ลุงเล่าว่า "ได้เข้ามาถากถางทำไร่ที่นี่ อยู่มาวันหนึ่งก็ได้เห็นสัตว์ป่าเที่ยวออกมาเดินหากิน แต่พอเดินเข้ามาใกล้มันก็ผลุบหายลงหลุมไปทันที พร้อมๆ กับมีค้างคาวบินออกมาจากหลุม ก็เลยนึกเอะใจว่าน่าจะมีถ้ำอยู่ข้างในแน่ๆ จึงได้ชวนพรรคพวกลงไปสำรวจกัน แล้วก็ได้เจอโพรงถ้ำเป็นห้องและคูหามากมาย หลังได้พบถ้ำก็ไม่ได้ใส่ใจอะไรมากนัก จนวันหนึ่งได้มาทำไร่แถวนี้อีกและเผลองีบหลับไป แล้วก็ได้ฝันไปว่า มีพญานาคตัวสีเหลืองใหญ่ยาวขึ้นมาจากแม่น้ำโขง บอกให้ลุงช่วยเฝ้าดูแลรักษาถ้ำเพราะเคยเป็นคนเฝ้าถ้ำแห่งนี้มาก่อนเมื่อชาติที่แล้ว ในตอนแรกลุงไม่เชื่อ แต่จากนั้นไม่กี่วันลุงก็เป็นไข้ป่า รักษาหมอปัจจุบันเท่าไหร่ก็ไม่หาย ลุงเลยไปหาหมอนั่งทางในเขาบอกว่าให้ไปขอขมาพญานาคซะ พอลุงทำตามก็หาย นับจากนั้นลุงเลยมาช่วยดูแลถ้ำ คอยพาคนลงไปเที่ยวชมถ้ำ"
ครั้งหนึ่งลุงได้ร่วมไปกับคณะเดินทางเป็นเวลาถึง 6 วัน พิสูจน์แล้วว่า เส้นทางคดเคี้ยวในถ้ำสามารถนำไปสู่แม่น้ำโขงได้จริง แต่การเดินทางไปยังจุดนั้นยังยากลำบากอยู่ เนื่องจากสภาพภายในถ้ำมีช่องทางคดเคี้ยวเลี้ยวลดไปมามากมาย อาจทำให้พลัดหลงได้ง่ายๆ อีกทั้งขนาดของเส้นทางก็แคบมาก ไม่สามารถยืนหรือเดินเข้าไปแบบธรรมดาได้เลย จะต้องก้มตัว มุด ลอด หมอบ คลาน ไปตลอดทาง เรียกว่าต้องเคลื่อนที่ไปให้เหมือนกับงูก็ว่าได้