ผีกระดุ้ย!


ผีกระดุ้ย!

"คนวิเศษฯ" เล่าเรื่องขนหัวลุกจากวิเศษชัยชาญ



เขาว่าจังหวัดไหนมีวัดวาอารามเยอะ แสดงว่าผู้คนในจังหวัดนั้นใจบุญสุนทาน

เชื่อมั่นในพระบวรพุทธศาสนา ชาวบ้านร้านช่องอยู่ในศีลในธรรม คนใจบาปหยาบช้าหรือพวกนิสัยเกเรเกตุงหาทำยายาก



จะจริงหรือเท็จก็ลองพิจารณาดูนะครับ



สมัยก่อนอาจจะจริง แต่มาถึงสมัยนี้ ไม่รู้ว่าอารยธรรมตะวันตกไหลบ่ามาเร็ว แถมมากมายเหลือเชื่ออีกต่างหาก คนเราก็มักจะห่างวัดห่างวา

หันไปหาบาร์หาคลับ ชอบร้องเพลงคาราโอเกะ คิดว่าโก้ ดูจ้ำบ๊ะที่เรียกซะหรูหราว่า โคโยตี้ กันให้สะพรั่ง ไม่ว่าในกรุงหรือต่างจังหวัดล้วนเหมือนกันหมด



ศาสนาอื่นเขามีวันหยุดเพื่อเข้าโบสถ์เข้ามัสยิดกันทุกอาทิตย์


ศาสนาพุทธก็น่าจะให้หยุดงานทุกวันพระดูมั่งนะครับ เผื่อจะได้ผลเรื่องขัดเกลาความแข็งกระด้างออกไปจากจิตใจพุทธศาสนิกชนกันมั่ง

ไม่ลองก็ไม่รู้หรอกน่า!

อ้อ! จังหวัดอ่างทองบ้านผมน่ะมีวัดวาอารามไม่น้อยหน้าที่ไหนนะครับ มาจากความเชื่อที่ว่า



เศรษฐีที่พ่อแม่หรือลูกเต้าตายก็จะสร้างวัดทำบุญให้มาแต่สมัยโบราณแล้ว


...วัดถึงได้ครึ่ดไปทั้งสองฝั่งแม่น้ำน้อยไงล่ะครับ

ยกตัวอย่างง่ายๆ คุณพนิดา ลูกสาวนายห้างท่อน้ำไทยถึงแก่กรรมเมื่อราวสิบปีเศษมาแล้ว ท่านบิดาก็อุทิศเงินถึง 50 ล้านบาท

สร้างศาลาการเปรียญใหญ่โตและงดงามมากที่วัดสำโรง เป็นที่เชิดหน้าชูตาของคนวิเศษชัยชาญและชาวจังหวัดอ่างทองโดยทั่วไป



วัดยิ่งมากเท่าไร ผีก็ยิ่งดุมากเท่านั้น!



อ้าว? จริงๆ นะครับ ไม่ได้พูดล้อเล่น เพราะวัดก็คือที่พักพิงแหล่งสุดท้ายของคนเรานี่นา...ตายแล้วก็ไปวัด ได้พักผ่อนสงบสุขไปตลอดกาล

พวกญาติมิตรที่มีความคิดก็จะได้ไม่ประมาท เมื่อนึกว่าวันหนึ่ง ไม่ช้าก็เร็ว...เราต้องถูกเขาหามแห่มาเผามาฝังไว้ที่วัดใดวัดหนึ่งเช่นกัน



มรณสติเอาไว้เป็นดีที่สุด ตัดโลภ โกรธ หลง ได้ดีนักเชียว!



เผลอๆ ยังได้ข้อคิดตามวัดที่เขียนเอาไว้สอนใจและปลอบใจอีกต่างหาก

"พระมีมนต์ คนมีทรัพย์-คนนับถือ"

"ไม่มีใครโชคดีตลอดไป ไม่มีใครโชคร้ายตลอดกาล"

"ยิ่งให้ ยิ่งได้"



"ยิ่งทำความดี ยิ่งมีความเจริญรุ่งเรือง"



เยอะแยะครับ จดจำกันไม่หวาดไม่ไหว ใครชอบผมจะคัดลอกคำสอนที่ฟังดูพื้นๆ แต่ถ้าคิดและไตร่ตรองให้ดีจะพบว่ามีความหมายลึกซึ้ง

มาเล่าสู่กันฟังในโอกาสหน้า ใครปฏิบัติตามได้รับรองว่ามีแต่จะได้ลูกเดียว ไม่มีอะไรเสียหายเด็ดขาด!



เมื่อปลายเดือนมีนาคมนี่เอง ผมมีเพื่อนชื่ออ๋อจากอู่ทอง


สุพรรณบุรีมาเยี่ยมบ่นว่าปีนี้น้ำท่ามันทำพิษเหลือใจ ตอนกันยายน-ตุลาคมก็ท่วมเอาปางตาย ตอนนี้ก็แล้งน้ำจนจะขอดน้ำตากินอยู่แล้ว!

