่ห้องเก็บของศูนย์พัฒนาเด็กเล็กในหมู่บ้าน ห่างจากโรงเรียนประมาณ 400 เมตร โดยต่างคนต่างอยู่ในสภาพหวาดกลัว ได้แต่มองหน้าปลอบใจให้กำลังใจกันและวันว่าคงจะไม่มีอะไรรุนแรงไปกว่านี้

ทั้งคู่อยู่ในห้องมืดไม่ถึง10นาที มีเพื่อนครูมุสลิมเข้ามางัดหน้าต่างแต่สตรีกลุ่มหนึ่งที่าคุมเชิงอยู่บอกว่าให้เวลากันคุยกันได้ไม่นาน จึงได้ร้องขอให้คนมาช่วยชีวิต ไม่นานนักมีวัยรุ่นกลุ่มหนึ่งงัดประตูเข้ามาภายใน จากนั้นลงมือทุบตีทั้งสองคน ขณะที่ จูหลิงกัดฟันป้องกันตัว จึงถูกทำร้ายจนแขนหักและมีบาดแผลบริเวณศรีษะอาบเลือด ส่วนสิรินาถถูกกระทืบจนล้มฟุบด้วยความกลัวจึงพยายามพาร่างเข้าไปหลบใต้เตียง

"มีเสียงวัยรุ่นคนหนึ่งอ้างว่าต้องการจับครูเป็นตัวประกันเพื่อแลกให้ปล่อยตัวชาวบ้านที่ถูกจับกุม โดยให้ทั้งคู่เป็นคนเจรจากับเจ้าหน้าที่ ทหารตำรวจให้ปล่อยตัวคนที่ต้องการ"

สิรินาถ บอกว่า นาทีนั้น กลุ่มวัยที่รุมทำร้ายทำร้ายได้แยกย้ายหนีออกไปหมดแล้ว จึงหันไปเห็นครูจูหลิง นอนแน่นิ่งจึงพยายามเรียก และเห็นอาการตอบรับในขณะที่ศรีษะมีเลือดไหลออกมาเป็นลิ่ม จึงรวมรวมกำลังกายทั้งหมดลุกขึ้นอีกครั้งเพื่อยกศรีษะเพื่อนมาแนบกับอกพร้อมใจว่า"เราต้องผ่านวันนี้ไปให้ได้"
เธอ กล่าวด้วยน้ำเสียงสะอื้นว่า จากวันนั้นถึงวันนี้พยายามลบความทรงจำสีเลือด แต่ก็ยังไม่เห็นหนทางใดที่จะสลัดภาพวันที่เราสองคนมีสภาพชุ่มไปด้วยเลือดได้เลย

โชคดีที่เพื่อนคนนี้หลับสนิทไปพร้อมกับจบเรื่องราวอันโหดร้ายในความทรงจำได้เสียที เหลือเพียงฉันคนเดียวที่ยังคงถูกตามหลอกหลอนในทุกค่ำคืนที่คิดถึงเธอ"จูหลิง ปงกันมูล"

ไม่มีใครคาดคิดว่ายุทธการปิดล้อมของกองกำลังสามฝ่ายคือทหารตำรวจและฝ่ายปกครอง ได้เข้าทำการปิดล้อมเพื่อจับกุมผู้ต้องหาฆ่า 2 นาวิกโยธินเกิดขึ้นที่หมู่บ้านกูจิงลือปะ อ.ระแงะ จังหวัดนราธิวาส เมื่อเช้าตรู่วานนี้ จะส่งผลให้ 2 ครูสาวเป็นผู้รับเคราะห์แทน ด้วยฝีมือการเปิดม็อบของนางการีม๊ะ มะสาและ ภรรยาผู้ต้องหาเพื่อต่อรองให้ปล่อยสามี

คิดถึงครูจูหลิง ที่จากไป /คดีดังภาคใต้

ขอบคุณที่มาจาก :: FB ตำนาน คดีดัง

คิดถึงครูจูหลิง ที่จากไป /คดีดังภาคใต้

เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์