สัญญาณมรณะ!?
"นายมิ้งส์" เล่าประสบการณ์ขนหัวลุกเมื่อเห็นยมทูตบนหลังคา
ตีสองกว่าแล้ว หลับอยู่ดีๆ ผมก็ต้องตื่นเพราะเสียงหมาเห่า! หมาผมเองแหละ ตั้ง 3 ตัวแน่ะ
หมาไทยธรรมดาๆ แบบหมาข้างถนน ผมเก็บมาเลี้ยงไว้แล้วก็ไม่ผิดหวังมันดุมาก แต่ก็รักผม อ้อนผมน่าดู
ฟังซิครับ...เห่าแบบนี้มันผิดปกติ
นี่ขนาดผมนอนห้องแอร์ยังหนวกหูจนตื่น แล้วข้างบ้านผมล่ะ? ทั้งเกรงใจชาวบ้าน ทั้งกลัวขโมย
ผมจำใจลุกจากเตียง ไม่ลืมคว้าไฟฉายและไม้เบสบอลไปด้วย!
พอเดินออกจากห้องผมก็รู้ว่าเราตื่นกันทั้งบ้านเลย พ่อ แม่กับน้องสาว ต่างโผล่หน้าออกมาจากประตูห้องนอน
"มันเห่าอะไรน่ะ ไปดูซิ...มีใครเข้าบ้านรึเปล่า?"
พ่อกระซิบกับผม ขณะที่แม่ดึงแขนเสื้อไว้ "ระวังก่อนลูก อย่าเปิดไฟ!"
แม่หันไปดุน้องสาวที่ทำท่าจะกดสวิตช์ข้างผนัง เธอชะงักมือไว้ทัน
ในตอนกลางคืนแบบนี้ เราปิดไฟเข้านอนจนมืดไปทั้งบ้าน แต่ภายนอกนั้นมีแสงสว่างจากเสาไฟในซอย
และแสงจากพระจันทร์
เวลาเราปิดไฟจะมองเห็นข้างนอกได้แต่พอเปิดไฟปุ๊บเราจะไม่เห็นอะไรข้างนอกเลย
ตรงกันข้าม ถ้ามีใครอยู่ที่นั่น เขาจะมองเข้ามาเห็นเราอย่างชัดเจน!
เสียงหมายังเห่ากระชั้น น้องสาวผมเดินเกาะหลังแม่ออกมา เธอเพิ่งจะอยู่ ม.ต้น ตัวอ้วนกลมเชียว ตอนนี้คงกลัวน่าดู!
ส่วนผมน่ะอยู่มหาวิทยาลัยปี 2
ความรู้สึกลึกๆ บอกว่าเราโตแล้ว ต้องดูแลพ่อแม่ และน้องให้ดีที่สุด
ผมกำไม้เบสบอลให้กระชับมือ แล้วบอกให้แม่กับน้องอยู่ในบ้าน พ่อเดินตามหลังผมมา เราก้าวออกไปนอกบ้านมองไปรอบๆ
สนามหญ้า แสงจันทร์เต็มดวงส่องกระจ่าง บ้านเราไม่ใหญ่โตนัก กวาดสายตาแป๊บเดียวก็ทั่ว
เสียงหมาเห่าครางหงิงๆ
ผมนึกกลัวว่าขโมยจะโยนยาเบื่อให้กิน แต่นั่นไง...เจ้าสามตัววิ่งมาทางผมกับพ่อ มันวนรอบๆ เราแล้วหันไปทางหน้าบ้าน
ผมกับพ่อมองตากัน แล้วเดินไปดูที่ประตูรั้ว
จากที่ตรงนี้ เราจะเห็นบ้านหลังใหญ่ที่อยู่ตรงข้ามบ้านเราได้เต็มตา!
"อ๊อด...เข้าบ้าน!" พ่อกระตุกแขนผม
พูดเบาๆ แต่น้ำเสียงขาดห้วนพิกล...และวินาทีนั้นเอง ผมก็เห็นสิ่งที่พ่อเห็น
บนหลังคา ตรงริมชายคาชั้นสามของบ้านตรงข้าม มีร่างของชายผู้หนึ่งนั่งยองๆ อยู่...ทีแรกที่เห็น ผมขนลุกซ่า ในใจมีสองคำตอบให้เลือก
คนหรือผี?!
ถ้าหากเป็นคน เขาคือใครครับ?
