บ้านสนธยา


บ้านสนธยา

"เชอรี่" เล่าประสบการณ์ขนหัวลุกจากคฤหาสน์โบราณ



บ้านป้าติ๋วเป็นตึกใหญ่ที่น่ากลัวมาก สร้างมาตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 7 ในที่ดิน 1 ไร่

บริเวณฝั่งตะวันตกของแม่น้ำเจ้าพระยา ซึ่งก็คือฝั่งธนฯ นั่นเอง



คุณตาของป้าติ๋วเป็นพระยาค่ะ



บ้านท่านจึงโอ่อ่ามาก สมัยนั้นคงเป็นบ้านที่สวยจริงๆ แต่เมื่อเวลาล่วงมาถึงปัจจุบันมันกลับเก่าโทรม

แต่ยังคงมีเค้าของความสง่า...ดิฉันเชื่อว่าวิญญาณเจ้าของบ้านก็ยังอยู่ที่นี่ด้วย



เรื่องนี้เกิดขึ้นเมื่อ 20 ปีก่อน!



ตอนนั้นดิฉันอายุเพิ่ง 10 ขวบเท่านั้นเอง ป้าติ๋วเป็นญาติห่างๆ ของคุณแม่ เธอเป็นผู้หญิงที่สวยเย็นๆ เป็นผู้ดี เรียบร้อยนุ่มนวล เดิมนั้นเธอร่ำรวยมาก

ตระกูลผู้ดีเก่านี่คะ! ใครๆ ก็คิดว่าเธอจะสุขสบายอยู่บนกองเงินกองทองตลอดทั้งชาติ เพราะเธอเป็นบุตรสาวคนเดียวของลูกสาวพระยา



สมัยก่อน ตึกใหญ่แห่งนี้มีผู้อยู่อาศัยราว 20-30 คน


เห็นจะได้ ทั้งคุณตาคุณยายของป้าติ๋ว ครอบครัวป้าติ๋วและครอบครัวคุณน้าแท้ๆ ของเธอ

ทั้งยังพรั่งพร้อมไปด้วยข้าทาสบริวาร คนรถ คนสวน แม่ครัว...อุ่นหนาฝาคั่งดีจริงๆ

ตึกใหญ่นี้เป็นบ้านสองชั้น ก่ออิฐถือปูน สร้างสลับซับซ้อน เป็นเหลี่ยมเป็นมุม ตรงกลางเป็นหอคอยทรงกลมสูง 3 ชั้น สองปีกของบ้านมีลักษณะแตกต่างกัน



ตัวตึกงามสง่าเพราะสถาปนิกชาวต่างประเทศออกแบบ


ให้เหมาะกับสภาพดินฟ้าอากาศร้อนชื้น คือเป็นตึกสูง ชายคายื่นกว้าง มีเสาสูงๆ รับชายคาด้านนอก และมีหน้าต่างสูงยาวหลายบาน

ตั้งแต่เล็กๆ คุณแม่จะพาไปเยี่ยมป้าติ๋วเสมอ ดิฉันชอบบ้านหลังนี้มาก เพราะแอบคิดว่าเป็นปราสาทเจ้าหญิงในเทพนิยาย!



ต่อมา คุณน้าของป้าติ๋วทำกิจการของตัวเองล้มละลาย


เป็นหนี้เป็นสินล้นพ้นตัว ทั้งยังติดคดีจนต้องหลบหนีไปอยู่ต่างประเทศ ตึกใหญ่หลังนี้เหลือแต่ครอบครัวป้าติ๋วไม่กี่คน

กับพวกคนรับใช้ทั้งหลาย บ้างก็ตาย บ้างก็ออกไปแต่งงานแต่งการ ป้าติ๋วเองก็เป็นสาวโสด เธออยู่บ้านนี้เพียงลำพังเป็นป้าพิกุล-สาวใช้คนสนิท



บ้านใหญ่โตกลับดูเหมือนตึกร้าง


เพราะป้าติ๋วกับพี่พิกุลอยู่ทางปีกหนึ่งของบ้าน นอกนั้นปิดไว้เฉยๆ นานๆ จึงจะทำความสะอาดสักครั้ง

เมื่อ 20 ปีก่อน ดิฉันจำได้ว่าเป็นฤดูหนาว บรรยากาศใกล้ปีใหม่แล้วล่ะค่ะ คุณแม่พาดิฉันไปเยี่ยมป้าติ๋ว เพราะเธอไม่ค่อยสบายเป็นไข้หวัดใหญ่ ไอโขลกๆ น่าสงสาร



คุณแม่ทำข้าวต้มกุ้งไปให้ป้าติ๋วตอนก่อนเที่ยง



พอไปถึงบ้านนั้น คุณแม่ก็ให้ดิฉันนั่งเล่นคนเดียวที่โถงกลางบ้าน ซึ่งความจริงก็เป็นชั้นล่างของหอคอยทรงกลมล่ะค่ะ....

