** (บทความนี้ถูกโยงกับตำนานพื้นบ้านท้องถิ่น
บางเนื้อหาอาจไม่เป็นวิทยาศาสตร์ โปรดใช้วิจารณญาณในการรับชม ) **
ตำนานกล่าวถึงความขัดแย่งระหว่างพญานาค คือสุทโธนาคและสุวรรณนาค
จนพระอินทร์ทราบเรื่อง จึงสั่งให้พญานาคทั้งสองแข่งกันสร้างแม่น้ำขึ้นคนละสาย
ในที่สุด สุทโธนาคสร้างแม่น้ำได้สำเร็จก่อน (คือแม่น้ำโขงในปัจจุบัน) จึงเป็นผู้ชนะ
และสุทโธนาคก็ได้ขอทางขึ้นลง ระหว่างเมืองบาดาลกับเมืองมนุษย์ไว้อีก 3 แห่ง
หนึ่งในนั้นก็คือ คำชะโนด ซึ่งมีต้นชะโนดขึ้นเป็นสัญลักษณ์ โดยให้สุทโธนาคพร้อมบริวารสามารถกลายร่างเป็นมนุษย์และตั้งบ้านเมืองปกครองอยู่ที่คำชะโนดสืบมา
ตรงกลางคำชะโนดมีบ่อน้ำอยู่กลางดงชะโนด เป็นบ่อน้ำพุด ที่มีน้ำซึมจากใต้ดินตลอดเวลาทำให้ชาวบ้านเชื่อกันว่าบ่อน้ำจากพ่อปู่สุทโธนาคประทานมาให้
และอีกความมหัศจรรย์ของคำชะโนคคือ เป็นเกาะที่ไม่เคยถูกน้ำท่วม เชื่อว่าคำชะโนดมีลักษณะเป็นเกาะลอยกลางน้ำ โดยเกิดจากการสานตัวกันของรากต้นชะโนด จึงทำให้ไม่ถูกน้ำท่วมแม้ว่าน้ำจะเคยท่วมทั่วบริเวณโดยรอบก็ตามที
ตำนานลี้ลับถึงถ้ำที่เชื่อมต่อโลกมนุษย์และโลกบาดาน ดินแดนแห่งพญานาคถ้ำเพียงดิน เป็นถ้ำที่อยู่ใต้ดินลึงลงไปในบริเวณวัดวัดถ้ำเพียงดินหรือวัดถ้ำศรีมงคล ตั้งอยู่ที่ บ้านดงต้อง ต.ผาตั้ง อ.สังคม จ.หนองคาย
ชาวบ้านเชื่อว่า ถ้ำนี้สามารถเดินเชื่อมต่อลงไปใต้แม่น้ำโขงผ่านไปยังประเทศลาวได้โดยใช้เวลา 9 วัน 9 คืน นอกจากนี้ยังเชื่อว่าสามารถเชื่อมต่อไปยังคำชะโนด ที่จังหวัดอุดรธานีได้ด้วยโดยมีเรื่องเล่าว่า ในถ้ำแห่งนี้เป็นเส้นทางที่พระธุดงด์จากลาวใช้ข้ามฝั่งลอดใต้แม่น้ำโขงมายังประเทศไทย
เหตุที่หลายคนเรียกถ้ำนี้ว่า ถ้ำพญานาค มาจากตำนานความเชื่อว่า ที่แห่งนี่เป็นทางเข้าออกของธิดาพญานาค ซึ่งมาหลงรักเจ้าชายของเมืองโลกมนุษย์ แต่ครั้นพอถึงวันออกพรรษา ธิดาพญานาคต้องกลับสู่เมืองบาดาลเพื่อไปเล่นน้ำกับพญานาคด้วยกัน เจ้าชายตามมาพบรู้ว่าคนรักของตนเป็นพญานาคจึงขอตัดขาดจากกันที่ถ้ำแห่งนี้(ฟังเรื่องราวคล้ายๆกับละครเรื่องนาคี เลยทีเดียวนะครับ)
ภายในถ้ำมีน้ำไหลผ่านตลอดทั้งปี ลักษณะเป็นถ้ำที่มีทางเชื่อมต่อกันหลายทาง คล้ายๆกับใยแม่มุม(จึงต้องมีคนนำทางเมื่อจะเข้าไปในถ้ำซึ่งเป็นคนของทางวัดจะนั่งรอที่หน้าทางเข้า) บางช่วงเป็นช่องทางแคบๆต้องคานเข้าไป บางช่วงเป็นห้องใหญ่สามารถจุคนได้ร้อยคนภายในถ้ำประดับไฟแสงสีสวยงาม ไม่ได้ดูน่ากลัวอย่างที่คิดนะครับ
