รีสอร์ทเฮี้ยน!?


รีสอร์ทเฮี้ยน!?

"รีสอร์ท"


เรื่องที่จะเล่านี้ เป็นเรื่องที่เกิดขึ้น สมัยที่ดิฉันเรียนมหาวิทยาลัยชั้นปีที่ 3 และพวกเราไปรับน้องกันที่จังหวัดเพชรบุรี สถานที่รับน้องก็จะเป็นลักษณะรีสอร์ทเก่าๆ

บริเวณรอบข้างรีสอร์ทก็จะเป็นธารน้ำตกซึ่งเหมือนกับจะอยู่ปลายน้ำมากแล้ว เพราะมันเล็ก ไม่ค่อยมีน้ำ และเริ่มเน่า แต่ก็ไม่แน่ใจนะคะ เพราะดิฉันเห็นแค่ด้านเดียวซึ่งเป็นด้านหน้าและอยู่ใกล้สุด


"น้ำตก"


แต่ได้ข่าวว่ามีน้องๆแอบไปเล่นน้ำตกกัน ซึ่งคาดว่าคงจะมีอีกด้านที่สวยกว่า อันที่จริงกลุ่มเพื่อนๆของดิฉันที่ไปก็ไม่ได้มีหน้าที่ในการรับน้องหรือจัดกิจกรรมโดยตรง

เราไปให้กำลังใจและคอยช่วยเหลือเท่านั้น อีกทั้งก็ถือว่าไปเที่ยวด้วยค่ะ ดิฉันจึงนำรถส่วนตัวไปเอง ไม่ได้ไปพร้อมรถบัส ดังนั้นกลุ่มพวกเราจึงว่างมากกว่าพวกที่จัดกิจกรรมโดยตรง


"รับน้อง"


ซึ่งก็มีอยู่ 2-3 กลุ่มค่ะที่ตามไปแบบนี้พอไปถึงก็ประมาณบ่ายกว่าๆ วันแรกก็ไม่มีอะไร ทุกคนต่างแยกย้ายกันจับจองที่พัก และจัดเตรียมร่วมกิจกรรม ซึ่งมีพวกปี 2 และ ปี 3

บางส่วนมาจัดเตรียมสถานที่รับน้องก่อนหน้านี้แล้ว วันแรกก็จะเป็นการรับน้องแบบเบาๆ และก็ปล่อยน้องพักผ่อนตามสบายในช่วงเย็นๆ ถึงเวลาก็มารวมกันเพื่อรับประทานอาหาร


"ร้านเก่า"


ตอนนั้นดิฉันก็ไม่ทราบว่าใครไปทำอะไรที่ไหนบ้าง แต่กลุ่มพวกเราก็จะนั่งคุยกันบริเวณระเบียงที่พักมากกว่า พอหลังเวลาอาหาร เพื่อนๆในกลุ่มก็พากันชวนไปดื่มสังสรรค์กันที่ร้านเล็กๆ

ตรงข้ามหน้ารีสอร์ท ซึ่งก็เป็นร้านเดียวเท่านั้นที่อยู่ที่นั่น เป็นร้านหลังคามุงจากเก่าๆดูไม่น่าเป็นร้านได้เลย แต่ดิฉันก็ขอไปด้วย รวมทั้งหมด 4 คน และในร้านก็มีโต๊ะเดียวอีกต่างหาก


"เดินจงกลม"


แล้วเราก็นั่งสั่งอาหารและเครื่องดื่มตามปกติ ดิฉันนั่งอยู่มุมที่หันหน้าเข้าทางด้านหน้าของรีสอร์ท ในขณะที่เรานั่งคุยกันไปไม่นานนัก ดิฉันก็เห็นรุ่นพี่ปี 4 คนหนึ่ง ลักษณะของแก

จะเป็นคนตัวเล็ก ไม่สูง ผิวดำ ผอมบาง เดินวนไปเวียนมาเหมือนเดินจงกลมที่หน้าระเบียงบ้านหลังแรก ซึ่งใกล้กับร้านที่เรานั่งอยู่มาก ประมาณไม่น่าเกิน 100 เมตร ดิฉันก็เริ่มสงสัยว่าพี่เขาทำอะไร


"ตีลังกา"


แต่ก็ไม่ได้สนใจหันมาคุยกับเพื่อนต่อ ในขณะที่เพื่อนอีกสามคนคุยกันอย่างสนุกสนาน ดิฉันก็มองไปที่รุ่นพี่คนนั้นอีก คราวนี้ไม่เดินจงกลมแล้วค่ะ แต่เปลี่ยนไปตีลังกาม้วนหน้าแทน

เลยยิ่งสงสัยใหญ่ว่ามาออกกำลังกายอะไรตอนนี้ ยังไม่สิ้นความคิด พี่คนนั้นก็ตีลังกากลับหลังยังกะนักยิมนาสติก มันก็ยังไม่น่าเหลือเชื่อเท่าไหร่ แต่ที่เหลือเชื่อก็คือ


"ของขึ้น"


