ไม่ควรใส่ชุดดำเยี่ยมคนป่วย
ชุดสีดำเป็นสีที่คนโบราณจะถือกันว่า เป็นสีของความทุกข์โศก จะใช้ใส่เฉพาะงานศพเท่านั้น หรือ ถ้าหากจะแต่งสีดำ ก็ไม่ควรจะเป็นสีดำทั้งชุด ควรเป็นครึ่งท่อน หรือ ใส่ผสมสีอื่นๆ ด้วย ชุดสีดำ จึงไม่นิยมที่จะใส่ไปงานมงคลต่างๆ เช่น งานบวช วันเกิด หรือ งานแต่งงาน หรือ แม้กระทั่งไป ไปเยี่ยมคนป่วยช ถ้าใส่ไปจะเป็นเหมือนการแช่ง หรือ เดาเหตุการณ์ล่วงหน้าให้ผู้ป่วยคนนั้นเสียชีวิตเร็วขึ้น ซึ่งทำให้จิตใจผู้ป่วยหดหู่ และหมดกำลังใจเลย อาจจะเกิดอาการทรุดลงได้ง่าย เพราะเหตุนี้ จึงไม่ให้ใช้สีดำ ควรเป็นสีสดใส และแสดงใบหน้าที่สดชื่นให้อีกด้วย
จิ้งจกร้องทัก ไม่ควรออกจากบ้าน
โดยปกติ เราจะไม่ค่อยได้ยินเสียงจิ้งจกร้องมากนัก อาจจะเป็นเพราะมีจำนวนที่น้อย หรือ เป็นเพราะไม่ค่อยได้อยู่บ้าน จึงไม่ค่อยได้ยินเสียงของมัน ตามคำเชื่อของคนโบราณ ได้กล่าวไว้ หากจิ้งจกร้องทัก ไม่ว่าจะกี่ครั้งก็ตาม และเสียงนั้นมาจากด้านหลัง หรือ ตรงศรีษะของคุณ ควรพยายามเลื่อนการเดินทางออกไปเป็นเวลาอื่น หรือ ภายในวันเดียวกันก็ได้ แต่ไม่ใช่เวลานั้น เพราะเหมือนเป็นการทักเพื่อบอกเหตุร้ายที่อาจเกิดขึ้นกับคุณ ซึ่งอาจจะทำให้ตัวคุณเองได้รับอุบัติเหตุ หรือ ไม่มีโชคลาภ แต่ถ้าหากว่าเสียงร้องทักอยู่ด้านหน้า หรือ ซ้ายมือ ก็ให้เดินทางได้ ซึ่งจะทำให้การเดินทางนั้น เป็นไปอย่างราบรื่น และจะได้พบโชคลาภ หรือ ติดต่อธุรกิจสำเร็จ
ตุ๊กแกร้องเวลากลางวัน มีเหตุร้าย
ตามปกติแล้ว ตุ๊กแกที่อาศัยอยู่ในบ้าน มักจะร้องตอนกลางคืน แต่ถ้าได้ยินเสียงร้องช่วงเวลากลางวันขึ้นมาไม่ว่าจะร้องกี่ครั้งก็ตาม ให้ถือว่า เป็นการบอกเหตุร้ายว่า อาจจะเกิดขึ้นกับคนในครอบครัว หรือ ภายในบ้าน ซึ่งปกติตุ๊กแกจะไม่ค่อยร้องในช่วยกลางวันอยู่แล้ว (กลางวันที่กล่าวจะหมายถึง เวลาตั้งแต่เริ่มสว่างจนถึงมืดลง) คนโบราณเชื่อว่า ตุ๊กแกคือ ร่างของวิญญาณของปู่ย่าตายายที่เสียชีวิตไป แล้วมาอาศัยอยู่ คอยดูแลคุ้มครองเพื่อบอกเหตุ หรือ สิ่งที่กำลังจะเกิดแก่ลูกหลาน และจะไม่เคยเห็นตุ๊กแกทำร้ายคนเลย
นกแซกเกาะหลังคาบ้าน เกิดลางร้าย