ดิฉันไม่ได้ไปห้องป้าติ๋วเพราะคุณแม่กลัวว่าจะไปติดไข้หวัดใหญ่น่ะซีคะ

ระหว่างนั่งรอนั้น ป้าพิกุลยกคุกกี้กับน้ำส้มมาเลี้ยง แล้วขอตัวไปจ่ายกับข้าว ดิฉันจึงถูกทิ้งให้อยู่คนเดียว



ตอนนั้นไม่ได้นึกกลัวอะไรเลย สนุกดีซะอีก



อากาศกำลังสบาย ไม่ร้อนไม่หนาว แสงแดดก็สดใส คุกกี้ก็อร่อยมาก แต่ความที่เป็นเด็กทำให้ดิฉันเกิดเบื่อขึ้นมา อยากจะหาอะไรซนๆ ทำ...

นึกออกแล้ว...สมมติว่าตัวเองเป็นเจ้าหญิงอยู่ในปราสาทไง!

แหงนคอมองบันไดเวียนที่สูงวน...หายขึ้นไปในความสลัวโน่น...



ได้การละ! ดิฉันขึ้นบันไดไปเรื่อยๆ



ห้องหับต่างๆ เงียบกริบ แต่เหมือนมีใครจ้องมองเราอยู่ตลอดเวลาด้วยความเป็นมิตร เอ...หรือบ้านนี้มีชีวิตนะ?

ห้องที่ชั้นสองมีตู้หนังสือ ดิฉันเดินเข้าไปดูแต่มันติดกุญแจ! ไม่เป็นไร ไม่ดูก็ได้ ขึ้นชั้นสามดีกว่า...คิดแล้วก็เดินขึ้นบันไดเวียน



ลมหนาวพัดมาวูบหนึ่ง แรงทีเดียว...ดิฉันชะงักฝีเท้านิดหนึ่ง



แล้วก็ก้าวขึ้นบันไดต่อไป...มันเท่ดีออกที่จะได้ไปอยู่บนหอคอย แล้วมองลงมาจากหน้าต่างชั้นบนสุด

ห้องข้างบนนี้ไม่มีอะไรเลย นอกจากโต๊ะไม้เก่าๆ กลมๆ และเก้าอี้สามตัว

อือม์...คงเอาไว้จิบน้ำชาหรือนั่งดูดาวก็ได้!



ดิฉันไปที่หน้าต่างที่เปิดกว้างไว้ ไม่มีฝุ่นเลย



ป้าพิกุลคงเพิ่งทำความสะอาด ดิฉันจับขอบหน้าต่างแล้วเขย่งตัวขึ้น...กะว่าจะชะโงกออกไป

"จุ๊ย์ๆ อย่าซน!" เสียงดุเบาๆ ดังขึ้นเล่นเอาดิฉันสะดุ้ง หันขวับ...เห็นชายชรานุ่งโจงกระเบน สวมเสื้อราชปะแตนยืนถือไม้ตะพดอยู่...เปล่าค่ะ


ท่านไม่ได้เงื้อไม้ตะพดหรอก หน้าตาเศร้าๆ



นั่นไม่ดุเลยสักหน่อย พอหันไปดูเห็นท่านยิ้มนิดๆ ด้วยซ้ำ

ทันใดนั้น ร่างของท่านก็ค่อยๆ สลายเป็นอากาศธาตุไปเฉยๆ

ดิฉันหอบหายใจแรง ไม่กล้าวิ่ง ได้แต่ยืนนิ่งอยู่ตั้งนาน...บ้านทั้งหลังดูวังเวง ทั้งๆ ที่มีแสงจ้า...ตอนนั้นงงมากๆ ว่าเราเห็นอะไร? ผีแน่ๆ



พอได้สติดิฉันก็ค่อยๆ ลงบันไดไปที่ห้องป้าติ๋ว



คุณแม่กับป้าติ๋วถามว่าทำไมถึงตัวสั่นอย่างนั้น? ดิฉันก็เลยเล่าให้ฟัง คุณแม่ตกใจมากแต่ป้าติ๋วยิ้มๆ เท่านั้น เหมือนกับชินเสียแล้ว

"คุณตาป้าติ๋วเองแหละจ้ะ ไม่ต้องกลัวหรอกนะ วิญญาณปู่ย่าตายายท่านคุ้มครองเราน่ะ...."



ดิฉันเชื่อค่ะ ท่านคงกลัวว่าดิฉันจะปีนหน้าต่างตกลงมาแน่ๆ เลย



เรื่องนี้แม้จะเกิดขึ้นนานแล้ว แต่ก็ยังประทับใจดิฉันมาจนถึงทุกวันนี้...อย่างไรก็ตาม ดิฉันยอมรับว่ากลัวบ้านป้าติ๋วตั้งแต่บัดนั้นเป็นต้นมาเลยค่ะ!




แหล่งที่มา:


เครดิต :

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์