เขาทำแบบนี้กลับไปกลับมาไวมาก ซึ่งมันผิดคนธรรมดามาก ดิฉันจึงชี้ให้เพื่อนๆดู ทุกคนต่างตะลึง และก็เริ่มได้ยินเสียงหวีดร้องของพี่คนนั้น คล้ายเสียงลิง หรือ ชะนี

อะไรแบบนั้นดังขึ้นๆเรื่อยๆ จนคนอื่นๆที่อยู่ในรีสอร์ทต่างพากันมามุงดู พวกเราก็เลยวิ่งเข้าไปดูบ้าง ไม่นานเพื่อนๆของรุ่นพี่คนนี้ที่รู้จักเขาดี ก็วิ่งออกมาและตะโกนว่า เฮ้ย มันของขึ้น


"เอาไม่อยู่"


แล้วก็ให้ไปหาเชือกใหญ่ๆมา ในขณะที่คนไปหาเชือกอยู่ ที่เหลือก็พากันโอบรัดเพื่อให้หยุดเพราะกลัวว่าเขาจะบาดเจ็บ แต่ไม่น่าเชื่อเลย ผู้ชายเกือบ 10 คน เอาผู้ชายตัวเล็กๆคนเดียวไม่อยู่

ต้องผลัดเปลี่ยนกันเข้าจนหมดแรง พอเชือกมาก็ไม่รู่จะทำไง เขาดิ้นแรงมาก ทุกคนลงความเห็นคือล้มทับ คล้ายรักบี้ฟุตบอลหน่ะค่ะ ทับอยู่ซักพักพอเห็นว่าเขาหยุดดิ้น


"ลิงลม"


จึงรีบนำเชือกมัดตัวเขาติดไว้กับต้นมะพร้าวซึ่งอยุ่หน้าบ้านพักพอดี ทุกคนก็แยกย้ายกันไปนอน เหลือแต่เพื่อนร่วมห้องของพี่เขาคอยดูแล พวกเราก็นั่งอยุ่เป็นเพื่อนและคุยกันเรื่องนี้

ถึงรู้ว่า รุ่นพี่คนนี้เขาสักลิงลมไว้ด้านหลัง ปกติเขาจะควบคุมได้ แสดงว่าที่นี่ต้องมีอะไรบางอย่าง ทำให้ของเขาขึ้น พวกเราก็ฟังด้วยความตื่นเต้นและแปลกใจ และถามว่า


"เมื่อคุยรู้เรื่อง"


แล้วจะปล่อยได้เมื่อไหร่ เขาก็บอกว่า ก็ต้องคอยคุยกับเขา จนรู้สึกว่าคุยกับรุ่นพี่คนนั้นอยู่ ไม่ใช่คนอื่น ก็คงปล่อยและพาเข้านอนวันต่อมา ก็เป็นวันเข้มข้นของการรับน้อง

อากาศดีมาก แสงแดดอ่อนๆ พวกปี 2 เริ่มว้ากน้อง อันที่จริงพวกเราแทบไม่ได้นอน แต่ก็มานั่งใหกำลังใจ กะว่าสายๆถ้าไม่ไหว ก็จะแอบไปนอน ยังไม่ทันถึงชั่วโมงเลย


"เป็นลม"


มีน้องเป็นลม 1 คน ก็พาไปปฐมพยาบาลในห้องพัก จากนั้นแดดก็เริ่มร้อนขึ้นเรื่อยๆ และมีน้องเป็นลมมากขึ้น ทุกคนจึงลงความเห็นว่า ให้ยกเลิกรับน้องกลางแจ้ง เปลี่ยนเป็นรับตามซุ้มแทน

เพราะแดดล่มอยู่ใต้ต้นไม้ และให้แต่ละซุ้มยืดเวลานานหน่อยให้พอดีกำหนดกาล แต่ก็ไม่เป็นผล น้องๆต่างพากันเป็นลมยังกะใบไม้ร่วง และดูอาการยิ่งหนักขึ้นเหมือนเป็นหืดหอบด้วย


"ถามคนที่นี่"


จึงต้องรีบส่งอนามัยที่ใกล้ที่สุด ก็ประมาณ 10 กิโลได้ ซึ่งรถยนต์ส่วนตัวที่ทุกคนนำมาก็มีประมาณ 4-5 คัน รวมทั้งของดิฉันด้วย ผลัดกันไปส่งยังไม่พอเลย จากประสบการณ์

ที่ทุกคนเคยรับน้องมา ทุกคนต่างรู้ว่ามันแปลก มันไม่ธรรมดาแล้ว รุ่นพี่ทุกคนจึงคิดว่า ต้องถามคนที่นี่แล้วหล่ะ ว่าที่นี่มีอะไร ดังนั้นจึงส่งตัวแทนไปถามคนที่ดูแลรีสอร์ท


"เจ้าที่"


ซึ่งก็ไม่รู้เรื่องต้องรอถามคุณลุงอีกคน กว่าจะได้พบคุณลุงก็เกือบเย็น จากคำบอกเล่าของเพื่อนๆที่ไปคุยกับคุณลุงมา แกบอกว่า พวกเรามานี่ได้ไหว้เจ้าที่หรือยัง และที่มานี่ได้