นกแซกเป็นนกที่ถือว่า มีความอัปมงคลเป็นอย่างยิ่ง ไม่ใช่แค่เฉพาะคนไทยเท่านั้นที่ถือเรื่องนี้ ฝรั่งชาวต่างชาติเองก็ถือเคล็ดนี้เหมือนกัน ก็เพราะโดยธรรมชาติของนกแซกแล้ว มักจะไม่มาอยู่ตามที่อาศัยของคนให้เห็นนัก แต่เมื่อใดมีนกแซกมาเกาะที่หลังคาบ้านใดแล้ว มักจะเกิดสิ่งไม่ดีแก่บ้านนั้นๆ เช่น มีคนป่วยคนเจ็บอยู่ก็อาจเสียชีวิตลงได้ จึงมีคนนิยมแก้เคล็ดให้ร้ายกลับกลายเป็นดี ด้วยการนำเอาดอกไม้ ธูป เทียน สุรา มาบอกเล่า ก็เพียงพอแล้ว คนโบราณบางท่านที่เคร่งครัดเชื่อถือมากๆ ก็จะเพิ่มด้วย ข้าวสาร ข้าวตอก ผ้าแดง ผ้าขาว และเงินทอง
นกถ่ายโดนศรีษะ จะมีโชคคร้าย
โดยปกติแล้วนกนี่มันก็บินไปทั่ว อาจจะชอบมาบินเกาะสายไฟ หรือตามต้นไม้ตรงทางเดิน เมื่อใดที่คุณออกเดินทาง แล้วอยู่ๆ นกก็ถ่ายรดโดนบนศรีษะ คนโบราณท่านว่าไว้ ให้หยุดการเดินทางทันที หรือ อาจจะเลื่อนกำหนด ออกไปในวันรุ่งขึ้น ไม่เช่นนั้น อาจจะเกิดอุบัติเหตุได้ และในกรณีเดียวกัน หากอยู่ในบริเวณบ้าน แล้วมีนกบินมาถ่ายรดศีรษะ ซึ่งโอกาสมีน้อยมาก แต่หากเป็นอย่างนั้นแล้ว ก็ให้เตรียมตัวรับเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้นได้เลย เพราะจะต้องมีเรื่องเดือดเนื้อร้อนใจ หรือ เกิดเหตุร้ายกับตัวเองแน่นอน
เมื่อมีตัวเงินตัวทองคลานเข้าบ้าน
บ้านใครที่มีต้นไม้มากๆนั้น จะมีที่ตัวเงินตัวทองมักมาปรากฏให้เห็น ตามที่ดังกล่าว แต่จะไม่คลานในที่โล่งแจ้ง และก็หาที่มาไม่พบอีกด้วยว่ามาจากที่ไหน เพราะในหมู่บ้านที่อยู่กลางเมืองก็ยังมีให้เห็น ลักษณะของตัวเงินตัวทอง บางคนว่าคล้ายจระเข้ แต่จะมีหางยาวมาก โดยมีขนาดเล็กๆ เท่าจิ้งเหลนจนถึงตัวโตมากๆ จนมีขนาดเท่าลูกจระเข้ทีเดียว ปกติตัวเงินตัวทองนี้จะไม่ทำร้ายใคร แต่คนโบราณท่านว่าเป็นตัวอัปมงคลอยู่ดี จึงมีชื่อเรียกเสียเพราะจะได้แก้เคล็ด แต่หากบ้านไหน มีตัวเงินตัวทองเข้ามาให้เห็น ท่านว่าให้พูดแต่สิ่งที่ดี และไม่ให้ไล่ บางท่านก็ให้หาดอกไม้ธูปเทียนจุดบอกเล่าให้กลายเป็นการนำเอาสิ่งที่ดีๆ เข้ามาในบ้าน
ในเวลากลางคืนได้ยินเสียงร้องเรียก ห้ามขานรับ
สำหรับบ้านในสมัยก่อนที่ยังไม่มีไฟฟ้าใช้เหมือนในสมัยนี้ พอเวลาพลบค่ำลง ต่างคนก็ต่างดับตะเกียงไฟกันเลย คนโบราณท่านว่า หากเวลาปิดบ้านไปแล้วมีเสียงคนมาร้องเรียก ให้เงียบ อย่าขนารับ เพราะนั่นเป็นเสียงของดวงวิญญาณ ที่อาจจะมาหลอกหลอนก็เป็นได้ แต่หากจะมองกันให้ลึกลงไปอ อาจเป็นการป้องกันขโมยขึ้นบ้านในยามวิกาล เพราะขโมยจะมาในหลายรูปแบบ บางคนว่า หากมีเสียงเรียก แล้วไปขานรับ จะทำให้วิญญาณนั้นเข้ามา หรือ เข้ามาในบ้านได้