ภายในถ้ำแบ่งออกเป็นห้องต่างๆ ตามความเชื่อของคนในชุมชนเช่น ห้องธิดาพญานาคทั้ง4นาง ห้องเก็บหีบศพพญานาคแผ่นคําภีร์ศิลาพญานาค และยังมีเจดีย์ภายในถ้ำ
ถ้ำพญานาค หรือ ถ้ำเมืองบาดาลจำลอง ตั้งอยู่ที่ วัดไทย อ.โพนพิสัย จ.หนองคาย
ตามความเชื่อโบราณ เชื่อว่าเมืองหลวงของพญานาคอยู่บริเวณแม่น้ำโขงหน้าวัดไทยในคืนหนึ่ง เจ้าอาวาสวัดไทยได้นิมิตว่า มีหญิงชาย ร่างกายสีดำมานิมนต์ให้สร้างสัญลักษณ์ประจำเมืองบาดาลหรือเมืองพญานาคไว้เมืองมนุษย์ ณ บริเวณ วัดไทย
จึงได้ก่อสร้างเป็นอุโมงค์รูปพญานาค สูง 19 เมตร ทางเข้าจะเชื่อมเข้าไปในลำตัวของพญานาคภายในแบ่งเป็น ถ้ำจำลอง 7 ห้อง แต่ละห้องแสดงถึงเรื่องราวของเมืองบาดาล
ริมฝั่งโขงหน้าวัดไทย เป็นจุดชมบั้งไฟพญานาคที่ได้รับความนิยมที่สุดของ จ.หนองคาย
วันออกพรรษา 15 ค่ำเดือน 11 ขอเชิญทุกท่านมาพิสูจน์ตำนานแห่งพญานาคกันนะครับ
แม่น้ำโขงมีความยาวกว่าสี่พันกิโลเมตร ทอดตัวไหลผ่านถึง 6 ประเทศ ใครเลยจะรู้ว่าจุดที่ลึกที่สุดของแม่น้ำโขง หรือที่เรียกว่าสะดือแม่น้ำโขง ตั้งอยู่ที่ แก่งอาฮง จ.บึงกาฬ ประเทศไทยเรานี้เอง
ที่ใต้สะดือแม่น้ำโขงนั้นมีถ้ำขนาดใหญ่ เชื่อว่าเป็นเมืองหลวงของพญานาค ถือว่าเป็นจุดศูนย์กลางการปกครองนาคพิภพ โดยถ้ำแห่งนี้สามารถใช้สัญจรไปฝั่งลาวได้ซึ่งจะไปทะลุที่ภูงูส่วนทางออกอีกด้านคือ คำชะโนด
จุดนี้เป็นจุดชมบั้งไฟพญานาคที่มีความพิเศษคือ ลูกไฟจะมีขนาดใหญ่สีเขียวลอยขึ้นจากกลางน้ำตำนานเล่าขานว่า ถ้ามีคนตกน้ำตกตายเหนือแก่งอาฮงขึ้นไป ไม่ว่าที่ใดหากหาศพไม่พบก็จะหาได้ที่แก่งอาฮง เชื่อกันว่าศพจะไหลไม่พ้นแก่งอาฮง เพราะตกลงไปในจุดที่เป็นคุ้งน้ำไหลวนและเป็นจุดที่ลึกที่สุดของแม่น้ำโขงนั่นเอง
สระน้ำที่มีตำนานอันเก่าแก่ตั้งแต่สมัยอาณาจักรล้านช้างตั้งอยู่ที่ วัดพระธาตุบังพวน อ.เมือง จ.หนองคาย
ตำนานกล่าวว่า เมื่อครั้งได้อัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุของพระพุทธเจ้ามาบรรจุไว้ในองค์พระธาตุได้เกิดปรากฏการณ์ประหลาด มีสายน้ำพวยพุ่งออกมาจากพื้นดิน
พระมหาเทพหลวง ได้สังเกตุเห็นว่ามีสายน้ำพุ่งขึ้นมาตลอดเวลาจากปล่องภูพญานาค
