วิญญาณเฝ้ารถ


วิญญาณเฝ้ารถ

"หนุ่มดินแดง" เล่าประสบการณ์ขนหัวลุกจากรถผีสิง



ผมซื้อรถมือสองมาจากอู่ใกล้ๆ บ้าน มันเป็นรถเก๋งยี่ห้อดีที่ดูใหม่เอี่ยม

เครื่องยังดีเยี่ยม แค่เปลี่ยนหลังคากับกระจกเท่านั้น ราคาไม่แพงอย่างที่คิด ผมเห็นแล้วก็ติดใจตั้งแต่มันยังอยู่ในสภาพที่ไม่มีหลังคา



....ในที่สุดผมก็ได้เป็นเจ้าของมัน ขับมันกลับบ้าน!



แม่กับภรรยาของผมสบายใจมากขึ้น ที่ผมยกมอเตอร์ไซค์คันเก่าให้หลานชายไปใช้ แล้วหันมาขับรถเก๋งแทนมันปลอดภัยกว่าแยะ

เพราะบ้านผมกับที่ทำงานอยู่ไกลมาก ขึ้นทางด่วนก็ไม่ได้ แต่หลานชายน่ะใช้ขี่ไปตลาด หรือซื้อของใกล้ๆ บ้านเท่านั้น



ไม่น่าห่วงเท่าไหร่...เสียอย่างเดียวตรงที่บ้านผมน่ะคับแคบ



ไม่มีที่พอจะจอดรถ จำต้องจอดไว้ริมรั้วนอกบ้าน

คืนแรกๆ ผมนอนไม่หลับเลยครับ กลัวใครจะมาขโมยรถน่ะสิ! ทั้งเป็นกังวลและวิตกจริตจนอดนอนซะหลายคืน แต่พอนานๆ เข้าก็เริ่มวางใจ

ผมเคยบ่นเรื่องห่วงรถ กลัวรถหายให้เพื่อนร่วมซอยฟัง เขาหัวเราะแล้วพูดแปลกๆ ว่า รถคันนี้รับรองได้ว่าไม่หายหรอก



เพราะมันเหมือนมีคนนั่งเฝ้าอยู่ตลอดเวลา



เดินผ่านทีไรก็สะดุ้งเพราะคิดว่ามีผู้หญิงมานั่งอยู่ข้างใน!

ว่าแล้วก็กระซิบถามผมว่า แอบมีกิ๊กหรือเปล่า?

เรื่องนี้คิดดูก็แปลกนะครับ ตัวผมเองถึงกับสะดุ้งไปเหมือนกัน เมื่อคืนหนึ่งราวๆ สามทุ่ม ผมมีธุระต้องไปรับงานที่บ้านเพื่อน


ผมเดินออกจากบ้านอย่างสบายอารมณ์



มือถือกุญแจรถเขย่าเล่นกรุ๋งกริ๋ง แล้วก็ต้องชะงัก เพราะมองไปในรถคล้ายมีเงาผู้หญิงนั่งอยู่ที่นั่น...ตรงที่นั่งคนขับเลยครับ

อ้าว? พอเข้าไปใกล้ๆ ก็ไม่มีอะไร สงสัยแสงไฟริมถนนจะเล่นกลหลอกตา

อีกอย่างหนึ่งที่ผมสะดุดใจก็คือ รถคันนี้มีกลิ่นหอมแปลกๆ เป็นน้ำหอมโคโลญจน์แบบที่เด็กสาววัยรุ่นชอบใช้ กลิ่นนี้มาได้ไง?



ถ้าภรรยาผมเกิดจมูกดีได้กลิ่นบ้างมีหวังผมเสร็จแน่ ทั้งที่ไม่รู้อิโหน่อิเหน่นี่แหละ



โชคดีที่ไม่มีคนอื่นได้กลิ่น มีผมเท่านั้น ที่ได้กลิ่นเกือบทุกเช้าที่มาเปิดประตูรถ...เหมือนมีสาวมานอนในรถทั้งคืนจริงๆ ครับ!

บางทีตอนค่ำๆ ขณะกลับบ้าน กลิ่นนี้ก็จะโชยออกมาจากแอร์ ผมไม่ได้ใช้แอร์รีเฟรซนะครับเพราะแพ้ของพวกนี้


ถ้าได้กลิ่นนิดเดียวจะจามเอาเป็นเอาตายเลยล่ะ



แต่แปลกที่กลิ่นโคโลญจน์นี้กลับไม่ได้ทำให้ผมทรมารทรกรรมอะไรนัก นอกจากสงสัยนิดหน่อยว่าต้นสายปลายเหตุมาจากไหน

อย่างไรก็ตาม ผมไม่อยากทิ้งเรื่องนี้ให้คาใจ!