ตัวเลขนั้นสำคัญฉะไหน
ตัวเลขต่างๆ ตั้งแต่เลข 1 – 10 หรือ แม้กระทั่งเลขที่เกิน 10 ก็ตามจะมีความเชื่อไปต่างๆ กัน แล้วแต่จะถูกโฉลกของแต่ละบุคคล ซึ่งนั่นเป็นความเชื่อ เช่น บางคนไม่ชอบเลข 13 เพราะถือเป็นว่าเลขโชคร้ายของทางฝรั่ง ซึ่งลองสังเกตดูว่าตามตึกใหญ่สูงๆ ภายในลิฟต์นั้นจะไม่มีชั้น 13 จะเป็นชั้น 12 A แทนแล้วแต่สถานที่ นั้นเพราะเนื่องจากคนที่ก่อสร้าง หรือ สถาปนิกเป็นฝรั่ง
คนที่ผมหยิก หน้าก้อ คอต่อ คิ้วสั้น คบไม่ได้
คำกล่าวดังนี้ได้ยินมานานมากๆ.. ซึ่งหากจะดูให้ครบลักษณะที่กล่าวมานั้น คนใดที่มีลักษณะผมหยิก หน้าสั้นๆ หักๆ คอหาแทบไม่เจอ อาจจะเพราะอ้วน หรือ เพราะอะไรก็ตามแต่ และยังมีคิ้วสั้นๆ แต่ถึงอย่างไรก็ตาม ไม่ควรดูแค่รูปกายภายนอกเพียงอย่างเดียว ควรจะศึกษานิสัยใจคอกันก่อนจะดีกว่าไปตัดสินเพียงรูปกาย
ไทยเล็ก เจ็กดำ คบไม่ได้ จิงเหรอ?
คนโบราณท่านว่า คนที่มีลักษณะแบบนี้เป็นคนที่คบยากเหลือเกิน หากเป็นคนไทยก็ต้องมีตัวไม่เล็กแคระแกรน เนื่องจากในสมัยโบราณ คนไทยนั้น ทั้งผู้หญิง และผู้ชายจะตัวใหญ่ จะหาคนตัวเล็กนั้นมีน้อยมาก และถ้าเป็นคนจีนแล้วต้องตัวไม่ดำ คำว่า “ไทยเล็ก เจ็กดำ” จึงติดปากมาจนถึงทุกวันนี้ แต่หากจะพิจารณาให้ถ่องแท้ คงต้องดูที่นิสัยด้วย ซึ่งนั่นเป็นเพียงสังเกตในเบื้องต้นเท่านั้น ก็ควรลองคิดดูว่า จะเป็นจริงตามที่ท่านกล่าวมาหรือไม่ ทั้งนี้ คำกล่าวที่ว่านั้น ไม่ได้รวมถึงเรื่องการงานของเขาเหล่านั้น ท่านหมายความแต่เพียงว่า มักจะมีนิสัยไปทางคนที่ชอบโกง เจ้าเล่ห์เพทุบาย ชอบเอาเปรียบประมาณนั้น
คนหลายเสียงคบไม่ได้
คนเราทั่วๆไป ปกติแล้ว หากไม่มีเสียงธรรมดาปานกลางแล้ว ก็อาจจะมีเสียง แหลมเล็ก หรือ ทุ้มใหญ่ คนโบราณท่านกล่าวไว้ หากผู้ใดมีหลายเสียงในขณะที่พูดคุยอยู่ตามปกติ จะเป็นคนคบยาก เพราะว่า คนนั้นหาความแน่นอนอะไรไม่ได้ แม้แต่เสียงของตัวเองก็ยังบังคับให้อยู่ระดับเดียวไม่ได้เลย ขณะที่พูดคุย เดี๋ยวทำเสียงต่ำ เสียงสูง เสียงเล็ก เสียงใหญ่ไปเรื่อย แต่คนลักษณะแบบนี้หายาก และเมื่อหายากก็ดูจะยิ่งเพิ่มความเชื่อในเรื่องนี้แม่นขึ้นไปอีก ถ้าไปเจอคนลักษณะนี้ก็ให้ห่างๆ ไว้เป็นดี
คนหัวล้านมักเจ้าชู้ และเจ้าเล่ห์?
