10 เรื่องลึกลับบนโลก ปริศนาของตำนานชวนผวา

สามเหลี่ยมเบอร์มิวด้า พื้นที่มรณะที่ครอบคลุมทางตะวันตกของมหาสมุทรแอตแลนติกเหนือ เป็นจุดที่สร้างตำนานสารพัด อันเนื่องมาจากการสูญหายของเรือและอากาศยานแบบไร้ร่องรอย

ความจริง...พื้นที่สามเหลี่ยมเบอร์มิวด้า ไม่ได้อาถรรพ์แรงไปกว่าพื้นมหาสมุทรที่อื่น ค่าเฉลี่ยการจมของเรือก็พอๆกับจุดอื่น แถมปัจจุบัน มันยังเป็นจุดที่มีการจราจรทางเรือและอากาศคับคั่งมากๆ ไม่มีรายงานการสูญหายของเรือและอากาศยานมาตั้งแต่ปี 1999 แล้วด้วยซ้ำ

เดอะ บลูบ คลื่นเสียงลึกลับแห่งมหาสมุทรแปซิฟิกที่ถูกตรวจจับได้ภายในรัศมีถึง 5,000 กิโลเมตร ทำให้เกิดการคาดเดาว่า มันเป็นเสียงของสัตว์ประหลาด ซึ่งจะต้องมีขนาดใหญ่โตมากๆ

ความจริง....คำอธิบายจากองค์การบริหารสมุทรศาสตร์และบรรยากาศแห่งชาติสหรัฐอเมริกา (National Oceanic and Atmospheric Administration : NOAA) คือ มันเป็นเสียงจากแผ่นน้ำแข็งที่แตกตัว ซึ่งก่อให้เกิดคลื่นเสียงในระดับเดียวกัน และแผ่รัศมีได้ไกลตั้งแต่ 5,000 กิโลเมตรขึ้นไปได้เช่นกัน มิใช่สัตว์ประหลาดยักษ์อะไรเลย

พีระมิดแห่งอียิปต์ สิ่งก่อสร้างยุค 2,000 ปีก่อนประวัติศาสตร์ที่ท้าทายความคิดของคนปัจจุบันมาโดยตลอดว่า คนอียิปต์โบราณใช้เทคนิคอะไรในการลากหินขนาดยักษ์จากที่ไกลแสนไกล มาก่อเรียงเป็นชั้นๆแบบนั้นได้ ซึ่งข้อสรุปบางข้อก็ฟันธงมาว่า มันคือผลงานมนุษย์ต่างดาวเท่านั้น

ความจริง...นักวิจัยรุ่นหลังคาดว่า คนโบราณใช้วิธีการลากหินด้วยล้อเลื่อนเพื่อลดแรงเสียดทาน รวมไปถึงการใช้อุโมงค์น้ำในการยกหินแทนการใช้กำลังคน

หินแกะสลักไอคา หินแกะลวดลายจากชาวอินคา ค้นพบในเขตไอคา ซึ่งสิ่งที่ทำให้มันกลายเป็นปริศนาก็คือ ลวดลายของสัตว์หน้าตาเหมือนไดโนเสาร์ปรากฏร่วมกับคน จนเกิดคำถามว่า คนยุคนั้น เคยอยู่ร่วมกับสัตว์ยุคดึกดำบรรพ์จริงๆหรือ

ความจริง....หลังการสืบสวนก็พบกับชาวนาในท้องถิ่นเป็นพยานปากเอกคือนายบาซิลิโอ ผู้เฉลยว่า ความจริงเขาใช้มีดแกะสลักหินเหล่านั้นขึ้นมาเองตามจินตนาการของตน สรุปว่า เป็นหินใหม่ ฝีมือคนปัจจุบันทำขึ้น

เสาเหล็กแห่งเดลี ประเทศอินเดีย เสาเหล็กที่ตั้งโด่ๆท้าแดด ท้าฝนมานาน 1,600 ปี แต่กลับไม่เป็นสนิม ไม่ผุกร่อนจนน่าสงสัยว่า มีพลังอะไรสถิตอยู่หรือเป็นศาสตร์การเล่นแร่แปรธาตุอันลึกลับ