ว่าไปนั่นเลย เพื่อนแถวบ้านชื่อบินมันบอกว่าอ่างทองมิหนักกว่าหรอกรึ? กรมชลฯ เขาทำท่าไหนไม่รู้ จะระบายน้ำลงมาก่อนก็เสียดาย



พอจวนตัวเข้าก็ปล่อยน้ำลงมาเหมือนน้ำตก



...ข้ามองดูน้ำมันขึ้นที่บันไดบ้านชั่วโมงละ 1 นิ้ว มืออ่อนตีนอ่อน ข้าวของขนหนีไม่ทัน น้ำเจิ่งอยู่หลายเดือน ไร่นาวอดวายหมด แต่นาน่ะปีหน้าก็ทำใหม่ได้แล้ว

สวนมะม่วงร้อยกว่าต้นนี่ซีเหลืออยู่แค่ 6 ต้น เพราะเป็นมะม่วงป่า มันทนน้ำเหลือใจ...นอกนั้นน่ะอีกตั้ง 5-6 ปีกว่าจะติดดอกออกช่อ เจ้าประคุณเอ๋ย...



ที่เอ็งเห็นแม่น้ำน้อยเอ่อเต็มน่ะเพราะอานิสงส์ของปลาตายเป็นล้านตัว


ที่โรงงานผงชูรสปล่อยน้ำเสีย หรือเรือน้ำตาลล่มก็ยังเถียงกันอยู่...กรมชลฯ เขาเลยปล่อยน้ำลงมาเจือจางจนแม่น้ำน้อยเอ่อขึ้นมาเกือบเปี่ยมตลิ่ง

ไม่งั้นก็แห้งขอดเกือบเดินข้ามได้แน่ะ!

เจ้าอ๋อคนอู่ทองเอียงคอมองยิ้มๆ ถามว่า...คนวิเศษฯ ใกล้ๆ แค่นี้ก็ "พูดเยื้อง" เหมือนกันหรือ?



เจ้าบินมองหน้าผมแล้วบอกว่า...คนอู่ทองใกล้ๆ บ้านฉันก็ "พูดชวย" หรือ?



สรุปว่า "เยื้อง" ของสุพรรณ กับ "ชวย" ของอ่างทอง แปลว่า "เหน่อ" เหมือนๆ กันน่ะแหละครับ...คราวนี้เลยหันมาคุยกันเรื่องภาษาถิ่น

เจ้าบินช่างเจรจาก็บอกว่าเคยได้ยินคำว่า "เคลน" ไหมเล่า? มาจาก "โคลน" กับ "เลน" รวมกัน เรียกว่า "เคลน" สะดวกปากดี หรืออย่างเด็กๆ



เล่นล้อต๊อกก็เอาเสียงมันดังต๊อกๆ ต๋อยๆ มาเรียกว่า "ก๋อย"



ฝนตกปรอยๆ ฝนตกหยิมๆ คนอ่างทองรู้จักอยู่ แต่คนชัยนาทบางอำเภอเขาเรียก "ฝนตกแซะๆ" กับ "ฝนแตกแพร็มๆ"

เจ้าบินเห็นหนุ่มสุพรรณฟังเพลินก็เล่าเรื่อง "ผีกระดุ้ย" ที่มีในจังหวัดอ่างทองแห่งเดียวให้เจ้าอ๋อฟัง!



เมื่อ 2-3 ปีมาแล้ว มีแม่กับลูกสาวคู่หนึ่งไปนั่งรอรถที่ร้านกาแฟ


เพื่อจะเข้าอ่างทอง ลูกสาวเกิดหิวก็สั่งข้าวราดแกงมากิน พอรถมาถึงแม่ก็เร่งลูกสาวให้กินข้าวเร็วๆ ขืนช้าจะตกรถ

ในที่สุดก็รีบร้อนจนพลัดตกลงมาตายคาที่ทั้งสองคน

วันดีคืนดีมีคนเห็นแม่ลูกคู่นั้นมานั่งรอรถตามเคย แต่ส่วนมากมักจำไม่ได้เพราะก้มหน้าตาง่วน ลูกสาวรีบตักข้าวเข้าปาก



รถเมล์แล่นฝุ่นตลบมายามบ่ายจัด แม่ก็เร่งลูกยิกๆ แทบไม่ขาดปาก



"รถมาแล้วอีหนู มึงรีบ "กระดุ้ยๆ" เข้าซีวะ เดี๋ยวจะตกรถ!"

คำว่า "กระดุ้ย" ก็คือเร่งร้อนให้ทำอะไรเร็วๆ นั่นเอง...คนที่ได้ยินเต็มหูต่างหันขวับไปมอง แม่ฉุดมือลูกสาววิ่งไปที่รถกำลังจะแล่นออก...

หายวับไปกับตา! ท่ามกลางความตะลึงพรึงเพริด...กระดุ้ยกันไปคนละทิศละทางในบัดดล!




แหล่งที่มา:


เครดิต :

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์