ทำอะไรลบหลู่ท่านไว้หรือป่าว ถ้ามี ก็ไหว้ขอขมาซะ ซึ่งจากที่ดิฉันทราบมาก็มีตัวแทนพากันไปไหว้เจ้าที่คืนนั้นเลย โดยคุณลุงเป็นคนพาไปเอง ซึ่งศาลเจ้าที่จะอยู่ในป่าด้านข้างรีสอร์ท


"ไหว้เจ้าที่"


เมื่อทุกคนรู้ว่าได้ไหว้แล้วก็สบายใจ ในช่วงที่เขาตามหาคุณลุงและไปไหว้เจ้าที่กัน กลุ่มของดิฉันไม่รู้เรื่องหรอกค่ะ แอบไปหลับตั้งแต่บ่ายๆแล้ว ตื่นมาก็ค่ำแล้ว เพื่อนๆถึงเล่าให้ฟัง

และก็นั่งเม๊าถึงเรื่องที่เกิดขึ้นทั้งหมด มีเพื่อนคนหนึ่งเขาเป็นกระเทยเปรยให้ฟังว่า ที่จริงน้องปี 1 ก็สมควรโดนแล้วหล่ะ มีอย่างที่ไหนแอบไปแก้ผ้าเล่นน้ำตกกันวันแรกหน่ะ


"ยังเป็นลม"


และมีมาบอกว่ามีน้องอยู่คู่หนึ่ง แอบไปมีอะไรกันริมธารน้ำด้านหลังโน่น แต่เรื่องนี้ดิฉันฟังไม่ค่อยเชื่อหรอกค่ะ แต่ก็ฟังเอาไว้ คิดว่าเป็นเรื่องที่เราไม่ได้ไหว้ท่านก่อนมากกว่าวันต่อมา

ซึ่งเป็นวันสุดท้ายที่เราจะต้องกลับ ก็จะมีการรับน้องเบาๆในช่วงเช้าเท่านั้น แต่ก็ไม่วายมีน้องเป็นลมอีก กลุ่มที่ไปไหว้เจ้าที่ชักเริ่มกลัวและไม่รู้ว่าจะทำอย่างไร คุณลุงก็ไม่อยู่แล้ว


"ไหว้ทุกคน"


จึงประชุมรุ่นพี่ทุกคน และลงความเห็นว่า เราจะบอกน้องปี 1 เรื่องที่กำลังเผชิญอยู่ จริงไม่จริงไม่รู้ แต่ทุกคนที่มาต้องไปไหว้ทุกคน ดังนั้นจึงได้ประชุมทั้งหมดและแจ้งน้องๆว่า

ในตอนเที่ยงเราจะไปไหว้เจ้าที่กันทั้งหมดนี่เลย และบอกน้องว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทุกเรื่องมันไม่ใช่เรื่องธรรมดา ขอให้น้องทุกคนจงสำรวม ใครไม่เชื่อก็อย่าลบหลู่


"น่ากลัว"


และใครที่เคยทำไม่ดีและลบหลู่สถานที่ไว้ก็ให้อธิฐานขอขมาซะ จากนั้นเมื่อได้เวลาไปถึงสถานที่ไหว้เจ้าที่ ทุกคนก็ได้รับธูปที่จุดแล้วคนละ 1 ดอก ดิฉันมีความรู้สึกว่า

ที่ตรงนั้นมันแห้งแล้ง ไร้ความชื้น ร้อนอบอ้าว วังเวงและน่ากลัวมาก ขนาดไปกันเยอะแยะยังรู้สึกน่ากลัวได้ จากนั้นก็มีรุ่นพี่คนหนึ่งกล่าวนำไหว้และขอขมาเจ้าที่ให้ทุกคนทั้งหมดพูดตาม


"สบายใจขึ้น"


หลังจากพูดจบก็มีลมพัดวูบ ฝุ่นฟุ้งไปหมด เก็บธูปไปปักแบบทุลักทุเลมาก พอจะเดินกลับ ดิฉันกลับรู้สึกว่าที่ตรงนั้นเย็นขึ้น ร่มรื่นขึ้น รู้สึกสดชื่นขึ้นทันที แต่ก็ไม่แน่ใจว่าเป็นเพราะลมที่พึ่งพัดมาทำให้เย็นสดชื่น

หรือเป็นเพราะเจ้าที่ท่านรับรู้ แต่ดิฉันขอคิดอย่างหลังดีกว่า เพราะสบายใจกว่าค่ะ หลังจากนั้นพวกเราก็เก็บของและเดินทางกลับเลย พวกที่ไม่ได้มากับรถบัส ที่นัดกันว่าจะอยู่เที่ยวต่อก็ไม่อยู่แล้วค่ะ แค่แวะไปดูเขื่อนให้สบายใจแล้วกลับเลยดีกว่า



รีสอร์ทเฮี้ยน!?

เครดิต :

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์