ความจริง....เมื่อวิเคราะห์ส่วนผสมของเหล็กแล้ว นักวิจัยพบว่า มันมีฟอสฟอรัสผสมอยู่ ซึ่งช่วยป้องกันเหล็กจากการถูกทำลายด้วยสนิมนั่นเอง

ข้อความจดบันทึกที่ปนในมหากาพย์โอดีสซีย์ ทั้งนี้ โอดีสซีย์เป็นบทประพันธ์ยุคกรีกโบราณหนึ่งในสองเรื่องของโฮเมอร์ คาดว่าประพันธ์ขึ้นในราว 800 ปีก่อนคริสตกาล ความลึกลับคือ มันดันมีข้อความจดบันทึกปะปนอยู่ในบทประพันธ์ที่ไม่มีใครแปลได้

เรือกลืนชีวิต "แมรี่ เซเลสต์" เรือลึกลับลอยลำกลางทะเล มีผู้ค้นพบในปี 1872 น่าตกใจที่เรือยังคงมีสภาพปกติทุกอย่าง แต่ที่ไม่ปกติคือ ไม่มีลูกเรือบนนั้นเลยสักคน!!

ความจริง...มีการค้นพบว่า เรือบรรทุกแอลกอฮอล์เอาไว้เป็นจำนวนมาก และเมื่อเกิดติดไฟ ลูกเรือจึงรีบอพยพหนีกันหมด ก่อนจะหายสาบสูญไป ส่วนแอลกอฮอล์ในเรือ ก็ไม่ได้ติดไฟใหญ่โต เรือจึงยังคงสภาพปกติ แต่ไร้ลูกเรือ

อสุรกายเนสซี สัตว์ประหลาดแห่งทะเลสาบล็อกเนสส์ ที่หลายคนเชื่อว่ามันเป็นไดโนเสาร์ที่ยังมีชีวิตอยู่ หลักฐานที่ทำให้คนทั้งโลกเชื่อว่ามันมีอยู่จริง คือภาพถ่ายอันโด่งดังเมื่อปี 1934 ของศัลยแพทย์ โรเบิร์ต เคนเนท วิลสัน

ความจริง....ภาพถ่ายอันโด่งดังนั้น ถูกแฉในปี 1998 โดยคริสเตียน สเปอร์ลิง ชายผู้อ้างว่าเป็นหนึ่งในผู้สมรู้ร่วมคิดจัดฉากภาพดังกล่าวขึ้น สัตว์ประหลาดเนสซี ที่แท้เป็นแค่หุ่นจำลอง

   ผี ทำไมใครหลายคนถึงเชื่อเรื่องนี้ ทำไมเราจึงกลัว ทำไมมีคนเห็นผี

          ความจริง....นักวิจัยพบว่า การทำงานของไฟฟ้าในสมอง บางครั้งทำให้เกิดการรับรู้ว่าเราเห็นอะไรบางอย่าง รับรู้สัมผัสได้ถึงอะไรบางอย่างที่มันไม่ได้ปรากฏจริง สรุปว่า เราไม่ได้โดนผีหลอก แต่เราโดนสมองตัวเองนั่นแหละที่หลอกเรา

Mystery Spot สถานที่ท่องเที่ยวในแคลิฟอร์เนีย สหรัฐอเมริกา มันขึ้นชื่อถึงการเป็นจุดท้าทายกฎฟิสิกส์ ด้วยการทำให้เรารู้สึกเหมือนหลุดจากกฎของแรงดึงดูดปกติ แบบที่ไม่รู้จะอธิบายยังไง

ความจริง....มันเป็นศาสตร์ของภาพลวงตาล้วนๆ สิ่งปลูกสร้างถูกทำให้หลอกสายตา ประกอบกับพื้นที่ลาดเอียงถึง 20 องศา แต่เราจะไม่รู้ตัวเพราะถูกลวงตาด้วยเส้นอ้างอิงต่างๆอย่างขอบพื้น ขอบโต๊ะ

Cr::: idiotboxplay_in ,knowledge.jarm.com