ถ้ำปลาอาถรรพณ์!?


ถ้ำปลาอาถรรพณ์!?

สาวน้อย" เล่าประสบการณ์ขนหัวลุกจากถ้ำปลา แม่ฮ่องสอน



ดิฉันเป็นคนกำแพงเพชรค่ะ ตอนแรกว่าจะเล่าเรื่องผีดุที่บ้านเมืองตัวเองก่อน คิดดูซิคะ

จังหวัดดิฉันน่ะเป็นเมืองเก่าแก่ เจริญรุ่งเรืองมาตั้งแต่สมัยทวาราวดี เป็นที่ตั้งของเมืองโบราณมากมาย คิดว่าหลายๆ ท่านคงจะเคยผ่านหูผ่านตามาแล้ว



เช่น เมืองนครชุม เมืองชากังราว เมืองไตรตรึงษ์ เมืองเทพนคร เป็นต้น



ข้อสำคัญคือ กำแพงเพชรยังเป็นจังหวัดที่สอง ที่สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชได้ครองเมือง มีบรรดาศักดิ์เป็น พระยาวชิรปราการ

เมืองเก่าแก่ตั้งแต่สมัยกรุงสุโขทัย มีฐานะเป็นเมืองลูกหลวง แถมเป็นเมืองหน้าด่านอีกต่างหาก ต้องรับศึกสงครามอย่างโชกโชน



ผู้คนสารพัดเผ่าพันธุ์ต้องรบราฆ่าฟันกันจนล้มตายตั้งหลายพันหลายหมื่น


กองกระดูกทับถมกันแทบทุกตารางนิ้วก็ว่าได้...ยังงี้จะไม่ให้กำแพงเพชรเป็นเมืองผีดุ - วิญญาณเฮี้ยนได้ไงคะ?

แต่บังเอิญดิฉันกับเพื่อนๆ ไปพบเรื่องราวน่าขนหัวลุกที่ "ถ้ำปลา" จังหวัดแม่ฮ่องสอนเสียก่อน เลยถือโอกาสนำมาเล่าสู่กันฟังวันนี้ค่ะ



ลุงวินัย พ่อของโอ่งกับโอ๋เพื่อนสนิทของดิฉัน


ชักชวนครอบครัวและเพื่อนสนิทของลูกๆ ไปเที่ยวด้วยรถตู้ มีคนขับที่ชำนาญทาง ไว้ใจได้

เพราะการไปแม่ฮ่องสอนทางรถยนต์ต้องใจถึงจริงๆ มีโค้งตามไหล่เขาน่ากลัวถึงพันกว่าโค้ง...ทั้งเสียวทั้งน่าสนุก



ตอนนั้นเกือบปลายเดือนมกราคม เราผ่านเชียงใหม่ไปทางแม่สะเรียง


มีโปรแกรมว่าขากลับจะลงมาแวะเที่ยวงานพืชสวนโลกเพราะใกล้จะสิ้นสุดตอนปลายเดือน

อากาศหนาวเหลือเชื่อ แต่ทิวทัศน์บนยอดเขาสูงๆ ก็น่าตื่นตาตื่นใจจนพวกเราเพลิดเพลินไปตามๆ กัน



คืนแรกนอนพักที่ปายรีสอร์ตในอำเภอเมือง


ดูผู้คนดำรงชีวิตอย่างเรียบง่ายสงบสุข เห็นนักท่องเที่ยวต่างชาติหนาตา พวกเขาคงจะชื่นชอบกับธรรมชาติที่เป็นป่าเขาของเรามากๆ นะคะ

ส่วนมากมักสะพายเป้เที่ยวกันคึ่กๆ ต่อมาแวะที่อำเภอปายเห็นพวกหนุ่มสาวชาวตะวันตกมาเที่ยวเตร่กันมากมายแทบไม่น่าเชื่อ



โอ่งกับโอ๋ไปเที่ยวกรุงเทพฯ บ่อย บอกว่ามีนักท่องเที่ยวฝรั่ง


มาเดินถนนกันคึ่กๆ แบบเดียวกับถนนข้าวสารเลยค่ะ!

วันรุ่งขึ้น ตื่นตั้งแต่ตี 5 น้ำค้างตกจนสนามหญ้าและทางเดินเปียกโชกไปหมด มิน่าล่ะ เขาถึงมีร่มห้อยอยู่หน้ารีสอร์ตสองคัน

อากาศหนาวขนาดใส่เสื้อตั้ง 3-4 ชั้น ยังไม่วายสะท้าน



ไหนๆ มาเที่ยวทั้งที ถ้ามัวแต่อาลัยอาวรณ์ที่นอนอุ่นๆ


ก็ไม่คุ้มหรอก นอนอยู่บ้านดีกว่า...เราไปเที่ยวตลาดสด และใส่บาตรพระเณร สังเกตว่าเป็นเด็กๆ แทบทั้งนั้นลุงวินัยให้ความรู้ว่าเป็นสามเณรทั้งหมด

เขาเรียกว่า "ลูกแก้ว" รีบออกมาบิณฑบาตก่อนภิกษุ ที่ท่านจะออกมาได้ก็ต่อเมื่อมองเห็นลายมือได้ชัดเจนแล้ว