ขโมยหรือคนบ้า หรือคนจะฆ่าตัวตาย? เขานั่งยองๆ ริมชายคาสูงลิบลิ่ว เห็นแล้วเสียวสยองสุดขีด สีแดงวาบเป็นจุดเล็กๆ อ้อ...เขาสูบบุหรี่ด้วยครับ
ใครนะมานั่งยองๆ สูบบุหรี่บนหลังคาของบ้านสามชั้นตอนกลางดึกตีสองแบบนี้น่ะ?
"ไม่ต้องพูดอะไรนะ...เดินเฉยๆ อย่าวิ่ง"
แว่วเสียงพ่อกระซิบใกล้หู มือที่กำต้นแขนผมเย็นเฉียบ
สัมผัสได้ถึงอาการเกร็งไปทั้งตัว...ท่าเดินนั้นฝืดฝืนเต็มที ผมจับมือพ่อแน่น...เราพากันเดินกลับเข้าบ้าน ระยะทางแค่ไม่กี่ก้าวนั้นดูยาวเป็นกิโลฯๆ ทีเดียว
เมื่อก้าวเข้าประตูกระจกบานเลื่อน แม่กับน้องยืนรออยู่ ทั้งคู่คงเห็นแล้วละครับ...น้องกอดเอวแม่แน่น ส่วนแม่ก็เอามืออุดปาก
"พ่อ...นั่นอะไร? คนหรือว่า..."
เสียงแม่ขาดหาย พ่อสั่นหน้าไม่ให้พูดขณะที่ล็อกประตูแล้วรูดม่านปิดสนิท
คืนนั้น น้องไปนอนห้องพ่อแม่ สำหรับผมกลัวแทบขาดใจ แต่ก็เข้าห้องตัวเอง ปิดม่าน ไม่กล้าเปิดไฟ นอนห่มผ้าลืมตาอยู่นาน
ไม่รู้ว่าหลับไปเมื่อไหร่...ดีนะครับที่รุ่งขึ้นเป็นวันอาทิตย์ ไม่ต้องไปเรียนน่ะ
เช้าต่อมา เราคุยกันถึงสิ่งที่เห็นเมื่อคืน...
พ่อผมแน่ใจได้ยังไงว่านั่นไม่ใช่คน? เพราะไม่ได้โทร.แจ้ง 191 ไม่ได้โทร.บอกเจ้าของบ้านฝั่งตรงข้าม
ที่เป็นคนคุ้นเคยกับเราเป็นอันดี...แค่นี้ก็แสดงว่า พ่อไม่คิดว่าร่างที่เห็นนั้นเป็นคนอย่างแน่นอน!
"มันหันมามองเรา" พ่อเล่า
"ไม่เห็นเหรอว่าหัวมันหมุนไปรอบ! มันหันมาแล้วไม่ได้หันกลับแบบคนธรรมดา แต่หมุนคอไปรอบเลย!"
น้องทำหน้าเหมือนจะร้องไห้ ผมเองก็เย็นวาบไปทั่วแผ่นหลัง แม่บอกว่าเมื่อคืนเป็นวันพระ เขาคงมาขอส่วนบุญ...แม่ใส่บาตรให้แล้วแต่เช้าตรู่
เราไม่รู้ว่าวิญญาณนั้นเป็นใคร? ทำไมมานั่งตรงนั้น?
พ่อบอกว่าอาจเป็นวิญญาณเร่ร่อนก็ได้
แต่สามวันต่อมาเราก็รู้คำตอบ...แม่ครัวในบ้านหลังนั้นถูกรถชนตาย!
เป็นอันว่านั่นคือภูตที่มาบอกเหตุ หรือไม่เขาก็มาเก็บเกี่ยวดวงวิญญาณ...เขาคงไม่ได้ตั้งใจมาให้เราเห็น
แต่หมามันเห็นแล้วมันก็เห่า...
ดีนะครับที่ไม่ได้หอน เราลุกไปดูเพราะเสียงหมาของเรา ถึงได้ไปเห็นภาพสยอง...หลอนสุดขีดนั่นเข้าเต็มเปา
นึกถึงทีไรขนลุกทุกที!
แต่นับจากวันนั้นมา ทุกอย่างก็เป็นปกติ...ขออย่าได้เจอะได้เจออีกเลยครับ หนเดียวก็เกินพอจริงๆ บรื๋อสสส...
แหล่งที่มา:
เครดิต :
ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!