คำกล่าวนี้มีต้นแบบมาจากขุนช้างในวรรณคดีเรื่อง “ขุนช้าง ขุนแผน” นั่นเอง โดยขุนช้างเป็นคนเจ้าชู้ ชอบหญิงสาวที่มีรูปกายงาม จุดเด่นของวรรณคดีเรื่องนี้ จะมีการแย่งหญิงสาวอันเป็นคนรักของขุนแผน โดยขุนช้างใช้เล่ห์ทุกวิถีทาง เพื่อหลอกให้คนรักของขุนแผน มาอยู่กับตน จึงถูกมองว่า ผู้ที่มีลักษณะเช่นเดียวกับขุนช้าง คือ หัวล้าน มีรูปร่างอ้วนท้วม ขาวนั้น จะต้องมีนิสัยเช่นเดียวกับขุนช้างเสมอไป แต่ขุนช้างก็เป็นคนที่ร่ำรวย มีเงินทองมาก ดังนั้นก็เป็นเรื่องแปลกว่า คนหัวล้านก็มักจะรวยเสียทุกคนเหมือนขุนช้างอีกด้วย
มีปานที่ร่างกาย แสดงว่าเคยเกิดมาแล้ว
เด็กทารกคนใดที่เกิดมาแล้ว มีปาน หรือ เรียกว่า มีตำหนิ ที่ส่วนใดส่วนหนึ่งของร่างกาย คนโบราณถือว่า เคยได้เกิดมาแล้วชาติหนึ่ง และถูกป้ายด้วยของที่ทำเป็นตำหนิเอาไว้ ซึ่งถ้าหากเป็นปานแดง เชื่อกันว่า ถูกป้ายด้วยปูนแดงมา และหากเป็นปานดำ เชื่อกันว่า ถูกป้ายด้วยถ่าน เพราะถ้าหากมีบุญจริง อาจจะได้พบกันชาติหน้า และจำกันได้ โดยสังเกตจากปานหรือตำหนิ แต่หลักความเป็นจริง การเกิดปานไม่ว่าจะมีสีใดก็ตามแต่ เกิดขึ้นเพราะผิวหนังมีความผิดปกตินั่นเอง
ห้ามปลูกต้นไม้ที่วัดปลูก
มีความเชื่อกันว่า ต้นไม้ที่ขึ้นตามวัด หรือ นำได้ไปปลูกที่วัด เป็นของสูง และควรอยู่ในวัดเท่านั้น ไม่ควรนำมาปลูกที่บ้าน ซึ่งถ้าเกิดนำมาปลูกจะทำให้บ้านนั้นตกอับ ไม่เจริญ เหมือนเอาของสูง มาวางไว้ไม่ถูกที่ แต่หากเกิดขึ้นเองโดยที่ไม่ได้นำมาปลูก ก็ให้ถอนออกเสีย หากจะให้ดี ก็ให้นำไปไว้ที่วัด ต้นไม้ดังกล่าวอันได้แก่ ต้นโพธิ์ ต้นหวาย ต้นโมกข์ ต้นไทร ต้นนนทรีย์ ต้นตะเคียน เป็นต้น ทั้งนี้จะรวมไปถึงต้นไม้ที่ไม่เป็นสิริมงคลด้วย เช่น ต้นโศก ต้นระกำ ต้นยาง ที่มักนำมาทำโรงศพ ต้นสำโรง ที่ดอกมีกลิ่นเหม็น ดูไม่เป็นสิริมงคล จึงไม่นิยมปลูกในบริเวณบ้าน
ห้ามตัดผมในวันพุธ
อีกเรื่องหนึ่งที่ห้ามกันนักหนา เชื่อกันว่า ถ้าตัดผมในวันพุธ จะทำให้เกิดความอัปมงคลกับชีวิตเลยทีเดียว ซึ่งจะเห็นได้ว่า ร้านตัดผมมักจะปิดในวันพุธกัน บ้างก็บอกว่า ตัดผมวันพุธหัวกุดท้ายเน่า ในเมื่อเป็นอย่างนี้แล้ว ก็ควรเชื่อเสียบ้าง รอตัดในวันรุ่งขึ้นก็ไม่นานเกินรอ และก็ยังไม่เคยได้ยินเช่นกันว่า นิยมตัดผมกันในวันพุธ
ตาซ้ายตาขวาเขม่น