ไม่ว่าจะพระหรือเณรเราก็เต็มใจทำบุญใส่บาตรนะคะ


มีอาหารถุงตั้งโต๊ะขายถุงละ 20 บาท เณรน้อยท่านเข้าแถวคอยรับบาตรยาวเหยียดเลย พ่อเพื่อนบอกว่าคนพื้นบ้านเขานิยมใส่บาตรด้วยข้าวเหนียว

อย่างเดียวเหมือนที่หลวงพระบาง...จะวัฒนธรรมของพม่าหรือลาวก็ไม่ทราบแน่ชัด ส่วนกับข้าวและขนมเขาจะนำไปถวายที่วัดค่ะ



ดิฉันเดินดูตลาดกับเพื่อน เห็นโจ๊กกับเลือดหมูน่าทานเชียว


โอ่งกับโอ๋ชวนกันซื้อน้ำมันงา ดิฉันออกมาพบสามเณรพอดีเลยใส่บาตรด้วยปัจจัยรูปละ 20 บาท...แหม! ได้รับพรจากท่านมาเพียบเชียวค่ะ

หน้าตลาดมีคุณตำรวจ 2 - 3 นายคอยดูแลความสงบเรียบร้อยด้วยนะคะ

กลับโรงแรม ทานอาหารเช้าแบบบุฟเฟ่ต์แล้วออกเดินทางไปเรื่อยๆ จนถึงน้ำตกผาเสื่อและถ้ำปลา มี "ภูโคลน"



เป็นจุดหมายสุดท้าย พวกคุณป้าคุณน้าตื่นเต้นกันใหญ่...อยากไปถึงเร็วๆ


เพื่อเสริมสวยด้วยการใช้โคลนพอกหน้า กำจัดสิวฝ้าและทำให้ผิวพรรณเต่งตึง อ่อนกว่าวัย ได้ข่าวว่ากำลังนิยมกันมาก

น้ำตกผาเสื่อมีน้ำน้อยจนไม่ค่อยสวย...จนกระทั่งถึงถ้ำปลา!

มีศาลานิทรรศการอยู่ด้านหน้า เชื้อเชิญพวกเราไปฟังเพลงอนุรักษ์ธรรมชาติจากหนุ่มๆ สาวๆ ที่ตั้งวงดนตรีเล็กๆ น่ารัก



ดูเหมือนจะเป็นพวกสะล้อ ซอ ซึง อะไรนี่แหละค่ะ


บอกว่าเป็น...ท่วงทำนองแห่งสำเนียงไพร ผ่านการร้อยเรียงจากจินตนาการ เพื่อสืบสานงานอนุรักษ์ป่าไทย

ฟังแล้วชื่นใจที่คนรุ่นใหม่ยังรู้จักหวงแหนแผ่นดินและผืนป่า เอาไว้ให้อนุชนรุ่นหลัง ก่อนที่ป่าเมืองไทยจะถูกทำลายไปแทบหมดสิ้น น่าใจหายจริงๆ ค่ะ



เราช่วยซื้อซีดีเพลง แล้วเดินไปตามทางร่มรื่นจนถึงบริเวณถ้ำปลา


มีแผงขายอาหารปลาที่เป็นผืชพัก ถุงละ 10 บาท ปลาพวกนี้ถือศีลกินเจ คือเป็นปลามังสวิรัติ

พวกเราจึงซื้อติดมือคนละถุงสองถุงไต่บันไดไปที่ปากถ้ำที่มีนักท่องเที่ยวขึ้น - ลงราว 10 คน



...ถ้ำปลาเป็นถ้ำใต้เชิงเขา มีน้ำไหลออกมาทั้งปี


สามารถมองเห็นปลาขนาดใหญ่ มีสีดำอมเทาอมฟ้าอยู่กันเป็นจำนวนมาก เรียกว่าปลามุงหรือปลาพลวงหิน...

ในฤดูหนาวและฤดูร้อนจะมีนักท่องเที่ยวเป็นจำนวนมากเนื่องจากมีลำธารน้ำไหลตลอดปี



มีป้ายห้ามพิงราว เดี๋ยวตกลงไปในถ้ำปลาละแย่เลย!



เราชะโงกมองอย่างตื่นเต้น โอ่งกับโอ๋ถ่ายรูปกันเป็นว่าเล่น ผักกาดและแครอตที่เราโยนลงไปก็มีปลาฝูงใหญ่แย่งกันฮุบโผงผางน่าตื่นเต้น...

มีช่องเล็กๆ ใต้เพิงผาให้ปลาลอดออกมาสู่ลำธารและสระขนาดใหญ่ภายนอก...ลมพัดซ่าจนทำให้ขนลุกเกรียวเลยค่ะ



เมื่อลงมานั่งพักที่เก้าอี้ยาวข้างสระ


โอ่งก็โชว์ภาพถ่ายจากกล้องดิจิตอลให้ดูทั้งภาพพวกเราและปลานับร้อยๆ ตัวเต็มบ่อ...

มีภาพใบหน้าสาวสวยปรากฏชัดเจนอยู่กลางฝูงปลา...ใครไม่ขนหัวลุกก็ประสาทแข็งเต็มทีนะคะ! บรื๋อส์!!




แหล่งที่มา:


เครดิต :

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์