ที่เฝ้ารักษาพระธาตุบังพวน จึงได้ชักชวนญาติโยมขุดสระรองรับน้ำเอาไว้ และสร้างรูปปั้นพญานาค 7 เศียรไว้กลางสระแห่งนี้
ปัจจุบันสระมุจลินท์แห่งนี้ถือเป็นสระน้ำ สำคัญประจำจังหวัดหนองคาย น้ำในสระแห่งนี้ถูกนำไปใช้ในพิธีสรงมูรธราชาภิเษก พิธีถือน้ำพิพัฒน์สัตยา และพิธีศักดิ์สิทธิ์สำคัญของประเทศไทย
พระธาตุกลางน้ำ ตั้งอยู่กลางแม่น้ำโขง เขตเทศบาลหนองคายโดยตำนานกล่าวถึง การอัญเชิญพระธาตุของพญานาคเมื่อกว่า 200 ปีก่อน
เมื่อ 200 ปีก่อน เกิดเหตุการณ์องค์พระธาตุพังทลายลงกลางแม่น้ำโขง ทำให้ชาวเมืองหนองคายเชื่อว่า เป็นเพราะอิทธิฤทธิ์ของพระญานาคทำการอันเชิญพระธาตุไปประดิษฐานที่ถ้ำบาดาลไว้มิให้สูญหายซึ่งในช่วงหน้าแล้ง จะปรากฏพระธาตุที่โผ่พ้นจากแม่น้ำโขงส่วนในช่วงหน้าฝนพระธาตุจะจมอยู่ใต้แม่น้ำโขงจนไม่สามารถเห็นองค์พระธาตุปัจจุบันได้จำรองพระธาตุขึ้นมาใหม่ซึ่งอยู่ตำแหน่งเดิม ก่อนที่จะพังลงสู่แม่น้ำโขง
ตำนานพระพุทธรูปหนึ่งเดียวที่พญานาคได้มาร่วมสร้างหลวงพ่อพระใสประดิษฐานอยู่ ณ วัดโพธิ์ชัย ตั้งอยู่ในเขต อ.เมือง จ.หนองคาย
ตำนานกล่าวว่า ในสมัยพระเจ้าไชยเชษฐาธิราช ทรงมีพระราชธิดา 3 พระองค์ พระธิดาทรงขอพรจากราชบิดา เพื่อสร้างพระพุทธรูปประจำพระองค์ขึ้นโดยมีข้าราชบริพารและชาวบ้าน ได้ระดมช่างกำลังคนมาช่วยกันสร้างการหล่อทองเป็นไปด้วยความยากลำบากใช้เวลาหล่อทองถึง 7วัน 7คืนแต่ทองก็ยังไม่ละลาย ทำให้ไม่สามารถประกอบพิธีเททองหล่อพระพุทธรูปตามขั้นตอนได้
เข้าวันที่ 8 ตอนใกล้เพลในขณะที่หลวงตากับเณรน้อยกำลังช่วยสูบลมหล่อทองอยู่นั้น ก็ปรากฏมีชีปะขาวคนหนึ่งอาสามาช่วย หลวงตากับสามเณรจึงหยุดพักและขึ้นไปฉันท์เพลเวลานั้นชาวบ้านก็ต่างแปลกใจที่เห็นชีปะขาวจำนวนมากมายกำลังเททองหล่อพระพุทธรูปอยู่ จากนั้นทองทั้งหมดได้ถูกเทลงในเบ้าหล่อทั้ง 3 เบ้าเรียบร้อยแล้วและชีปะขาวได้หายตัวไป
ชาวบ้านเชื่อกันว่า เหตุอัศจรรย์ที่เกิดขึ้นนี้ เป็นอิทธิฤทธิ์ปาฏิหารย์ของเหล่ากายทิพย์พญานาคที่มีความเลื่อมใสศรัทธาในพระพุทธศาสนา เป็นผู้สร้างพระพุทธรูปในครั้งนั้น
© 2567 บริษัท ที่นี่มีเดีย จำกัด เข้าหน้าแรก Teenee.com
Youtube : teeneedotcom Line id : teeneedotcom Facebook id : teeneedotcom instagram : @teeneedotcom Twitter : teeneecom ติดต่อเรา