เรื่องตาเขม่นความจริงแล้ว การเขม่นตาจะแบ่งออก เป็น 3 ช่วงเวลา คือ ถ้าหากเขม่นตาในช่วงเช้า – บ่าย คนโบราณกล่าวไว้ หากเป็นข้างขวาจะมีโชค มีลาภ ได้รับข่าวดี จะสมหวังในเรื่องใดเรื่องหนึ่งที่รอคอย แต่หากเขม่นที่ตาซ้าย ท่านว่าจะมีเคราะห์โชคร้าย เกิดผิดหวังเรื่องใดเรื่องหนึ่งอย่างแน่นอน เช่น เกิดการทะเลาะกัน หรือ สูญเสียของรักบางอย่างไป และถ้าเขม่นตาไม่ว่าข้างซ้าย หรือ ขวา ในช่วงเวลาเย็น จะมีโชคมีลาภ จะได้พบญาติสนิทมิตรที่รักเดินทางมาหา แต่ถ้าเป็นช่วงเวลากลางคืน การเขม่นตาขวาจะไม่ดี จะมีเคราะห์ร้ายเกิดขึ้น ตรงกันข้าม หากเขม่นตาซ้าย จะได้รับโชคลาภจากเพื่อน จะสมหวังกับสิ่งที่รอคอย ที่เรียกว่า “ขวาร้าย-ซ้ายดี” ซึ่งการเขม่นตานี้ เชื่อกันว่า เป็นลางบอกเหตุที่แม่นยำมาก ท่านให้ถือเวลาที่จะเกิดเหตุการณ์ดีและร้ายภายใน 3 วัน
เมื่อสัตว์ป่าเข้าบ้าน
ตามธรรมชาติ สัตว์ป่าก็ควรที่จะอยู่ตามป่าตามเขา แต่เมื่อใดสัตว์เหล่านี้ เช่น งูต่างๆ หรือ แม้กระทั่งเต่า คำโบราณ ถือว่า ผิดธรรมชาติ และหากจะให้สัตว์จำพวกนี้อยู่ในบ้านก็คงจะอยู่ไม่ได้ ถือว่านำความอัปมงคลมาสู่ครัวเรือน ท่านให้แก้เคล็ดด้วยการนำธูปเทียนมาจุด ดอกไม้ บอกเล่า และเชิญให้ออกจากบ้าน พร้อมกับขอพรให้นำพาสิ่งดีงามมาให้ในบ้าน สัตว์ป่าที่เข้าบ้าน ตามคำโบราณยังถือรายละเอียดอีกมากมาย เกี่ยวกับว่า มาทิศใด จะนำอะไรมาให้ แต่ยกเว้นหากเป็นทางทิศตะวันตก และทิศเหนือจะได้รับโชคลาภ แต่ตอนที่สัตว์ป่าเหล่านี้คลานมาก็คงไม่มีใครทราบ
มีกลิ่นธูป หมายถึงวิญญาณ
สมัยก่อนมีความเชื่อว่าถ้าเราได้กลิ่นธูปในยามวิกาล โดยไม่มีใครจุดธูปอยู่ในบริเวณนั้น คนโบราณเชื่อว่า เป็นวิญญาณของญาติสนิทภายในครอบครัวมาหา จะเป็นเพราะคิดถึง ห่วงใยกัน หรือ ด้วยเหตุใดก็ตาม ให้คนที่ได้กลิ่นธูป จุดธูป 1 ดอก บอกเล่าให้ไปที่สงบๆ อย่ากังวลสิ่งใดที่จะทำให้วิญญาณไม่สงบสุขเลย บางท่านอาจขอพรจากวิญญาณญาติสนิทนั้นให้ช่วยปกปักรักษา และให้โชคลาภด้วย แต่หากไม่มีญาติสนิทในระยะนั้นเสียชีวิต เชื่อกันว่า อาจจะเป็นวิญญาณพเนจรทั่วไป ก็ให้จุดธูปเช่นเดียวกัน และบอกเล่าว่า อย่ามารบกวนให้กลัว ให้ไปที่ชอบที่สงบ สวดมนต์แผ่ส่วนบุญส่วนกุศลให้ และนิยมใส่บาตรแผ่กุศลให้ในวันรุ่งขึ้นด้วย
ถ้าผึ้งทำรังในบ้าน จะมีโชค
โดยธรรมชาติแล้ว ปกติผึ้งจะทำรังตามต้นไม้ใหญ่ที่ขึ้นหนาแน่น และจะอยู่ในที่สงบไม่พลุกพล่าน แต่เมื่อใดนั้นที่ผึ้งมาทำรังภายในบ้านไม่ว่าจะเป็นชายคาบ้าน ใต้หลังคา บางบ้านก็มีผึ้งมาทำรังถึงในห้องน้ำ ท่านว่าไว้ว่า อย่าไปไล่ หรือทำลายเด็ดขาด อาจทำให้เกิดความหายนะขึ้นกับครอบครัวเจ้าของบ้านนั้น เพราะผึ้งถือว่าเป็นสัตว์นำโชค ให้ปล่อยผึ้งทำรังต่อไป และยังเชื่อกันว่า ยิ่งผึ้งทำรังใหญ่มากเท่าไหร่ ก็จะมีโชคลาภมากขึ้นเท่านั้น และควรจุดธูปเทียนบูชา รวมทั้งดอกไม้ เพื่อความเป็นสิริมงคลด้วย
ที่มา naarn