วันหนึ่ง ผมกลักบ้านเร็วก็เลยเลี้ยวเข้าไปในอู่ ถามช่างว่าทำไมกลิ่นยังติดอยู่ จะทำยังไงให้หายได้? ช่างทำหน้าพิกล



จะยิ้มก็ไม่ใช่ จะร้องไห้ก็ไม่เชิง...เป็นอันว่าช่างก็ไม่รู้ว่าจะทำยังไงเหมือนกัน



แต่แล้วในที่สุดก็ได้คำตอบ...มันทำให้ผมรู้ทีละนิดละหน่อย แล้วเพิ่มดีกรีความรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ จนผมทนไม่ไหว

คืนหนึ่งผมไปเที่ยวกับเพื่อน กินเหล้าแถวรัชดาฯ ตามประสาผู้ชาย พอสองยามกว่าๆ ก็กลับบ้าน ขับไปก็เปิดวิทยุฟังเพลง...อ้าว?


อยู่ดีๆ วิทยุเปลี่ยนช่อง...เอ๊ะ! ยังไงกัน? มันเป็นแบบนั้นตลอดทาง



ผมรู้สึกเหมือนมีผู้หญิงมานั่งอยู่ในรถคันนี้ด้วย และกำลังงอแงเอาแต่ใจตัวเอง แกล้งผมจนถึงบ้าน

ยอมรับว่าขนลุกซู่ซ่า แต่ก็นึกว่าเราคิดไปเอง

ความไม่สบายใจของผมเพิ่มมากขึ้น เมื่อตอนพลบค่ำวันหนึ่งผมขับรถเข้าปั๊มน้ำมัน ระหว่างที่เด็กกำลังเติมน้ำมันอยู่



ผมก็เดินเข้าร้านสะดวกซื้อในปั๊ม...พอกลับออกมาผมถึงกับสะดุ้งโหยง



เพราะเป็นนักศึกษาสาวคนหนึ่งนั่งตรงคนขับ เธอกำลังส่องกระจกเติมลิปสติก และเมื่อผมชะงักกึกก่อนถึงรถได้ราวๆ สักห้าหกก้าว เธอก็เหลือบมาสบตาผม แล้วหายวับไปเลย

ผมงงมาก สมองเราฟั่นเฟือนหรือผีหลอกกันแน่?

ผมตั้งสติอยู่นาน กลัวก็กลัว แต่จะทำยังไงได้ล่ะ จะจอดรถไว้ที่นี่แล้วเรียกแท็กซี่กลับเหรอ...มันพิกลๆ นะ!



ผมแข็งใจขับรถกลับบ้านอย่างหวาดๆ เสียวสันหลังวาบๆ



ปากคอแห้งผากไปหมด...

คิดดูนะครับ บรรยากาศมืดลงๆ รถติดเป็นแพก็จริงอยู่ แต่ในรถนี่มีผมคนเดียว เมื่อปะติดปะต่อเรื่องราวตั้งแต่ต้นจนชักมองเห็นภาพแล้วล่ะว่า รถคันนี้ประวัติไม่ดีแน่ๆ

สองสามวันหลังจากนั้น ผมพยายามกลับบ้านแต่วัน ไม่ไปกินเหล้ากับเพื่อน เพราะไม่อยากบอกใครว่าผมกลัวผี ไม่กล้าขับรถกลางคืนคนเดียว



คืนสุดท้ายที่รถคันนี้อยู่กับผมก็คือเมื่อปีก่อนนี้เอง...คืนนั้นตอนตีสาม



อยู่ดีๆ ผมก็ตื่นขึ้นมา ภรรยายับหลับอยู่ข้างๆ ผมรู้สึกเหมือนมีอะไรเรียกให้เปิดหน้าต่างไปดูที่รถ ...ผมทำตามความรู้สึกนั้น

จากหน้าต่างหัวนอน มองข้ามรั้วออกไปฝั่งตรงข้ามของถนนในซอย ผมจอดรถไว้ที่นั่นเพื่อจะได้เห็นชัดๆ ว่ารถยังอยู่ดี...


เห็นถนัดว่ามีก้อนกลมๆ ดำๆ คล้ายลูกบอลวางอยู่บนหลังคา



ตรงคนขับ ผมมีสติเต็มที่และเพ่งดูสิ่งนั้น

เฮ้ย...หัวคนนี่หว่า มันหมุนมาช้าๆ เห็นชัดว่าเป็นผู้หญิง

ไม่ไหวแล้วล่ะครับ ผมยกรถคันนี้ให้วัดแห่งหนึ่งแล้วเล่าให้พระท่านฟังตรงๆ ผมไม่ขายต่อหรอกครับ สงสารคนที่จะมาซื้อ เพราะรถคันนี้ดูๆ ท่าจะขายง่ายเสียด้วย

งวดนั้นภรรยามาซื้อลอตเตอรี่ ถูกรางวัลที่สอง เหมือนผีคืนเงินค่ารถให้เรา ผมแบ่งเงินทำบุญให้เธอ แต่ผมก็ยังกลัวผีของเธอมาจนทุกวันนี้ครับ!




แหล่งที่มา:


เครดิต :

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์